14 ส.ค. 2022 เวลา 15:33 • ปรัชญา
บางทีเราก็ไม่รู้เลยว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ถ้าให้พูดถึงเรื่องความตาย จริงๆแล้วความตายเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากๆ หายใจเข้าแต่ไม่หายใจออกก็ถือเป็นความตาย หายใจออกแต่ไม่หายใจเข้าก็ถือเป็นความตาย หลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาก็เป็นความตายเช่นกัน
บางคนสำลักข้าวตายก็มี สำลักน้ำตายก็มี ไหลตายก็มี หรืออุบัติเหตุเพียงแค่วินาทีเดียวก็อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้
บางคนนั้นคิดว่าตนเองจะต้องมีอายุมากก่อนถึงจะตาย แต่! โลงศพมีไว้ใส่คนตายไม่ได้มีไว้ใส่คนแก่
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้เขียนได้ประสบอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถจักรยานยนต์ แต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มีแผลฟกช้ำตามร่างกายแล้วก็ถลอกนิดหน่อย เนื่องจากไม่ได้ชนแรงมาก
ในตอนที่รถล้มลงไปความรู้สึกในตอนนั้นมันมืดไปหมด แล้วตัวเราก็กลิ้งไปตามถนน หมวกกันน็อคก็ไม่ได้ใส่ ศีรษะของเราไม่ได้กระแทกถนนแรง โดนแบบนิ่มๆ ก็โชคดีที่ศีรษะไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก แต่ได้แผลฟกช้ำตามแขน ตามขา ตามข้อเท้า แล้วก็ถลอกนิดหน่อย ดีที่ไม่มีเลือดตกยางออกเลย
แฝดน้องของเราเป็นคนขี่ เราเป็นคนซ้อน น้องก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แค่ปวดกล้ามเนื้อ
อุบัติเหตุในครั้งนั้นมันทำให้เราเข้าใจว่า จริงๆแล้วความตายเป็นสิ่งใกล้ตัวและไม่ควรประมาทในชีวิต
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า "เราควรระลึกถึงความตาย ทุกลมหายใจเข้าออก"
เพราะความตายไม่เลือกเวลา-สถานที่ หรืออายุขัยของมนุษย์ ว่าจะมากหรือน้อย จะหล่อหรือสวย จะรวยหรือจน
ที่สำคัญคือ...เราไม่รู้ถึงวันตายของตัวเองว่าจะมาถึงในวินาทีใด
ถ้าสมมุติว่าเราทุกคนรู้ว่าตัวเองจะตายตอนไหน เราจะหมั่นทำความดี เราจะละการทำชั่ว เราจะมีจิตเมตตามากขึ้น เราจะถือสาหาความผู้อื่นน้อยลง เราจะรู้ว่าสิ่งสำคัญคืออะไร เราจะเข้าใจสัจธรรมชีวิตมากขึ้น
สุดท้ายเรามาตัวเปล่า เราก็ต้องไปตัวเปล่า ชื่อเสียง ลาภยศ เงินทอง ที่เราเสาะแสวงหาบนโลกมนุษย์ สุดท้ายก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี.......
ขออนุญาตยืมรูปคุณขุนเขานะคะ
โฆษณา