17 ส.ค. 2022 เวลา 10:39 • ปรัชญา
ไม่มีครับ เวลามันไม่มีอยู่จริงเป็นสิ่งที่เรียกว่าสังขารหรือการปรุงแต่งขึ้นมาจากจิต ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากการปรุงของจิตทั้งนั้นเป็นอนัตตาในตัวอยู่แล้ว คําว่าอนัตตา ความหมายที่พระพุทธเจ้าจะสื่อก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่มีตัวไม่มีตนที่แท้จริง มันเป็นการเกิดดับของรูปนาม ติดต่อกันด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบ ตาเรามองไม่ทัน เราเลยไปยึดมั่นถือมั่นคิดเอาเองว่ามันมีตัวมีตน อัตตาเลยเกิดขึ้น เมื่อตัวตนเกิด เวลาก็เกิดตามมา เป็นสิ่งสมมุติที่ทําให้โลกและจักรวาลเคลื่อนไหวและมีความหมาย
ถ้าจิตไม่มีหรือไม่มีการรับรู้ ( จิตในภวังค์) โลกและจักรวาลก็ไม่ดํารงค์อยู่ในการรับรู้ของเรา ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาเราไม่คิด เวลาเรานอนหลับ เวลาเราอยู่ในสมาธิ โลกและจักรวาลจะหายไปเพราะเราไม่รับรู้ แต่จิตในตัวของเรามันทํางานอยู่ภายใต้อวิชชา นั่นคือ สังขารก็ยังปรุงแต่งอยู่เรื่อยๆ เพราะจิตมันจะคอยออกจากภวังค์เพื่อมารับรู้อารมณ์เสมอๆ ทําให้เกิดการรับรู้ที่เรียกว่าวิญญาณ และสร้างนามรูป คือภพ คือความว่างในสมาธิ คือภพในความฝันและภพในความนึกคิดเป็นไปตามกฏปฏิจจสมุปบาท อันมีสาเหตุจากอวิชชาเป็นจุดเริ่มต้น
อนัตตาในอีกความหมายคือสุญญตาหรือความว่าง ที่ไม่ได้หมายถึง space หรืออวกาศในทางวิทยาศาสตร์ เพราะอวกาศมันไม่ได้ว่างอย่างแท้จริงๆ มันมีอะไรอยู่ในนั้น ความว่างที่แท้จริงต้องปราศจากการปรุงแต่งของสังขาร ไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิดสิ่งใดๆขึ้นมาซึ่งก็คือนิพพานนั่นเอง อนัตตาจึงมีสองความหมายที่ตรงข้ามกับอัตตา นั่นคือ ว่างจริงๆไม่มีการปรุงแต่ง กับสภาพที่ไม่ปรุงแต่งเป็นตัวเป็นตนจากความมีหรือไม่มี
โฆษณา