17 ส.ค. 2022 เวลา 12:30 • กีฬา
เนย์มาร์ กับ คีลียัน เอ็มบัปเป้ ย้ายมาปารีส แซงต์ แชร์กแมงในปีเดียวกัน และช่วงแรกทั้งคู่ เป็นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียว แล้วไปๆ มาๆ ขัดแย้งกันขนาดนี้ได้อย่างไร เราจะไปลำดับเรื่องราวด้วยกันตั้งแต่แรก
2
ในฤดูกาล 2016-17 เปแอสเชที่ร่ำรวยมหาศาล เจ้าของแชมป์ลีกเอิง 4 สมัยซ้อน พลาดท่าเสียแชมป์ลีกให้กับโมนาโก ทำให้ในซัมเมอร์ปี 2017 พวกเขาตอบโต้อย่างทันควัน ด้วยการคว้าบิ๊กเนมสุดๆ 2 ตัวพร้อมกัน
คนแรกคือเนย์มาร์ วัย 25 ปี นี่เป็นผู้เล่นในระดับท็อปทรีของโลก และอยู่ในช่วงพีกของอาชีพ
1
ส่วนอีกคนคือเอ็มบัปเป้ วัย 18 ปี เป็นว่าที่นักเตะบัลลงดอร์ในอนาคต ผู้เล่นในรุ่นเดียวกัน ไม่มีใครเก่งกาจไปกว่าเขาอีกแล้ว
1
ตามแผนของนัสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ จะสร้างทีมโดยมีเนย์มาร์เป็นศูนย์กลาง จากนั้นก็ให้เอ็มบัปเป้ ค่อยๆ เรียนรู้วิชาจากรุ่นพี่ ทั้งเนย์มาร์ รวมถึงคนอื่นๆ อย่างเอดินสัน คาวานี่ และ อังเคล ดิ มาเรีย เพื่อพัฒนาให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดในอนาคต
สำหรับดีลของเนย์มาร์นั้น เปแอสเชจ่ายเงินมหาศาล 222 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติโลก ฉีกสัญญานักเตะกับบาร์ซ่า คือพอเนย์มาร์ย้ายมาปั๊บ เปแอสเชเอาใจด้วยการให้เสื้อหมายเลข 10 ทันที โดยเจ้าของเสื้อคนเดิม ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ต้องกระเด็นไปใส่เบอร์ 27 แทน
2
ขณะที่เอ็มบัปเป้นั้น เปแอสเชใช้การยืมตัวจากโมนาโก ในฤดูกาลแรก (2017-18) คือที่ไม่ได้ซื้อขาด ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่ด้วยกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ทำให้พวกเขาซื้อนักเตะราคาแพงสุดๆ 2 คนพร้อมกันไม่ได้ แต่ก็เป็นที่ทราบกันว่า นั่นคือการยืมตัวแค่ในนามเท่านั้น เพราะในฤดูกาลต่อไป (2018-19) เปแอสเชจะซื้อขาดเอ็มบัปเป้จากโมนาโกด้วยราคา 180 ล้านยูโร
3
ว่าง่ายๆ นักเตะราคาแพงที่สุดในโลก อันดับ 1 และ อันดับ 2 ลงเล่นพร้อมกันที่เปแอสเช
1
เอาล่ะ ทีนี้ เมื่อต่างคนต่างมีค่าตัวมหาศาล คำถามคือสองคนนี้จะเขม่นกันไหม?
คำตอบคือ ไม่ เพราะในช่วงแรก ด้วยชื่อเสียงของเนย์มาร์ ที่อยู่เหนือเอ็มบัปเป้มาก ทำให้ความสัมพันธ์ของคู่นี้เป็นเหมือนศิษย์กับอาจารย์
2
เอ็มบัปเป้ให้สัมภาษณ์ในปีแรกที่เล่นด้วยกันว่า "ทันทีที่ผมย้ายไปเปแอสเช เขาก็ดูแลผมเป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังช่วยให้ผมพัฒนาฝีเท้าขึ้นกว่าเดิม เนย์มาร์คือซูเปอร์สตาร์ที่อยู่เหนือผม ผลงานที่ผ่านมาของเขากับบาร์เซโลน่าพิสูจน์ทุกอย่างได้ดีอยู่แล้ว"
เอ็มบัปเป้ ณ เวลานั้นเต็มไปด้วยความถ่อมตัว เขายกเนย์มาร์ให้เป็นหัวหอกเบอร์ 1 ของทีมเสมอ โดยเจ้าตัวก็ตั้งใจเล่นฟุตบอลไปอย่างเงียบๆ เวลามีคนชื่นชมเขาก็จะบอกตลอดว่า อย่าชมเขามากขนาดนั้นเลย เขายังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลย
1
ครั้งหนึ่งอาร์แซน เวนเกอร์ เคยกล่าวยกย่องว่า เอ็มบัปเป้ มีคุณสมบัติจะยิ่งใหญ่เหมือนเปเล่ได้เลย เอ็มบัปเป้ตอบกลับว่า "มันเป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อมากๆ ที่ถูกยกไปเปรียบกับคิงเปเล่ ผู้เป็นราชาของโลกฟุตบอล แต่ผมจะไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขาเด็ดขาด ผมจะทำงานอย่างหนักมากๆ และค่อยๆ เดิน ไปตามเส้นทางของตัวเอง"
1
ณ เวลานั้น เอ็มบัปเป้เป็นเด็กดี ใครๆ ก็ชอบ ตรงข้ามกับเนย์มาร์ที่ดูจะอินดี้ และสร้างปัญหาบ่อยกว่า เช่น ในช่วงปิดฤดูกาล ปี 2019 สโมสรเรียกตัวนักเตะทุกคนให้กลับมาเก็บตัวปรีซีซั่น แต่เนย์มาร์เข้าแคมป์เลตไป 1 วีก เพราะอยู่พักผ่อนต่อที่บราซิล ทำให้โทมัส ทูเคิล เฮดโค้ชเปแอสเชขณะนั้น และ ลีโอนาร์โด้ ผู้อำนวยการกีฬา โมโหมาก สั่งริบเงินโบนัส 100,000 ยูโรทันที
แต่เวลามีเรื่องมีราวอะไร เอ็มบัปเป้จะปกป้องเนย์มาร์ตลอด เขาเคยกล่าวว่า "ผมกับเนย์มาร์เราสนิทกันมากขึ้นเยอะเลย เรารู้จักอีกฝ่ายดีขึ้น ด้วยความที่เราใกล้ชิดกัน ผมบอกได้เลยว่า เนย์มาร์สำคัญกับสโมสรเราขนาดไหน พวกเราโชคดีนะ ที่มีเขาอยู่ในทีม"
เนย์มาร์เองก็ชอบเอ็มบัปเป้มาก เขาให้สัมภาษณ์ว่า "เอ็มบัปเป้เป็นคนเยือกเย็น มีความสุขตลอด ร่าเริงเสมอ ชอบเล่นมุกในห้องแต่งตัว แน่นอน เขายังเป็นเด็กอยู่และต้องเสริมสร้างประสบการณ์มากกว่านี้ ตอนนี้เขาเก่งมากแล้ว แต่เขาจะเก่งได้กว่านี้อีก ผมไม่สงสัยเลยว่าเขาจะกลายเป็นสุดยอดผู้เล่นในวงการฟุตบอลในอนาคตข้างหน้า"
2
ชมกันไป ชมกันมา บรรยากาศในทีมเปแอสเชตอนนั้นก็ดูแฮปปี้ดี คือคนที่ขัดแย้งกัน จะเป็นเนย์มาร์ กับ เอดินสัน คาวานี่อยู่บ้าง แต่กับเอ็มบัปเป้จะไม่มีดราม่ากับใครเลย
แต่สิ่งต่างๆ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป เมื่อเอ็มบัปเป้เติบโตขึ้น เขาคว้ารางวัลโกลเด้นบอยของหนังสือพิมพ์ตุ๊ตโต้ สปอร์ต ตามด้วยคว้าแชมป์โลก ฟีฟ่าเวิลด์คัพที่รัสเซียอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งทัวร์นาเมนต์ ตามด้วยเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 30 ปี ที่คว้าดาวซัลโวลีกเอิง ได้ 4 สมัย
1
เรื่องในสนามว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่เรื่องนอกสนามเขาก็เจริญก้าวหน้า ร่ำรวยเงินทองขึ้นเรื่อยๆ แบรนด์กีฬายักษ์ไนกี้เซ็นสัญญาฉบับใหม่ จ่ายเงินให้เขาเป็นพรีเซนเตอร์ ปีละ 16.8 ล้านยูโร มีนักเตะแค่คนเดียวที่ได้เงินจากไนกี้มากกว่า คือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ 18 ล้านยูโรต่อปี
1
ค่าย EA Sports จับเขาขึ้นปกเกม FIFA ส่วนนาฬิกา Hublot เซ็นสัญญาเขาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระยะยาว แถมเจ้าตัวยังเปิดไลน์สินค้ายี่ห้อ "KM" ขายเสื้อผ้าและหมวก โกยเงินกันไปอีก
จากเด็กหนุ่มที่ดูเยือกเย็น ร่าเริง และเป็นประเภทซึมซับความสามารถจากรุ่นพี่ เวลาผ่านไปเอ็มบัปเป้เก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ และค่าวัดอีกอย่างที่ชัดเจนมากๆ คือในเกม FIFA 2022 เอ็มบัปเป้ มีค่าพลังสูงถึง 91 เท่ากับเนย์มาร์เรียบร้อยแล้ว
3
มันพอจะแปลได้ว่าตอนนี้เอ็มบัปเป้ ไม่มีอะไรเป็นรองเนย์มาร์อีก ทั้งในแง่สถิติ การยอมรับ และมูลค่าการตลาด แม้แต่โทรฟี่ที่ใหญ่ที่สุดอย่างฟุตบอลโลก เขาก็คว้ามาครอง ในขณะที่เนย์มาร์ไม่เคยทำได้เลย
2
สิ่งที่คนทั่วไปมองเห็น คือเอ็มบัปเป้ มีความเคารพเนย์มาร์น้อยลง ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไร เพราะเสือสองตัวถ้าทั้งคู่อยากจะเป็นเบอร์ 1 พร้อมกัน มันก็อยู่กันไม่ง่ายนัก
เนย์มาร์ก็มั่นใจในตัวเองเต็มร้อย อีโก้มหาศาลอยู่แล้ว และเมื่อเอ็มบัปเป้กลายเป็นแบบนั้นอีกคน ทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองคนนี้เพิ่มขึ้นทุกที
2
เดือนสิงหาคม 2021 เปแอสเช คว้าตัวลีโอเนล เมสซี่ที่แยกทางจากบาร์ซ่า ท่ามกลางความชื่นมื่นที่ได้ตัวบิ๊กเนม กัซเซตต้า เดลโล่ สปอร์ต รายงานว่าเอ็มบัปเป้รู้สึก "รบกวนจิตใจ" เพราะกลายเป็นว่าเขาที่เพิ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นมาเทียบเคียงเนย์มาร์ได้สำเร็จ อาจต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของเมสซี่อีกคน แทนที่จะได้กลายเป็นเบอร์หนึ่งของทีม
2
หลายคนเชื่อว่า นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมต่อสัญญากับแปแอสเชออกไป และปล่อยให้สัญญาหมดในช่วงซัมเมอร์ 2022 ไปเลย เพื่อที่จะได้ย้ายทีมได้ ตามกฎบอสแมน โดยข่าวลือหนักๆ คือเขาเตรียมย้ายไปอยู่เรอัล มาดริด เขาขอไปเป็นเบอร์หนึ่งที่สโมสรใหม่แทนดีกว่า
2
ความขัดแย้งของเอ็มบัปเป้ กับ เนย์มาร์ เริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้น ในเดือนกันยายน 2021 ในเกมลีกเอิงระหว่างเปแอสเช กับ มงต์เปลลิเยร์ เกมนั้นเปแอสเชชนะ 2-0 โดยระหว่างเกม เอ็มบัปเป้หาช่องสวยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง ถ้าเนย์มาร์จ่ายให้ก็หลุดเดี่ยว แต่เนย์มาร์กลับยิงเองทั้ง 2 หน (แล้วไม่เข้าด้วย) มันสร้างความหงุดหงิดใจให้เอ็มบัปเป้อย่างมาก
2
พอเขาโดนเปลี่ยนตัวออกนาทีที่ 88 ช่างภาพจับจังหวะที่เอ็มบัปเป้บ่นในม้านั่งสำรองได้พอดี โดยพูดว่า "ไอ้กุ๊ยนั่นแม่ง ไม่ยอมจ่ายบอลให้กูเลย" (This tramp, He doesn't give me the pass) โดยในภายหลัง สื่อดังเลกิ๊ป ไปถามว่าเอ็มบัปเป้พูดจริงหรือเปล่า เขาก็ตอบว่า "พูดจริง" แต่ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เป็นจังหวะอารมณ์เฉยๆ แต่แม้เอ็มบัปเป้จะอธิบายแบบนั้น ผู้คนก็ยังตั้งข้อสังเกต ถึงความขัดแย้งของคู่นี้อยู่ดี
ฤดูกาล 2021-22 ผ่านไป เปแอสเชได้แชมป์ลีกอย่างสบายๆ ด้วยช่องว่างห่างจากอันดับ 2 มาร์กเซย ถึง 15 แต้ม แต่ถ้าถามว่าพอใจไหม? ก็คงไม่พอใจอยู่แล้ว เพราะลีกเอิงยังไงคุณก็แบเบอร์อยู่แล้ว แต่ถ้วยอื่นที่เหลือเปแอสเชล้มเหลวหมดเลย
1
โทรฟี่ เดส์ แชมเปี้ยนส์ (คอมมิวนิตี้ชิลด์ ฝรั่งเศส) แพ้ ลิลล์
เฟรนช์คัพ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แพ้ นีซ
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แพ้ เรอัล มาดริด
โดยรวมแล้ว เป็นผลงานที่ไม่ดีเลย โดยเลกิ๊ปอธิบายว่า สาเหตุสำคัญคือในห้องแต่งตัวของเปแอสเช แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกคือ กลุ่มพูดภาษาฝรั่งเศส นำโดยเอ็มบัปเป้, เพรสเนล คิมเพมเบ้, อิดริสซ่า เกย์ รวมถึงพวกที่สนิทกันเพราะอยู่มานาน เช่น มาร์โก แวร์รัตติ และ ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ ส่วนอีกกลุ่มเป็นพวกพูดภาษาสเปน และ โปรตุเกส นำโดยเนย์มาร์, เมสซี, ลีอันโดร ปาเรเดส และ อังเคล ดิ มาเรีย
1
ในงานวันเกิดอายุครบ 23 ปีของเอ็มบัปเป้ ในเดือนธันวาคม 2021 เพื่อนร่วมทีมจำนวนมากก็ไปร่วมงานด้วย แต่เมสซี่กับเนย์มาร์ไม่ได้ไป มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่คนจะตีความไปว่า มีความขัดแย้งอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
ความตึงเครียดของเอ็มบัปเป้ กับ เนย์มาร์ เหมือนจะสิ้นสุดลงในช่วงซัมเมอร์ 2022 เมื่อเอ็มบัปเป้หมดสัญญากับสโมสร และเตรียมย้ายไปร่วมทัพเรอัล มาดริดแบบไร้ค่าตัวพร้อมโกยค่าเหนื่อยมหาศาล ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น สเตตัสเบอร์ 1 ก็จะกลับมาเป็นเนย์มาร์แต่เพียงผู้เดียว
4
แต่ทว่า สุดท้ายเอ็มบัปเป้กลับลำอยู่ต่อ เพราะเปแอสเชยื่นข้อเสนอมหาศาลเพื่อรั้งตัวต่อไปให้นานที่สุด พวกเขายอมเสียเอ็มบัปเป้แบบฟรีๆ ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น มีข่าวลือออกมาด้วยว่า เอ็มบัปเป้จะได้อภิสิทธิ์หลายอย่างในมือด้วย เช่นการช่วยตัดสินใจเลือกแต่งตั้งสตาฟฟ์ของสโมสร และสิทธิ์เสนอความเห็นว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อใครเข้ามาร่วมทีมด้วย
8
คำถามที่สำคัญที่สุดคือ ในฤดูกาลใหม่ 2022-23 เมื่อเอ็มบัปเป้ยังอยู่ และเนย์มาร์ยังไม่ย้ายไปไหน แล้วใครล่ะ ที่จะมีพาวเวอร์มากกว่ากัน?
1
ถ้าดูจากทิศทางแล้ว เปแอสเชดูจะให้ท้ายเอ็มบัปเป้มากกว่า เพราะในขณะที่นัสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ เชิดชูเอ็มบัปเป้อย่างมาก แต่พอมีนักข่าวถามเรื่องเนย์มาร์ เขาตอบว่า "ความเป็นไปได้ที่เนย์มาร์จะย้ายทีมน่ะหรอ? ผมบอกพวกคุณได้เพียงว่า เราหวังว่านักเตะจะตั้งใจเล่นมากกว่าในซีซั่นที่แล้วนะ ตั้งใจมากกว่าเดิมอีกเยอะๆ เลย"
1
ดราม่าของทั้งสองคนเริ่มต้นอีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น โดยเอล ปาอิส สื่อดังจากสเปนรายงานว่า "เอ็มบัปเป้ วิจารณ์เนย์มาร์ เรื่องไม่มีวินัยในการซ้อม" สอดคล้องกับแหล่งข่าวใกล้ชิดของสโมสรที่ระบุว่า "เนย์มาร์เป็นพวกไม่ค่อยชอบซ้อม เขามองว่าในสนาม ตัวเองวิ่งเยอะกว่าระยะปกติ 3-4 กิโลเมตรมาตลอดอยู่แล้ว"
หลังจากมีข่าวว่าเอ็มบัปเป้วิจารณ์เนย์มาร์ สื่อสเปนอีกเจ้า มุนโด้ เดปอร์ติโบ ก็ปล่อยคลิปการซ้อมของเปแอสเช โดยมีเซสชั่นหนึ่ง ที่นักเตะแต่ละคนต้อง "เข้าคู่" ซ้อมด้วยกัน เอ็มบัปเป้ยื่นมือไปหาเนย์มาร์ เพื่อทำโปรแกรมซ้อมตามรูทีน แต่เนย์มาร์ไม่ยอมจับมือด้วย เพื่อรอเข้าคู่กับเมสซี่แทน ทำให้เอ็มบัปเป้เคว้งไม่มีคู่ จนผู้ช่วยผู้จัดการทีม ต้องไปช่วยแทน (แต่บางคนก็บอกว่าเอ็มบัปเป้ต่างหากที่เมินเนย์มาร์) ใครอยากเห็นคลิปเข้ายูทูบ แล้วพิมพ์คำว่า Neymar Mbappe Ignore ก็จะเจอเลยครับ
7
ไม่ว่าใครจะเมินใคร แต่มันเห็นชัดๆ ว่าความรู้สึกระหว่างกัน มันมีกำแพงขวางกันอยู่แน่ๆ
ความตึงเครียดเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาระเบิดเอาในเกมลีกเอิงนัดล่าสุด ในวันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม 2022 ที่สนามปาร์ก เดอ แพรงซ์ เปแอสเช พบ มงต์เปลลิเยร์
1
ก่อนเกมจะเริ่มนั้น คริสตอฟ กัลทิเยร์ เฮดโค้ชเปแอสเช ได้กำหนดตัวคนยิงจุดโทษเอาไว้แล้ว เอ็มบัปเป้เป็นมือหนึ่ง เนย์มาร์เป็นมือสอง
6
สาเหตุที่เอ็มบัปเป้เป็นตัวเลือกก่อนเนย์มาร์ ก็เข้าใจได้ ถ้าดูจากสถิติการยิงจุดโทษเข้าตลอดฤดูกาลที่แล้ว เอ็มบัปเป้ ยิง 6 เข้า 5 คิดเป็น 83.3% ส่วนเนย์มาร์ ยิง 4 เข้า 3 คิดเป็น 75% คือถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว เอ็มบัปเป้ดูเหลื่อมกว่านิดหน่อย
1
เกมนี้ส่วนตัวเอ็มบัปเป้ ต้องการมีชื่อยิงประตูอย่างมาก เพราะเกมโทรฟี่ เดส์ แชมเปี้ยนส์ ที่ชนะน็องต์ 4-0 เขาโดนแบนไม่ได้ลงเล่น จากนั้นเกมลีกเอิงนัดแรกที่ถล่มแกล็กมง ฟุต 5-0 เขาบาดเจ็บไม่ได้ลงสนามเช่นกัน ดังนั้นการได้เจอมงต์เปลลิเยร์ จึงต้องการระเบิดฟอร์มให้ได้ทันที ในเกมแรกที่ลงสนาม
2
เปแอสเช ใช้ระบบ 3-4-1-2 เมสซี่เล่นหน้าต่ำ กองหน้าคู่เป็นเนย์มาร์ กับ เอ็มบัปเป้ นี่เป็นสามประสานที่ดูจะลงตัวที่สุดแล้ว
นาทีที่ 22 เปแอสเชได้จุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลของคู่แข่ง คนรับหน้าที่ยิงคือเอ็มบัปเป้ เขายิงแรงพอประมาณไปทางขวาของตัวเอง แต่ผู้รักษาประตูพุ่งถูกปัดออกหลังไปได้ สีหน้าเจ้าตัวผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
แต่เปแอสเชก็เล่นวันเวย์อยู่ข้างเดียวก่อนจะนำ 1-0 ในนาทีที่ 39 จากจังหวะที่เอ็มบัปเป้ยิงยัดเข้าไปจากระยะ 8 หลา ลูกนี้เนย์มาร์กางมือขอบอล แต่เอ็มบัปเป้ไม่ส่ง เขาเลือกจะยิงเอง ก่อนที่บอลไปโดนขากองหลังมงต์เปลลิเยร์เปลี่ยนทางเข้าประตู เป็น Own goal ซึ่งเอ็มบัปเป้ก็ไม่แฮปปี้ เพราะเขาไม่เครดิตเป็นคนยิงลูกนี้
3
จากนั้นนาที 42 เปแอสเชได้จุดโทษอีกครั้ง จากจังหวะแฮนด์บอลอีกรอบ คราวนี้เนย์มาร์คว้าบอลมาตั้งเองเพื่อเตรียมยิง เพราะจังหวะก่อนหน้านี้ เอ็มบัปเป้พลาดไปแล้ว คราวนี้ก็สมควรจะเป็นเขาได้ยิงบ้าง ปรากฏว่า เอ็มบัปเป้ เดินไปหาเนย์มาร์เพื่อขอยิงจุดโทษ ปรากฏว่าเนย์มาร์ไม่ให้ เอ็มบัปเป้ทำอะไรไม่ได้ ต้องเดินหลบออกไป
2
ถ้าวิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เอ็มบัปเป้ เป็นตัวสังหารจุดโทษเบอร์ 1 แปลว่าต่อให้ยิงพลาด ถ้าเขายังอยู่ในสนามก็รู้สึกว่าควรได้ยิงต่อ แต่เนย์มาร์คิดว่า ก็นายพลาดแล้ว ก็สมควรถึงคราวฉันบ้างสิ
4
โมเมนต์ตอนที่เอ็มบัปเป้เดินไปขอเนย์มาร์ กล้องจับภาพเมสซี่ที่ทำหน้าตกใจมาก หลายคนบอกว่า ตอนอยู่บาร์ซ่า เมสซี่มอบจุดโทษให้คนอื่นยิงเป็นปกติเลย พอมาเจอการแย่งกันยิงเขาเลยประหลาดใจสุดๆ
1
เนย์มาร์ยังไงก็จะยิงเอง และเขาซัดเข้าประตูไปอย่างเยือกเย็น ให้เปแอสเชนำ 2-0 แต่ที่น่าสนใจคือในลูกนั้น เอ็มบัปเป้ไม่ได้เข้ามาดีใจกับเนย์มาร์ด้วย คือยืนอยู่ห่างๆ ไม่รู้ว่ามีนัยยะใดหรือเปล่า
ความหงุดหงิดของเอ็มบัปเป้สะท้อนให้เห็น อีก 5 นาทีต่อจากนั้น ในช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก เมื่อเปแอสเชได้โต้กลับเร็ว วิตินญ่ากระชากมากลางสนาม เอ็มบัปเป้ฉีกไปด้านซ้ายโล่งๆ แต่วิตินญ่าไม่จ่ายให้ เขาเลือกจ่ายให้เมสซี่ที่อยู่ทางขวาแทน ซึ่งก็ไม่ผิดที่จะทำอย่างนั้น เพราะเมสซี่ก็โล่งเหมือนกัน
ทันทีที่วิตินญ่าจ่ายให้เมสซี่ เอ็มบัปเป้หยุดวิ่งทันที และสะบัดมือแสดงอาการไม่พอใจทันที แน่นอนว่ามันไม่ใช่คุณสมบัติของมืออาชีพที่ดีแน่ๆ
1
จบครึ่งแรก เปแอสเชนำ 2-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง เอ็มบัปเป้ไปยืนรอที่วงกลมกลางสนามก่อนจะเขี่ย ไม่คุยกับใครเลย ส่วนเมสซี่กับเนย์มาร์ กำลังปรึกษากันอยู่ข้างสนาม ก่อนจะเดินลงไปพร้อมกัน
1
ครึ่งหลังแม้เอ็มบัปเป้จะยิงได้ 1 ลูกก็จริง แต่ดูบรรยากาศแล้วก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เขาไม่ได้แสดงอาการดีใจอะไรด้วยซ้ำ ดูก็รู้ว่ามีความตึงเครียดบางอย่างเกิดขึ้น จบเกมเปแอสเชชนะ 5-2 ถล่มขาดลอย แต่สิ่งที่ผู้คนพูดถึงมากกว่า คือความขัดแย้งของเนย์มาร์ กับ เอ็มบัปเป้ในสนาม
เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น จึงมีการขุดคุ้ยหลายๆ ประเด็นขึ้นมาเพิ่มอีก เช่นตอนช่วงซัมเมอร์ ที่เนย์มาร์มีข่าวว่าจะโดนขาย แล้วนักข่าวถามเอ็มบัปเป้ว่าคิดยังไง ตัวเอ็มบัปเป้ไม่ได้ออกมาปกป้องอะไรเลย เหมือนว่าจะย้ายก็ได้ อยู่ก็แล้วแต่
เรื่องนี้บานปลายไปอีกสเต็ปเมื่อ มีทวิตเตอร์แอคเคาน์หนึ่งชื่อ Portal Brasil ได้ทวีตว่า "ตอนนี้ก็เป็นทางการแล้ว การที่เอ็มบัปเป้ได้เป็นคนยิงจุดโทษเบอร์หนึ่งของเปแอสเช นั่นเพราะเป็นอะไรที่อยู่ในสัญญาฉบับใหม่แน่นอน เพราะไม่มีสโมสรไหนในโลกที่จะเนย์มาร์จะกลายเป็นตัวยิงเบอร์สอง ดูเหมือนว่าสัญญาระบุไว้อย่างนั้น หรือแปลง่ายๆ ว่า เอ็มบัปเป้เป็นเจ้าของเปแอสเชไปแล้ว"
5
และอีกหนึ่งแอคเคาน์ชื่อ Neymargiabr ทวีตว่า "เกมเปแอสเชในวันนี้ เนย์มาร์ยิงประตูจากจุดโทษด้วยการหลอกผู้รักษาประตูจนหัวปั่นอีกครั้ง แต่เอ็มบัปเป้ตรงข้ามกัน เขายิงจุดโทษแย่มาก และไม่เข้าด้วย แต่หลังจบเกม โค้ชกลับบอกว่าเอ็มบัปเป้ดันเป็นมือหนึ่งซะงั้น มันบ้าชัดๆ"
2
ถ้าคนทวีตเฉยๆ ก็คงไม่มีอะไร แต่ประเด็นคือ เนย์มาร์ดันไปกดหัวใจให้สองทวีตนี้ซะงั้น คือเห็นด้วยสุดๆ นั่นแหละ คือถ้ากดเลิฟทวีตเดียว อาจจะลั่น แต่การกดสองทวีตแบบนี้ มันก็ชัดเจนแล้วว่าเขารู้สึกแบบไหน
1
ความตึงเครียดในแคมป์ ส่อแววจะบานปลาย ทำให้เฮดโค้ช คริสตอฟ กัลทิเยร์ และ ผู้อำนวยการกีฬา หลุยส์ คัมโปส จัดประชุมย่อย เพื่อเชิญเนย์มาร์ กับเอ็มบัปเป้มาคุยกัน โดยคัมโปสระบุว่า ถ้ามีปัญหากันก็มาคุยกันนอกสนามอย่างแสดงออกในสนามที่มีกล้องถ่ายทอดสดเต็มไปหมด มันจะทำให้บรรยากาศโดยรวมของทีมพังพินาศ
4
คัมโปส เคยทำงานที่โมนาโก และรู้จักเอ็มบัปเป้ตั้งแต่อายุ 14 ขณะที่กับเนย์มาร์ ด้วยความที่เขาเป็นคนโปรตุเกส จึงสามารถสื่อสารกับเนย์มาร์ที่เป็นบราซิล ได้ด้วยภาษาเดียวกัน การสนทนาจึงเป็นไปอย่างไหลลื่นไม่มีปัญหา
1
หลังการเคลียร์ใจกัน ลา ปารีเซียง ระบุว่าทั้งคู่สงบศึกกันแล้วและจะลงเล่นอย่างตั้งใจ เพื่อช่วยให้เปแอสเชคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ในฤดูกาลนี้
ดราม่าทั้งหมด จึงยุติชั่วคราวลงแค่นี้ แต่สิ่งที่แน่ชัดคือ ตอนนี้ในแคมป์เปแอสเช แบ่งเป็นทีมเนย์มาร์ กับทีมเอ็มบัปเป้ไปแล้ว พวกเขาอาจจะเล่นด้วยกันได้ แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ไม่รู้จะจบจริงหรือไม่ หรือแค่ยุติชั่วคราว เพื่อรอวันปะทุอย่างรุนแรงกว่านี้ในอนาคต
ขณะที่สงครามการชิงความเป็นหนึ่งในทีมก็ยังคงมีอยู่ต่อไป สำหรับนักเตะบางคนแค่ทีมชนะยังไม่พอ แต่ต้องถูกยกย่องให้เป็นผู้เล่นหมายเลขหนึ่งของทีมด้วย
สำหรับเปแอสเชในซีซั่นนี้ ด้วยศักยภาพที่ยอดเยี่ยมกว่าทีมอื่นในประเทศ ยังไงพวกเขาก็การันตีการได้แชมป์ลีกเอิงนั่นแหละ
แต่การจะก้าวไปสู่แชมป์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ ฟีฟ่า คลับเวิลด์ ถ้าหากในทีมไม่มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีสงครามภายในกันตลอดเวลา ต่อให้มีนักเตะเกรดเอมากขนาดไหน ก็ยากจริงๆ ที่จะไปถึงเป้าหมายสูงสุดได้
#TROUBLEINPARIS
โฆษณา