20 ส.ค. 2022 เวลา 02:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กรณีศึกษา ไทยส่งออก อาหารฮาลาล มูลค่ากว่า 1,000,000 ล้านบาท
3
รู้หรือไม่ว่า ไทยส่งออกอาหารฮาลาล เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 12 ของโลก
โดยในช่วงก่อนโควิด 19 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 1 ล้านล้านบาท
1
และในประเทศไทย ก็มีหลายบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้รับตราฮาลาลและมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ
1
ไม่ว่าจะเป็น
- บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป
- บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเนื้อสัตว์แช่แข็งและแปรรูป
- บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องปรุงรส
แล้วความน่าสนใจของอาหารฮาลาล คืออะไร ?
ทำไม อาหารฮาลาลไทย มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 1 ล้านล้านบาท ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปกติแล้ว การกินอาหารของชาวมุสลิม จะมีข้อห้ามหลายอย่าง
แต่สามารถกินอาหารบางชนิดได้ โดยไม่ผิดหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม
ซึ่งอาหารที่ชาวมุสลิมสามารถกินได้ มีชื่อเรียกว่า “อาหารฮาลาล”
โดยกว่าจะเป็นอาหารฮาลาล จะต้องมีขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย
เช่น คนมุสลิมจะต้องเป็นคนเชือดเนื้อสัตว์เท่านั้น
และตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต จนถึงการขนส่ง และจัดจำหน่าย ต้องไม่มีการปนเปื้อนของสิ่งต้องห้าม
อย่างไรก็ตาม ก็มีอาหารบางชนิดที่ถือว่าเป็นอาหารฮาลาลได้
เพราะเป็นสินค้าที่มาจากธรรมชาติ และไม่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม
เช่น ผัก ผลไม้ นม และไข่
อาหารฮาลาล จึงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มที่ถือว่าเป็นอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ
และกลุ่มอาหารฮาลาลที่ต้องมีขั้นตอนถูกต้อง ตามหลักศาสนาอิสลาม
โดยกลุ่มอาหารฮาลาล ที่ต้องมีขั้นตอนถูกต้อง ตามหลักศาสนาอิสลาม
ก็ต้องมีหน่วยงานเฉพาะ ที่ให้การรับรองว่าสินค้าเป็นอาหารฮาลาล
ซึ่งถ้าเราลองพลิกฉลากข้างสินค้า จะเห็นหน่วยงานที่มีชื่อว่า สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวมุสลิมได้ว่า สินค้านี้สามารถกินได้
แต่รู้หรือไม่ว่า อาหารฮาลาลที่เราเห็นกันในไทย ไม่ได้ส่งขายภายในประเทศไทยเท่านั้น
เพราะเรายังส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งตลาดส่งออกหลักของไทย คือ ประเทศที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่จำนวนมาก เช่น
- จีน (25 ล้านคน)
- อินเดีย (209 ล้านคน)
- กลุ่มประเทศมุสลิม หรือ OIC (1,900 ล้านคน)
ซึ่งกลุ่ม OIC นี้ เป็นการรวมตัวกันของประเทศที่มีชาวมุสลิมส่วนใหญ่อาศัยอยู่ ทั้งจากทวีปแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้ โดยประเทศเพื่อนบ้านของเรา ในภูมิภาคอาเซียน อย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน ก็เป็นสมาชิกในกลุ่ม OIC อีกด้วย
และรู้หรือไม่ว่า อาหารฮาลาลของไทย ยังส่งออกไปในแถบตะวันออกกลาง และแอฟริกาตอนเหนือ ซึ่งมีสัดส่วนของประชากรชาวมุสลิม มากกว่า 90% โดยมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 56,000 ล้านบาท
และหากดูสถิติการส่งออกอาหารฮาลาลของไทยย้อนหลัง ในช่วงก่อนโควิด 19 จะพบว่า
- ในปี 2560 มูลค่าการส่งออก 0.99 ล้านล้านบาท
- ในปี 2561 มูลค่าการส่งออก 1.06 ล้านล้านบาท
- ในปี 2562 มูลค่าการส่งออก 1.03 ล้านล้านบาท
3
โดยมูลค่าของตลาดอาหารฮาลาลโลก อาจเติบโตได้มากกว่านี้ในอนาคต เพราะมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2028 จะมีมูลค่ากว่า 11.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดในปัจจุบัน
ซึ่งสาเหตุที่ตลาดนี้ยังสามารถเติบโตได้สูง เพราะแนวโน้มของจำนวนประชากรชาวมุสลิม อยู่ในช่วงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มคนที่ไม่ใช่มุสลิมก็นิยมบริโภคอาหารฮาลาลมากขึ้น เพราะมั่นใจว่าสามารถตรวจสอบย้อนกลับกระบวนการผลิต และเชื่อใจในความสะอาดได้
ถึงตรงนี้ ดูเหมือนว่าอาหารฮาลาล ก็เป็นตลาดที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
แต่คำถามก็คือ ประเทศไทยอยู่ตรงไหนในตลาดนี้ ?
ปัจจุบัน อาหารฮาลาลจากไทย มีส่วนแบ่งในตลาดโลก ประมาณ 2%
ในขณะที่ผู้ส่งออก 3 อันดับแรกของโลก ได้แก่
- สหรัฐอเมริกา 8.9%
- เนเธอร์แลนด์ 5.4%
- เยอรมนี 5.2%
2
โดยหากไปดูการนำเข้าอาหารฮาลาลจากไทยในตะวันออกกลาง จะพบว่า
- อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 40%
- ข้าว 18%
- ผัก และผลไม้กระป๋องแปรรูป 8%
และในกลุ่มประเทศแอฟริกาตอนเหนือ จะพบว่า
- อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 70%
- ข้าว 17%
1
จะเห็นได้ว่า อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปจากไทย เป็นอาหารฮาลาลยอดนิยมในสองภูมิภาคนี้
โดยเฉพาะปลาทูนากระป๋อง ที่มีส่วนแบ่งในตลาดแอฟริกาเหนือเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว
1
ซึ่งสาเหตุที่อาหารกระป๋อง มักเป็นสินค้าหลักที่นำเข้าไปจำหน่าย เพราะสามารถเก็บได้นาน ไม่เน่าเสียง่ายในระหว่างการขนส่ง ในขณะที่อาหารสด เช่น ผลไม้ มักเสียเปรียบประเทศใกล้เคียง ซึ่งสามารถขนส่งได้สะดวกมากกว่า ส่วนเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ บราซิลก็เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ให้กับประเทศเหล่านี้
1
นอกจากนี้ ไทยมีความได้เปรียบด้านการผลิตอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป
จากการที่มีวัตถุดิบต้นทางที่หลากหลาย มีพื้นที่ติดทะเลค่อนข้างยาว
และแรงงานไทยมีทักษะความเชี่ยวชาญ ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลมานาน
อย่างไรก็ตาม แม้เราจะมีการตั้งคณะทำงานอาหารฮาลาลไทย เพื่อหวังจะกินส่วนแบ่งในตลาดโลกมากขึ้น
โดยสร้างพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้กลายเป็นแหล่งผลิตหลัก
แต่คู่แข่งของไทยก็มีการตั้งเป้าหมาย ที่จะเป็นผู้นำในการผลิตอาหารฮาลาลเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย ที่ประกาศจัดตั้ง Halal Industry Development Corporation
เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลอย่างเป็นระบบ
หรือแม้แต่ประเทศในตะวันออกกลางอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอง ก็มีการตั้ง Dubai Islamic Economy Development Centre เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสินค้าของชาวมุสลิมอีกด้วย
พอเป็นแบบนี้ ตลาดฮาลาลจึงแข่งขันกันสูงมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เองอาจทำให้ไทย ต้องหาจุดเด่นของสินค้า
ฮาลาล ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่อง
และอีกเรื่องหนึ่งคือ กระบวนการผลิต ที่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับชาวมุสลิม
เนื่องด้วยกลุ่มประเทศมุสลิม มักนำเข้าอาหารจากประเทศกลุ่มมุสลิมด้วยกัน เช่น มาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย
เพราะมีความเชื่อมั่นว่าอาหารฮาลาลที่ผลิต เป็นไปตามหลักปฏิบัติทางศาสนาอิสลาม
1
ซึ่งหากมีการสื่อสารให้เข้าใจ ถึงกระบวนการผลิตของไทย และทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้มากขึ้นว่า อาหาร
ฮาลาลไทยก็มีคุณภาพไม่แพ้ประเทศมุสลิมอื่น ๆ ก็จะช่วยให้ตลาดส่งออกขยายตัวได้มากขึ้น
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของอาหารฮาลาล
สินค้าไทยที่มีมูลค่าการส่งออกกว่า 1 ล้านล้านบาท
และยังสามารถเติบโตในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งถ้าประเทศไทยต้องการจะเป็นเบอร์ 1 ด้านอาหาร และกลายเป็นครัวของโลก
อาหารฮาลาล ก็เป็นสิ่งที่ครัวไทยไม่ควรมองข้ามเช่นกัน..
1
หนังสือ BRANDING THE NATION หนังสือที่เล่าถึงการสร้างแบรนด์ของแต่ละประเทศที่ทำให้ แต่ละประเทศเป็นแบบทุกวันนี้
เช่น ทำไมเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ ทำไมฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งแบรนด์หรู สั่งซื้อเลยที่
โฆษณา