18 ส.ค. 2022 เวลา 03:00 • กีฬา
" บันทึกยับๆ ของปีศาจแดง "
ทันทีที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกไปแพ้เบรนท์ฟอร์ด 0-4 สถิติเลวร้ายต่างๆ ถูกขุดขึ้นมาเพียบ
ผลงานตั้งแต่ปลายฤดูกาลที่แล้ว ต่อยอดมาถึงฤดูกาลนี้มันย่ำแย่เกินบรรยาย เรียกว่าแฟนทีมอื่นที่เคยล้อ เคยแซว ยังไม่อยากล้อแล้ว เพราะไม่มีสภาพจะให้ล้อ
1
จากบันทึกสถิติ นับตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ ลีก ทีมปีศาจแดง แพ้คู่แข่งมากสุดคือด้วยสกอร์ห่าง 5 ประตู
ฤดูกาลที่แล้วเกิดขึ้นกับการแพ้ลิเวอร์พูล 0-5
ย้อนไปปีก่อนหน้า 2020/21 นั้นคือแพ้ สเปอร์ส 1-6
สกอร์เดียวกันนี้เกิดขึ้นในปี 2011 เมื่อแพ้แมนฯ ซิตี้ ในเกมที่ บาโลเตลลี่ โชว์เสื้อสกรีนว่า Why always me?
ในรอบ 10 ปีหลังมันเกิดขึ้น 3 หน แต่ก่อนหน้านั้นมันแทบไม่เกิดขึ้นเลย เพราะทีมระดับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันวานที่รุ่งโรจน์
อาจมีหลุดแพ้บ้างก็ด้วยสกอร์ห่าง 3 ลูก เคยมีให้เห็น แต่ก็น้อยเต็มที จะโดนใครยิงห่างถึง 5 ประตูมันเป็นไปแทบไม่ได้เลย... แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี!
ฤดูกาล 1999/2000 เรียกว่าปีหลังได้ 3 แชมป์ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ได้ดี 9 นัดแรก ไม่แพ้ใคร นำเป็นจ่าฝูงอย่างแข็งแกร่ง
พอถึงนัดที่ 10 อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พวกเขาออกไปโดน เชลซี ถล่มแหลก 5-0!
แต่นั่นก็ไม่ใช่นัดแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด โดนคู่แข่งถล่มถึง 5-0 ในเกมพรีเมียร์ ลีก
ย้อนไปตอนที่ฤดูกาล 1992/93 เปิดฉาก เป็นปีแรกที่เปลี่ยนมาเป็น พรีเมียร์ ลีก
แมนฯ ยูไนเต็ด ของเฟอร์กี้ แพ้รวด 2 เกมแรก เป็นการแพ้ให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-2 ตามด้วยแพ้เอฟเวอร์ตัน คาบ้าน 0-3 หลังจบ 2 เกมนี้ พวกเขาจมบ๊วย
ทว่าจากนั้น ปีศาจแดงของเฟอร์กี้ กลับมาทำผลงานได้ดี จนเข้าป้ายเป็นแชมป์ในที่สุด เป็นแชมป์ลีกหนแรกของสโมสร หลังจากรอมานาน 26 ปี
หลังจากแพ้เอฟเวอร์ตัน 0-3 ตอนต้นซีซั่น 1992/93 แล้ว พวกเขาไม่เคยแพ้ใครในพรีเมียร์ ลีก ด้วยสกอร์ห่างถึง 3 ประตูอีกเลย จนมาถึงวันปีใหม่ 1 มกราคม 1996 ที่ออกไปโดน สเปอร์ส ถล่ม 4-1
กระทั่ง ฤดูกาล 1996/97 มาถึง
ช่วงนั้นทีมที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับปีศาจแดงคือ นิวคาสเซิ่ล และทีมสาลิกาดง ก็จัดการทุ่มค่าตัวสถิติโลก 15 ล้านปอนด์ เพื่อคว้า อลัน เชียเรอร์ มาร่วมทีมในหน้าร้อนปี 1996
รสชาติแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มอบให้กับ "ฮ็อตช็อต" ในสีเสื้อนิวคาสเซิ่ล ก็คือความพ่ายแพ้ย่อยยับ
ในศึก แชริตี้ ชิลด์ (คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ปัจจุบัน) ยูไนเต็ด ในฐานะดับเบิ้ลแชมป์ ต้องมาเตะกับ นิวคาสเซิ่ล ที่มาในฐานะรองแชมป์ลีก
ปรากฏว่า ปีศาจแดง เล่นด้วยความดุดันมั่นใจ เป็นฝ่ายถล่ม นิวคาสเซิ่ล ที่มี เชียเรอร์ ยืนตัวจริง คู่กับ เลส เฟอร์ดินานด์ ไปถึง 4-0
1
ทีมของ เฟอร์กี้ เริ่มต้นปี 1996/97 แบบค่อยๆ เข้าเกียร์ ไม่ได้เร่งร้อนอะไร 9 นัดแรก ชนะ 5 เสมอ 4 ยังไม่พ่ายแพ้ใคร โดยนัดที่ 9 คือการเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ 1-0 ด้วย
จนมาถึงนัดที่ 10 ของซีซั่น มันเป็นการไปเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ของนิวคาสเซิ่ล วันที่ 20 ตุลาคม 1996
เกมนั้น เควิน คีแกน เอาจริงสุดๆ ต้องการล้างแค้นแบบทบต้นทบดอก ทั้งจากฤดูกาลที่แล้ว และความพ่ายแพ้ใน แชริตี้ ชิลด์
"คิง เคฟ" จัดเต็มกับเกมรุก นอกจากปีกอย่าง ร็อบ ลี กับ ดาวิด ชิโนล่า แล้ว ยังเติม ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่์ย์ ไปเป็นตัวรุก สนับสนุนคู่หน้าอย่าง เลส เฟอร์ดินานด์ กับ อลัน เชียเรอร์ อีกด้วย
ฝั่งของแมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาตรงที่ รอย คีน และ ไรอัน กิ๊กส์ ไม่ฟิต
เฟอร์กี้ ให้ รอนนี่ ยอห์นเซ่น มายืนมิดฟิลด์ตัวรับคู่กับ นิคกี้ บัตต์ โดยที่ พอล สโคลส์ เป็นสำรอง (ขณะนั้น ตำแหน่งของ สโคลส์ จริงๆ คือกองหน้า) ส่วนปีกก็ใช้ คาเรล โพบอร์สกี้ ลงยืนฝั่งซ้าย
โดยที่ เบ็คแฮม ยืนขวา และมี เอริค คันโตน่า กับขวัญใจคนใหม่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เป็นคู่หอก
เริ่มเกม นิวคาสเซิ่ล เป็นฝ่ายบุกใส่ทันที อาวุธอันตรายของแมนฯ ยูไนเต็ด คือเกมสวนกลับที่ฉับไว แต่เกมนี้นอกจากตัวไม่สมบูรณ์แล้ว นิวคาสเซิ่ล ยังเพรสซิ่งเร็ว เข้ารุมแย่งบอลตั้งแต่ในแดนปีศาจแดง ซึ่งทำให้เกมสวนกลับแทบไม่เป็นผล
ทุกอย่างเริ่มต้นจากลูกเตะมุม นาทีที่ 12 ดาร์เรน พีค็อค โหม่งบอลข้ามเส้นเข้าไปให้เจ้าถิ่นนำ 1-0
นาที 30 ดาวิด ชิโนล่า โชว์ความยอดเยี่ยม รับบอลตรงสามเหลี่ยมกรอบเขตโทษ แล้วกลับตัวยิงด้วยขวาเสียบเสาไกลอย่างงดงาม 2-0
ในครึ่งหลัง เชียเรอร์ ที่ยังไม่มีสกอร์ ก็มาช่วยให้ทีมได้ประตู 3-0 เขากระชากหนี เดนิส เออร์วิน ไปสุดเส้นแล้วเปิดโด่งมาให้ เลส เฟอร์ดินานด์ เทกตัวโขกเช็ดคานเข้าไปอย่างพอดิบพอดี
นาทีที่ 75 "ฮ็อตช็อต" ก็เริ่มนับ 1 กับการยิงแมนฯ ยูไนเต็ด ในสีเสื้อนิวคาสเซิ่ล เริ่มต้นจาก เบียร์ดสลี่ย์ มีช่องกดเต็มข้อในกรอบโทษ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ปัดออกมา เลส เฟอร์ดินานด์ ล้มตัวยิงซ้ำ ชไมเคิ่ล ยังลุกมาปัดได้ แต่ดาบสาม เชียเรอร์ ตามมากระหน่ำ หนนี้ ชไมเคิ่ล เซฟไม่ไหว เป็น 4-0
แต่ลูกยิงที่กลายเป็นภาพจำคือลูกที่ 5 ในนาทีที่ 83 จากฝีเท้าของ ฟิลิปป์ อัลแบร์ ปราการหลังชาวเบลเยี่ยม ซึ่งถือเป็นกองหลังที่ล้ำยุคในตอนนั้น คือเขาเป็นกองหลังที่เล่นบอลบนพื้นดี มีส่วนในการเปิดเกมรุก
เขาเติมขึ้นมาเล่นบอลในแนวรุก รับบอลจากด้านข้าง แล้วชิพจากระยะ 25 หลา ข้ามตัว ชไมเคิ่ล ที่เผลอ ออกนอกเส้นมากไปหน่อย กลายเป็นประตูสุดสวยที่ฝังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเด็ดขาด 5-0
มันเป็นความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดที่ทีมของเฟอร์กี้เคยเจอในตอนนั้น
แพ้หนนี้ แพ้แบบนี้ต่อคู่แข่งแย่งแชมป์โดยตรงทำให้เหมือนเกิดสูญญากาศขึ้นในทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังช็อคต่อด้วยการออกไปโดนเซาธ์แฮมป์ตัน ขยี้ 6-3 และตามด้วยแพ้เชลซี คาบ้าน 1-2
ทีมของ เฟอร์กี้ แพ้ 3 นัดรวดในลีก มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคพรีเมียร์ ลีก
แต่ในยุคนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่แข็งแกร่ง แคแรกเตอร์ดีทั้งกุนซือและผู้เล่น ไม่นาน พวกเขาก็กลับมารวมสติ เริ่มต้นด้วยเฉือนอาร์เซน่อล 1-0 และไร่พ่ายในลีกไปอีก 4 เดือน ลงท้ายฤดูกาลนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด จึงป้องกันแชมป์เอาไว้ได้
ส่วนในยุคนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าความพ่ายแพ้ย่อยยับ จะกินเวลาแค่ไหนกว่าที่นักเตะจะฟื้นกลับมาได้ เพราะมันกลายเป็นของง่ายไปแล้วที่คู่แข่งจะยิงพวกเขา 3-4 ลูก
อ้อ.. แล้วก็ต้องทิ้งทวนว่า จะด้วยบังเอิญหรืออะไรก็ตาม แต่ความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ห่าง 5 ประตูของแมนฯ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ ลีก จนถึงตอนนี้ 5 ครั้ง มันเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ทั้งสิ้น!
มาติดตามคลิปเพิ่มประสบการณ์ความสนุกกับบทความได้เลย :: https://citly.me/CU4nZ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา