19 ส.ค. 2022 เวลา 02:00 • กีฬา
" พาเลซตัวแสบของลิเวอร์พูล "
การที่ คริสตัล พาเลซ บุกไปเสมอ ลิเวอร์พูล ได้ 1-1 เมื่อวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการหยุดสถิติแพ้ลิเวอร์พูลในลีก 10 นัดติดต่อกันได้สำเร็จ
พาเลซ เป็นทีมสุดท้าย ก่อนเบิร์นลี่ย์ (มกราคม 2021) ที่บุกมาชนะลิเวอร์พูล ได้ถึงแอนฟิลด์ในพรีเมียร์ ลีก ย้อนไปเมื่อเดือนเมษายน 2017
จากนั้นมา 5 ฤดูกาลหลังสุด พาเลซ ไม่ว่าจะเล่นดี ไม่ดียังไง พวกเขาไม่เคยได้แต้มจากหงส์แดงเลย แพ้รวด 10 นัด แถมมีเกมที่โดนถล่ม 7-0 ด้วยซ้ำ
ทว่าก็เป็น พาเลซ นี่แหละที่มักทำแสบใส่ลิเวอร์พูลอยู่เสมอๆ ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
16 พฤษภาคม 2015 เกมทางการนัดสุดท้ายที่แอนฟิลด์ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในฐานะนักเตะลิเวอร์พูล และกัปตันของสโมสร ปรากฏว่าโดน พาเลซ บุกมาทำแสบ คว้าชัยถึง 3-1
เป็นการอำลาของ เจอร์ราร์ด ต่อหน้า เดอะ ค็อป สแตนด์ ที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่นัก
อีกหนึ่งเกมที่ถือเป็นความคลาสสิกก็คือ 1 ปีก่อนหน้านั้น
5 พฤษภาคม 2014 เกมนัดรองสุดท้ายของฤดูกาล 2013/14 ปีที่ ลิเวอร์พูล "ควรจะ" คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก มาครองได้
ลิเวอร์พูล นำแมน ซิตี้ ขณะที่โปรแกรมเหลืออีก 3 นัด ซึ่งหากพวกเขาชนะเกมที่เหลือนี้ หรือแม้แต่สะดุดเสมอได้สักนัดก็ตาม พวกเขาก็จะคว้าแชมป์
มันเริ่มจากการแพ้เชลซี 0-2 ทำให้สถานการณ์ของ ซิตี้ ได้เปรียบ จากผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า
นั่นทำให้เกมที่เจอกับ พาเลซ ลิเวอร์พูลที่ยังไม่ยอมแพ้ถึงมุ่งมั่นแบบสุดๆ พวกเขาต้องการชนะพาเลซ และอยากชนะให้ได้เยอะๆ เพื่อไล่ตามผลต่างประตูที่เป็นรองอยู่
จนถึงนาทีที่ 55 ทีมของ เบรนดัน ร็อดเจอร์ส ก็นำห่างพาเลซ 3-0 แต่แทนที่จะเน้นชัวร์ รักษาสกอร์ เอา 3 คะแนนไว้ก่อน พวกเขากลับเลือกเดินหน้าบุกต่อแบบไม่สนหลังบ้าน
พาเลซ ที่มี โทนี่ พูลิส คุมทีมในเวลานั้นแก้เกมด้วยการส่ง ดไวท์ เกย์ล กองหน้าที่มีความเร็วลงมาแทน เจสัน พันเชี่ยน และส่ง เกล็นน์ เมอร์เรย์ ที่เล่นกลางอากาศดีลงแทน มารูยาน ชามัคห์
ปรากฏว่า เกย์ล ทำ 2 ประตู ช่วยให้ พาเลซ กลับมาตามตีเสมอ 3-3 ได้ในช่วงก่อนหมดเวลาแค่ 2 นาที
เกมนี้ถ้ายังจำกันได้ หลุยส์ ซัวเรซ ลงไปนั่งร้องไห้ เพราะเขารู้ว่า แมนฯ ซิตี้ คงไม่พลาดเกมที่เหลือ โอกาสคว้าแชมป์ของลิเวอร์พูล ไม่ได้อยู่ในมือพวกเขาอีกต่อไปแล้วนั่นเอง
แม้เกมแพ้เชลซี จะเป็นเกมเปลี่ยนโมเมนตัม แต่เกมที่โดน พาเลซ ตีเสมอ 3-3 จากที่นำห่าง 3-0 นี่แหละคือเกมที่ดับโอกาสของลิเวอร์พูลลงอย่างแท้จริง
ประวัติความแสบที่ พาเลซ ทำใส่ลิเวอร์พูล ในรอบ 30 ปีหลังยังไม่จบแค่นั้น
ย้อนไปในเอฟเอ คัพ ฤดูกาล 1989/90 เราเกือบจะได้เห็นนัดชิงชนะเลิศ แดงเดือดแล้ว ถ้าไม่เพราะ พาเลซ
แม้ในปี 1990 แมนฯ ยูไนเต็ด ยังกระเสือกกระสนหาแชมป์แรกภายใต้การคุมทีมของเฟอร์กี้ แต่เมื่อไหร่ที่เจอลิเวอร์พูล มันคือความมันเสมอ
รอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ ปี 1990 ลิเวอร์พูล เจอกับ คริสตัล พาเลซ ที่มี สตีฟ ค็อปเปลล์ อดีตปีกขวาปีศาจแดงคุมทีม
ตอนเจอกันในเกมลีก ลิเวอร์พูล เปิดแอนฟิลด์ขยี้ พาเลซ ไปถึง 9-0 อีกนัด บุกไปซิวชัยที่ เซลเฮิร์สท์ พาร์ค อีก 2-0 เรียกว่าฟอร์ม และความมั่นใจห่างกันลิบลับ
มาถึงวันที่ 8 เมษายน 1990 เกมตัดเชือก เอฟเอ คัพ พาเลซ ได้เป็นเจ้าบ้านเจอกับลิเวอร์พูล
เอียน รัช ทำให้หงส์แดงสยายปีกนำ 1-0 ตั้งแต่ต้นเกม
ครึ่งหลังนาทีเดียวพาเลซ ก็ตีเสมอได้จาก มาร์ค ไบรท์ ก่อนที่จะแซงนำจาก แกรี่ โอเรลลี่ ในนาทีที่ 70
สตีฟ แม็คมาน มิดฟิลด์ห้องเครื่องคนเก่ง ตีเสมอให้หงส์แดงในนาทีที่ 81 และจากนั้นแค่ 2 นาที ลิเวอร์พูล ก็แซงนำ 3-2 จากจุดโทษของ จอห์น บาร์นส์
ชัยชนะกำลังจะตกเป็นของลิเวอร์พูล พวกเขากำลังจะได้เข้าชิง เพื่อไปป้องกันแชมป์เพราะลิเวอร์พูลคือแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 1989
อย่างไรก็ดี ก่อนหมดเวลา 2 นาที แอนดี้ เกรย์ มิดฟิลด์ผิวสีของพาเลซ ก็ตามไปโหม่งจ่อๆ หน้าปากประตูตีเสมอ 3-3 ได้สำเร็จ
เกมต้องยืดเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 109 ประตูสำคัญก็เกิดขึ้น
จากลูกเตะมุมทางซ้าย แอนดี้ เกรย์ เปิดเข้ามา มีตัวโหม่งเช็ดไปที่เสาสอง ตรงนั้นเองที่ฮีโร่ของ พาเลซ รายหนึ่งโฉบเข้ามาโขกตุงตาข่าย ให้ พาเลซนำ 4-3 และมันกลายเป็นประตูชัย
นักเตะคนนั้นคือมิดฟิลด์ของพวกเขาที่ชื่อว่า อลัน พาร์ดิว นั่นเอง
สุดท้าย พาเลซ เลยได้เข้าไปชิงชนะเลิศกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเฉือน โอลด์แฮม มาได้ 2-1 หลังเตะ 120 นาทีเช่นกัน
ลิเวอร์พูล ต้องถือว่าพวกเขามีสถิติการเจอกันที่เหนือกว่า พาเลซ มาก
อย่างไรก็ดี เมื่อมองว่าพาเลซ เป็นทีมเล็ก แต่พวกเขากลับสามารถทำให้ลิเวอร์พูลต้องเซ็งในเกมสำคัญๆ ได้หลายครั้งเลยจริงๆ
อย่าลืมร่วมรับชมคลิปสุดมันกันได้ที่ :: https://citly.me/IAo2t
...[“ ท่านชายในสายหมอก ”]...
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
1
โฆษณา