17 ส.ค. 2022 เวลา 09:01 • คริปโทเคอร์เรนซี
Bitcoin คืออะไร ขอภาษาชาวบ้านหน่อย
เบื่อไหม กับการที่ได้ยินมาตลอดว่า Bitcoin(BTC) คือ สกุลเงินดิจิตอล, digital currency, cryptocurrency ไม่ว่าจะไปหาข้อมูลจากที่ไหนก็จะเจอแต่การอธิบายความหมายแบบนี้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจสักที digital currency มันแปลว่าอะไรกันละ?
Bitcoin (BTC)
เพื่อให้เข้าใจได้ถูกต้อง ต้องอธิบายความหมายของ Bitcoin โดยเริ่มจากสิ่งที่ Bitcoin สามารถทำได้ แล้วจึงค่อยมานิยามว่ามันคืออะไรกันแน่ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุด
เรื่องหลักๆที่ Bitcoin(ตัวย่อ BTC) สามารถทำได้คือ
3
- สามารถบอกได้ว่าในบัญชี มีจำนวน BTC อยู่จำนวนเท่าไร
- สามารถโอนข้อมูลกันไปมาระหว่างบัญชีได้ เช่น คุณจะโอนBTC ไปให้บัญชีของเพื่อนได้ และในบัญชีของเพื่อนก็จะมีBTCเพิ่มขึ้น เป็นต้น ซึ่งการโอนข้อมูลกันไปมาระหว่างหลายๆบัญชีนี้ เรียกว่า การทำธุรกรรม นั่นเอง
- ข้อมูลการทำธุรกรรมต่างๆ จะถูกเก็บไว้ด้วยความปลอดภัยสูง
1
สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติหลักๆที่ Bitcoin สามารถทำได้
จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้ ก็คือ คุณสมบัติเดียวกันกับ “เงิน” นั่นเอง เพียงแต่ “ชื่อของเงิน(สกุลเงิน)” นั้นจะเปลี่ยนไปจาก การเรียกเงินว่า “บาท” หรือ “ดอลลาร์” ไปเป็น Bitcoin(BTC) แทน
ดังนั้น ด้วยความสามารถที่ Bitcoin สามารถทำได้ เหมือนกับสกุลเงินอื่นๆ จึงมีการเรียก Bitcoin ว่าคือ Digital Currency หรือ สกุลเงินดิจิทัล
หรือถ้าจะแปลให้ง่ายอีกหน่อย
Bitcoin(BTC) คือ “ระบบทางคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ที่มีความสามารถเหมือนเงิน คือ สามารถบันทึกบัญชีได้ สามารถโอนข้อมูลกันไปมาระหว่างบัญชีได้”
ถ้ายังไม่เข้าใจ อยากให้ลองนึกถึงระบบของธนาคารที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ในระบบของธนาคารปกตินั้น การโอนเงินกันไปมา ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ที่จริงแล้วก็คือการโอนข้อมูลตัวเลขกันระหว่างบัญชี โดย “เรียกข้อมูลตัวเลขเหล่านั้นว่า เงินบาท” และมีการบันทึกข้อมูลไว้ว่าในแต่ละบัญชีมีข้อมูลตัวเลขอยู่เท่าไร มีการโอนเข้า-โอนออกเท่าไร
คำถามต่อมาคือ ถ้า Bitcoin เป็นเหมือนสกุลเงินอื่น แล้วทำไมต้องเปลี่ยนไปใช้ Bitcoin ด้วยละ?
Bitcoin นั้นมีคุณสมบัติหลักๆ เหมือนสกุลเงินอื่นก็จริง แต่ก็มีคุณสมบัติที่สำคัญบางอย่างที่แตกต่างไปจากสกุลเงินทั่วไป
สิ่งที่ระบบ Bitcoin แตกต่างจากสกุลเงินอื่นนั้น อธิบายโดยยกตัวอย่างเฉพาะเรื่องที่เข้าใจง่ายที่สุด
- Bitcoin มีจำนวนจำกัดที่ 21ล้านBTC , สกุลเงินทั่วไปจะสามารถพิมพ์เพิ่มจำนวนมาเท่าไรก็ได้ ตามนโยบายของรัฐบาล
- Bitcoin ไร้ศูนย์กลาง โดยข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของหลายๆคน ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของระบบBitcoinไว้ ซึ่งคอมพิวเตอร์เหล่านั้นกระจายตัวกันอยู่ทั่วโลก และใครก็ๆสามารถทำได้ไม่ยาก , สกุลเงินทั่วไป คนเป็นศูนย์กลางคอยเก็บข้อมูลไว้มีคนเดียวคือ ธนาคาร
- การที่ Bitcoin ไร้ศูนย์กลางนั้น จึงทำให้การโอนกันไปมา ไม่จำเป็นต้องทำผ่านธนาคาร สามารถทำธุรกรรมกันเองระหว่างบุคคลได้
- การใช้ Cryptographic ซึ่งเป็นการเข้ารหัสแบบหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูง จึงเป็นที่มาของคำว่า Cryptocurrency (คริปโทเคอร์เรนซี)
ข้อแตกต่างของ Bitcoin กับสกุลเงินอื่นๆ นั้นยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเทคโนโลยีหรือในแง่ของเศรษฐศาสตร์ แต่การอธิบายเพียงเท่านี้ ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะเข้าใจว่า Bitcoin คืออะไร.
โฆษณา