15 ส.ค. 2022 เวลา 04:42 • ข่าวรอบโลก
ถ้าพูดถึงประเทศแคนาดา พวกคุณจะนึกถึงอะไรกัน? ผู้คนที่เป็นมิตร คุณภาพชีวิตที่ดี สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงาม แต่สิ่งที่คนทั่วไปอาจจะนึกไม่ถึงก็คือคดีฆาตกรรมดังๆ เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่น่าเอามาเล่าสู่กันฟัง
ในบทความนี้ จะพามารู้จักกับคดีหนึ่ง ถ้าไม่ใช่คนแคนาดาก็แทบจะไม่มีใครจำคดีนี้ได้เลย และไม่ค่อยถูกหยิบยกมาพูดถึงเสียเท่าไหร่
คดีนี้ไม่ได้มีปริศนาอะไรชวนขบคิด หรือซับซ้อน แต่มันแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของมนุษย์ ทำให้เราตระหนักถึงความอันตรายของคนแปลกหน้า ตระหนักถึงชีวิตของคนเราที่พอถึงคราวเคราะห์แล้วจะถูกพรากไปฉับพลันจนเราไม่ทันตั้งตัว
เพราะฉะนั้น เรามาค่อยๆ ดำดิ่งลงไปสู่คดีนี้ว่ามันเป็นมายังไงกันแน่
30 กรกฏาคม ปี ค.ศ.2008 เป็นวันธรรมดาๆ วันหนึ่งของ ทิม แมคลีน พนักงานเทศกาลคาร์นิวัล วัย 22 ปี ที่อัทยาศัยดี เขาเพิ่งทำงานเสร็จจากเมืองเอดมันตัน เลยนั่งรถบัสเพื่อจะกลับบ้านที่เมืองวินนิเพ็ก
เวลาประมาณเกือบๆ 1 ทุ่ม รถบัสก็ได้หยุดรับคนที่ชุมชน Erickson ซึ่งมีชายร่างกายสูงใหญ่กำยำขึ้นมาโดยสารด้วย ชายคนนั้นชื่อว่า วินเซนต์ ลี
ลี ปรากฏกายด้วยความสูงกว่า 180 cm+ ผมทรงสกินเฮดและใส่แว่นดำ ถ้าเราไปเจอคนแบบนี้ในตรอกเปลี่ยวๆ ตอนกลางคืน ก็ทำเอาเสียวสันหลังวาบอยู่เหมือนกัน แต่นี่เขาอยู่บนรถบัสที่มีผู้คนโดยสารอยู่เยอะในเวลาที่ไม่ดึกมาก ผู้คนบนรถบัสเลยไม่ได้สนใจอะไรเขามาก รวมไปถึงทิมเองด้วย
ทิม แมคลีน เป็นพนักงานเทศกาลคาร์นิวัล ที่จะจัดตามจังหวัดต่างๆ เลยต้องนั่งรถบัสเดินทางบ่อยๆ เขาจะพกหูฟังติดตัวเขาไว้เสมอเพื่อทำให้การนั่งรถไม่น่าเบื่อมาก ในครั้งนี้เขาก็นั่งอยู่บริเวณเบาะหลัง ฟังเพลงไปเรื่อยๆ เพลินๆ ตามประสา และไม่ได้สังเกตเห็นถึงลี ที่นั่งอยู่บริเวณเบาะด้านหน้าของรถเลย เพราะใครจะไปสนใจคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนในชีวิต ไม่ได้มีผลกระทบอะไรหรือความบาดหมางส่วนตัวเลย
เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ผู้โดยสารบางส่วนก็ลงรถไปเมื่อถึงที่หมาย รถบัสก็ได้จอดแวะพัก ลีก็ลุกออกจากที่นั่งเพื่อไปสูบบุหรี่ มีผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหน้า สังเกตเห็นว่าลี อยู่ในสภาพที่กระสับกระส่าย
พอเขาสูบบุหรี่เสร็จ ก็กลับขึ้นรถมาเพื่อจะนั่งที่นั่งเดิมของเขาที่อยู่บริเวณด้านหน้า แต่ดูเหมือนลีจะไม่ค่อยพอใจ เลยเดินไปหาที่นั่งใหม่ทางด้านหลัง และนั่งลงข้างๆ ทิม แลคลีน
ในตอนนั้นเอง ทิม ก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับหูฟัง แต่รู้สึกได้อยู่ว่ามีคนมานั่งข้างๆ เขาเหลือบมองไปที่ลีในสภาพสะลึมสะลือ ก็เห็นว่ามีผู้ชายมานั่งข้างๆ คงไม่มีอะไร แล้วผล็อยหลับไปต่อ แต่หารู้ไม่ว่า นี่จะเป็นคราวซวยที่สุดในชีวิตของเขา
เวลาล่วงเลยมาราวๆ 2 ทุ่มครึ่ง รถบัสได้ขับมาถึงรัฐซัสแคตเชวัน ทิมก็ยังคงหลับอยู่บริเวณเบาะหลัง หัวพิงกระจกรถบัส และลี ชายร่างสูงใหญ่ก็นั่งอยู่ข้างๆ เขา
ในห้วงภวังค์ของทิมที่กำลังหลับอยู่ จู่ๆ เขาก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงความคมของมีดที่เย็นวาบเข้ามาในคอของเขา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ ลี ได้หยิบมีดพรานแรมโบ้ขึ้นมาแทงที่คอของทิมซ้ำไปซ้ำมา
ลองจินตนาการดูว่า มันจะเลวร้ายแค่ไหน ถ้าหากเราขึ้นรถบัส ผล็อยหลับอย่างสบายใจ ไม่รู้สึกตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ แต่ต้องตื่นจากความฝันเพราะฆาตกรกำลังเอามีดแทงคอคุณอยู่ ต้องตื่นมาในสภาพมึนงงและสับสนอย่างมาก สิ่งเดียวที่นึกได้คือช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ก่อนตายที่มันหลั่งไหลเข้ามาในหัว
ทิม แมคลีน โดนมีดแทงโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว และเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองหรือทำอะไรได้เลยในช่วงเวลานรกนั้น
ร่างกายของทิมทำตามสัญชาติญาณ เอามือมาปิดที่คอ แต่ลีก็กระหน่ำแทงลงไปด้วยมีดที่แหลมคมอยู่อย่างนั้น จนทิมเริ่มส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา พยานในรถบัสบอกว่าเสียงของทิม เหมือนกับเสียงหอนของสุนัข ผสมกับเสียงของเด็กทารกร้องไห้ และเสียงร้องโหยหวนของเขาก็กระหึ่มไปทั่วทั้งคันรถจนทุกคนรู้สึกตัว
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ลีที่กำลังกระหน่ำแทงคอคนอยู่ ใบหน้าของเขาไม่มีสีหน้าอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้แสดงความเกลียด หรือโกรธเกรี้ยวออกมา สีหน้าที่ไร้ความรู้สึกนั้นทำให้รู้สึกขนลุกจนน่ากลัว
ทิมพยายามหาทางเอาตัวรอดเท่าที่เขาทำได้ ด้วยการโถมตัวเข้าหาลีเพื่อให้หยุดแทงสักที แต่ก็ไม่ได้ผล ทิมล้มลงไปกับพื้นรถบัส เสียงร้องโหยหวนก็กลายเป็นเสียงโครกเพราะเลือดไหลออกเต็มคอ แต่ลีก็ยังไม่หยุด ยังคงพยายามที่จะแทงทิมด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนหุ่นยนต์อยู่อย่างนั้น
คนขับรถบัสเมื่อได้ยินเสียงร้อง ก็หาทางจอดรถลงข้างทางทันทีแล้วเปิดประตูให้ผู้โดยสาร ทั้งหมดก็ต่างพากันวิ่งกรูลงมาเพราะความตกใจ ส่วนลีก็เอามีด ค่อยๆ เลาะหัวของทิมออกจากตัว
เหตุการณ์หนีตายของคนบนรถบัสคือชุลมุนมาก มีหญิงแก่คนหนึ่งที่ต้องล้มลงไปนอนกับพื้นเพราะถูกเบียด มีคุณแม่คนหนึ่งที่นั่งใกล้กับที่เกิดเหตุ พยายามกลิ้งลูกน้อยวัยหัดเดินของเธอไปให้พ้นจากโซนอันตรายบนรถ
ถัดจากที่หนั่งของทิมกับลีไป 1 แถวหน้า มีชายวัย 26 ปี การ์เน็ต เคย์ตัน เคยทำงานอยู่ในหน่วยรบพิเศษแคนาดา เมื่อเขาพบกับเหตุการณ์ชวนสยองอยู่ข้างหน้า ก็มีตัวเลือกทางศีลธรรมในจิตใจขึ้นมาว่า จะหนี หรือจะช่วยทิมที่บาดเจ็บหนักอยู่
การ์เน็ตตัดสินใจที่จะเข้าช่วยเหลือทิม บอกให้ผู้โดยสารที่นั่งข้างๆ เขา ช่วยด้วยอีกแรง แต่ด้วยความกลัวตาย ผู้โดยสารคนนั้นไม่ฟังเขาและหนีลงรถไป การ์เน็ตเลยต้องหาทางจัดการกับลีด้วยตัวคนเดียว
ในตอนนั้นการ์เน็ตเห็นแล้วว่าทิมเสียชีวิตไปแล้ว ช่วยยังไงก็ไม่ทัน เลยตัดสินใจลงรถไปพร้อมกับพนักงานขับรถ พวกเขาลงความเห็นกันว่าต้องหาทางให้จับฆาตกรบนรถให้ได้ อย่าให้มันหนีออกมา
พนักงานขับรถกับการ์เน็ต ตัดสินใจเผชิญหน้ากับฆาตกรอีกครั้ง เขาขึ้นรถทางประตูหน้าเห็นว่าลี กำลังตัดหัวทิมอยู่ และลีสังเกตเห็นว่ามีคนกลับขึ้นรถไปเลยพยายามเดินเข้าหา การ์เน็ตตะโกนบอกพนักงานที่อยู่ทางหน้ารถให้กดปิดประตู และประตูก็ค่อยๆ ปิดลง แต่ช้ากว่าตัวฆาตกร เขาพยายามแทงมีดข้ามผ่านกระตูมา แต่ทั้งพนักงานและการ์เน็ตก็ออกห่างจากประตูได้ทัน
การ์เน็ตพยายามวิ่งไปด้านหลัง เห็นว่าประตูอีกด้านเปิดอยู่ ฆาตกรออกจะหนีออกมาได้ เลยช่วยกันกับพนักงานรถปิดมันจนสำเร็จ ส่วนลี ตอนนี้ถูกขังอยู่ข้างในรถบัสอย่างใจเย็น เขาค่อยๆ เดินไปที่ด้านหน้าของรถบัส ถือหัวของทิมขึ้นมา จ้องไปที่พนักงานขับรถและการ์เน็ต และปล่อยหัวของทิมลงมาดังตุ้บ
พนักงานรถบัสสองคนและการ์เน็ต มีอาวุธเป็นค้อนกับชะแลงในมือ พยายามดึงเชิงไว้ไม่ให้ลีออกมา พวกเขาตะโกนว่า หยุดอยู่ตรงนั้นซะ อย่าพยายามออกมา ลีเองก็พยายามไปด้านหน้ารถบัสและขับ แต่พนักงานขับรถก็ปิดระบบรถไปก่อนหน้าแล้ว ไม่รู้ว่าไปปิดตอนไหนหรือทำยังไง ตอนนี้ ฆาตกร วินเซนต์ ลี ติดอยู่ในรถบัสและไม่สามารถขับมันหนีออกไปไหนได้
การ์เน็ต และพนักงานขับรถ รวมสามคนพร้อมอาวุธในมือที่หาได้ตอนนั้นอย่างค้อน กับชะแลง ก็คอยดูท่าทีฆาตกรเอาไว้ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึง
ลี เรียกได้ว่าเป็นฆาตกรโรคจิตของจริง เมื่อเขาถูกขังอยู๋ในรถ เขาพยายามยั่วยุพวกที่อยู่ข้างนอกด้วยหัวของทิมที่เขาตัด ผู้โดยสารที่อยู่ข้างนอกก็เห็นว่าลี กำลังกินชิ้นส่วนอะไรบางอย่างของศพทิมอยู่
เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ตำรวจม้าแห่งชาติแคนาดา (Royal Canadian Mounted Police) ก็มาถึงยังที่เกิดเหตุ แต่ลีก็ยังคงเป็นตัวอันตรายอยู่ ตำรวจไม่สามารถเข้าไปบุกจับตรงๆได้ ฆาตกรเองก็ไม่ยอมจำนนด้วย และยังคงพยายามตัดชิ้นส่วนจากศพของทิมแล้วกินต่อหน้าตำรวจ
สถานการณ์ตึงเครียดนี้ ดำเนินไปหลายชั่วโมง จนถึงเวลาราวๆ ตี 1 ครึ่ง ลีได้พยายามพังกระจกรถแล้วหนี แต่ถูกรวบตัวไว้ทันที
ตำรวจ ค้นตัวฆาตกร ก็พบกับชิ้นส่วนหู จมูก ลิ้น อยู่ในกระเป๋าเสื้อ และเมื่อไปตรวจเช็คร่างของทิม พบว่าลูกตา และหัวใจของเขาหายไป เพราะว่าลี ได้กินไปแล้ว
เชื่อหรือไม่ว่า เหตุการณ์ครั้งมี มีผู้เสียชีวิตเพียง 1 คน แต่คนที่ได้รับผลกระทบหลังจากเหตุการณ์มีมากกว่า 1 คน เพราะทั้งผู้โดยสาร พยานที่เห็นเหตุการณ์หลายๆ คน ได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้รับผลกระทบด้วย จำได้ไหมครับว่า ตอนตำรวจมาถึง ก็ยังทำอะไรกับเหตุการรืไม่ได้ รอกว่าหลายชั่วโมงถึงจะจับตัวฆาตกรออกมา ในระหว่างนั้น ฆาตกรเองก็กินเนื้อคนสดๆ จากร่างไร้วิญญาณ ให้เหล่าตำรวจดูต่อหน้า มันเป็นเหตุการณ์ชวนช็อคอย่างมาก และต้องทนดูกว่าหลายชั่วโมง
หนึ่งในเจ้าหน้าที่คดีนั้น สิบโทเคมบาเกอร์ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองใน 6 ปีให้หลังเพราะอาการบอบช้ำทางจิตใจที่หลงเหลืออยู่
สตีเฟน และ อิซาเบลลา อาลิสัน สองคนนี้นั่งอยู่ตรงข้ามที่นั่งของลีและทิมในวันเกิดเหตุ เขาเป็นเพียงนักศึกษา และอยู่ในอาการช็อคไม่สามารถเรียนได้จนถึงขั้นต้องลาออกจากมหาลัย แล้วไปรักษาอาการทางจิต ยังมีอีกหลายคนที่ประสบปัญหานี้ ทั้งผู้โดยสารในวันนั้น และเจ้าหน้าที่ที่พยายามจะเข้ามาช่วยเหลือเหตุการณ์
วินเซนต์ ลี ถูกจับตัวไปขึ้นศาล ตัดสินคดีว่าจะถูกจับขังคุกหรือส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช ในระหว่างไต่สวน ศาลถามเขาว่าทำไมถึงได้ลงมือสังหาร ทิม แมคลีนอย่างเหี้ยมโหดแบบนั้น ลีตอบว่าเขาได้ยินเสียงประหลาดภายในหัว บอกว่ามนุษย์ต่างดาวที่นั่งอยู่ข้างๆ สมควรตาย
ลี เขามีความเชื่อว่าบนโลกนี้ มีมนุษย์ต่างดาว อาศัยปะปนอยู่กับมนุษย์ทั่วไป และเป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องกำจัดพวกมัน เพราะมันคือคำสั่งจากเบื้องบน ถ้าลีไม่ทำตามคำสั่งนี้ เขาก็จะต้องตาย
มีความน่าแปลกก็คือ หลังจากก่อคดี ลีไม่มีความทรงจำว่าได้กินชิ้นส่วนร่างกายของทิมเลย ทางเจ้าหน้าที่พยายามสืบหาข้อมูลของลี จนได้รู้ว่าลีถูกไล่ออกจากงาน ก่อนเกิดเหตุ 24 ชั่วโมง เขาได้นั่งที่ม้านั่งตัวหนึ่งด้วยใบหน้านิ่งเฉย ถือแผ่นป้ายบอกว่า ขายแลปทอป 600 เหรียญ เมื่อเขาขายได้เงินมา เขาก็ขึ้นรถบัสแห่งโชคชะตาในวันเดียวกันนั้นเอง
ลี ถูกตัดสินว่ามีอาการทางจิตเภท ต้องได้เข้ารับการรักษา เขาถูกส่งตัวไปยังโรคพยาบาลจิตเวชที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
เขาได้เข้ารับการรักษา และการรักษาของเขาเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีทีท่าขัดขืน เวลาล่วงเลยผ่านไป 9 ปี คดีความก็อ่อนลง ผู้คนค่อยๆ ลืมเลือน อิสระภาพของเขาก็ได้เพิ่มมากขึ้น
ลียอมรับสารภาพในคดีที่เขาก่อขึ้นเมื่อปี 2008 จะสาบานว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุจริต ทำให้เขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ
ในปี 2016 วินเซนต์ ลี เปลี่ยนชื่อเป็น วิล เบเกอร์ และย้ายเข้ามาพักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ ใกล้ๆ กับสถานบำบัดทางจิต และปี 2017 เขาถูกปล่อยตัวอย่างเป็นทางการ ใช้ชีวิตปะปนร่วมกับคนทั่วไปอย่างกลมกลืน บัดนี้ เขามีอิสระอย่างเต็มที่ พร้อมกับตัวตนใหม่ ชีวิตใหม่ หลังจากก่อเหตุสะเทือนขวัญในอดีต
ทำไมลี ฆาตกรสุดโฉด ถึงได้ถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลบ้าเพราะได้รับการเข้ารักษา ในแง่กฏหมายอาจจะมองว่าตอนเขาก่อเหตุ ลีไม่ได้มีสติสัมปชัญญะเต็มที่ แต่ตอนนี้เขาได้รับการบำบัดและรักษาจนสติสมประกอบ
ประชาชนบางส่วนก็ไม่พอใจ (แหงล่ะ) ว่าทำไมถึงปล่อยตัวฆาตกรฆ่าคนแล้วกินคนออกมาใช้ชีวิตปะปนอยู่กับคนทั่วไป ยังไงเขาก็ยังคงเป็นตัวอันตรายอยู่ดี ควรได้รับการลงโทษหรืออะไรสักอย่างที่สาสมกว่านี้
เรียกได้ว่า ทิม แมคลีน คนดวงซวยที่ซวยสุดๆ ขึ้นรถบัสได้ผิดที่ ผิดเวลา แต่ถ้าทิมไม่เป็นเหยื่อ ใครๆ ก็อาจจะเป็นเหยื่อได้เหมือนกัน สิ่งที่น่าสลดใจก็คือ หลังจากที่ทิมตายไป 5 เดือน ลูกชายของเขาก็ออกมาลืมตาดูโลก โดยที่ไม่อาจจะได้สัมผัสกับความอบอุ่นของพ่อเขา. . .
.
.
คิดเห็นอย่างไร คอมเมนต์พูดคุยกันกันได้นะครับ
.
.
ถ้าชอบเรื่องราวแปลกๆ แบบนี้ อย่าลืมกดติดตาม กด Like
.
สนับสนุนค่าข้าว ค่ากาแฟ เพื่อที่ผมจะได้หาเรื่องราวแปลกๆ เขียนไว้ให้อ่านกันได้ที่
พร้อมเพย์ - True Money
0972217753
เลขบัญชี 328-2-96012-3
ธนาคารทหารไทย TMB
อนิรุทธ์ เสริมสุข Anirut Sermsuk
.
ขอขอบคุณทุกการสนับสนุน ถ้าหากข้อมูลผิดพลาดตรงไหน เรียบเรียงไม่ดียังไง มีคำผิดตรงไหน คอมเมนต์ติชมได้ และจะน้อมรับไปปรับปรุงนะครับ
โฆษณา