20 ส.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ควรวางอีโก้ลงก่อน ]
ไม่กี่วันก่อน เวย์น รูนี่ย์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ จนกลายเป็นกระแสทางโซเชี่ยลอย่างรวดเร็ว
ต้นเรื่องมาจากเกมลีกเอิงนัดล่าสุด ปารีส แซงต์ แชร์กแมงถล่มมงต์เปลลิเยร์ 5-2 มีจังหวะที่ได้จุดโทษ เอ็มบั๊ปเป้ รีบปรี่เดินไปจะขอ เนย์มาร์ เป็นคนสังหารเอง ทั้งที่ก่อนหน้าก็เพิ่งยิงพลาด
ระหว่างที่เดินนั่นเอง ไหล่ของเขาชน ลิโอเนล เมสซี่ เข้าอย่างจัง จนดาวเตะอาร์เจนไตน์ต้องหันขวับมามองด้วยความไม่พอใจ
ไม่นานนักเหตุการณ์ช่วงดังกล่าว ก็ถูกตัดมาเป็นคลิปเผยแพร่ทางโซเชี่ยล ก่อนที่ทาง รูนี่ย์ จะออกมาวิจารณ์
1
"นักเตะอายุ 22-23 ปี กล้าเอาไหล่กระแทกใส่ เมสซี่ เลยนะ ทั้งชีวิตผมไม่เคยเห็นใครมีอีโก้ขนาดนี้เลย"
"น่าจะมีใครบอก เอ็มบั๊ปเป้ ให้ได้รับรู้หน่อยว่าตอน เมสซี่ อายุ 22 ปีน่ะ เขาได้บัลลงดอร์ไปแล้ว 4 ครั้งนะ"
2
คนที่ผ่านประสบการณ์อย่างโชกโชน ไขว่คว้าเกียรติยศมามากมาย จนถึงขั้นเป็นดาวยิงสูงสุดของแมนฯยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษ น่าจะมองเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับ เอ็มบั๊ปเป้ ในเวลานี้
คงไม่ใช่เป็นการยกตนข่มท่าน มองว่าตัวเองเจ๋งกว่าเด็กรุ่นหลังหรอก เพียงแต่เขาเคยดวลกับ เมสซี่ มาแล้ว อย่างน้อยก็เกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกทั้ง 2 นัด จึงประจักษ์เลยว่านักเตะคนนี้เจ๋งแค่ไหน
พอเห็นภาพ เอ็มบั๊ปเป้ เดินชนจนเซ ไม่ให้เกียรติกันเลย ย่อมรู้สึกอดรนทนไม่ไหว จึงขอออกมาปรามๆสักหน่อย
1
ยังไม่หมดแค่นั้น ในเกมดังกล่าวยังมีช็อตต่อเนื่องเลย หลังจากรุ่นใหญ่ประจำทีมแล้ว ก็ไปแย่งรุ่นใหญ่อีกคนอย่าง เนย์มาร์ ซัดจุดโทษด้วย ทั้งที่ตัวเองเพิ่งยิงพลาดอย่างที่รู้กัน
2
ด้วยความเชื่อมั่นในฝีเท้า รวมถึงอยากจะแก้ตัวสักหน่อย เชื่อว่าพี่คงยอมแหล่ะ แต่ปรากฏว่า เนย์มาร์ ไม่สนใจ ซึ่งเราไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องโควต้าจุดโทษนี่แบ่งกันอย่างไร
สตาร์บราซิเลี่ยนสังหารไม่พลาด แต่นั่นไม่สำคัญเท่า สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น เพราะสื่อชั้นนำอย่างเลอ ปารีเซียง รายงานว่าสองคนนี้ขัดแย้งกันดุเดือดในห้องแต่งตัว
1
แม้จะไม่มีการแจกแจงเรื่องรายละเอียดว่า บรรยากาศเป็นอย่างไร ทะเลาะกันลักษณะไหน แต่คงเดากันไม่ยาก
สาเหตุมาจากเรื่องจุดโทษนั่นแแหล่ะ จนสุดท้าย หลุยส์ กัมโปส ผู้อำนวยการกีฬา ต้องเข้ามาจัดการไกล่เกลี่ย
ในโลกโซเชี่ยลคอนเม้นต์กันมากมาย มีแม้กระทั่งบอกว่า เนย์มาร์ เจอกรรมตามสนอง เพราะตัวเองก็เคยแย่ง เอดินสัน คาวานี่ ยิงจุดโทษมาก่อน
1
แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือเรื่องอีโก้ของ เอ็มบั๊ปเป้ อย่างที่ รูนี่ย์ จวกอย่างเผ็ดร้อน
หลายต่อหลายคนเห็นด้วย พฤติกรรมของแข้งรายนี้ไม่น่ารักเอาซะเลย โดยเฉพาะช็อตเดินชน เมสซี่ ชนิดไม่ให้เกียรติกัน
ไม่ใช่แค่สองเหตุการณ์ที่กลายเป็นกระแส ระหว่างเกมนั้นเอง ยังมีช็อตที่ วิตินญ่า กองกลางคนใหม่ ได้บอลกลางสนาม
1
เอ็มบั๊ปเป้ สปีดมาเลยรอทางฝั่งซ้าย เชื่อว่าเพื่อนคงต้องเห็นแล้วเปิดมาให้แน่ แต่กลับเลือกทางขวา ไม่ได้มองมาทางซ้ายเลย
เท่านั้นเอง เอ็มบั๊ปเป้ หยุดวิ่งดื้อๆ กลายเป็นเดินเหยาะๆ ทำเหมือนผิดหวังหรือเซ็งสุดขีด
ทั้งที่ควรวิ่งขึ้นไปก่อน สนับสนุนจังหวะที่ทีมกำลังเล่นเกมรุกตามปกติ มันสะท้อนถึงเรื่องทัศนคติเลย
แฟนบอลมากมาย จึงตั้งข้อสังเกตุว่า เอ็มบั๊ปเป้ เปลี่ยนไปพอสมควรเลย นับตั้งแต่ขยายสัญญาเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์เซอร์ไพรส์ เพราะแทบทุกคนเชื่อว่าเขาจะเลือกย้ายไปเรอัล มาดริดแบบฟรีเอเจ้นท์ กระแสเวลานั้นแรงมาก ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด
แน่นอนว่านี่คือผลงานการเกลี้ยกล่อมของฝ่ายบริหารนำโดย นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ ประธานสโมสร ซึ่งยินดีทำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้โดนพวกสโมสรยักษ์ใหญ่อื่นในยุโรปมาข่มกันเด็ดขาด
ท่ามกลางกระแสข่าวลือสารพัด ข้อเสนอระดับพรีเมี่ยมดังกล่าว ไม่มีทางที่ เอ็มบั๊ปเป้ จะปฏิเสธได้ลงหรอก
นอกเหนือจากเงินค่าจ้างวีกละ 1 ล้านปอนด์แล้ว ยังมีอำนาจในการเลือกผู้เล่นและผู้จัดการทีมอีกต่างหาก ได้รับอาญาสิทธิ์จากเบื้องบนอย่างเต็มที่ จนมีการล้อเลียนว่าสงสัยได้เป็นเจ้าของสโมสรแน่เลย
อย่างที่บอกเท็จจริงแค่ไหน เราต่างไม่รู้หรอก เพียงแต่ตัวนักเตะย่อมถูกจับตามากเป็นพิเศษ จะแสดงพฤติกรรมอย่างไรบ้าง แล้วเราก็ได้เห็นกัน
เข้าใจว่าเปแอสเชต้องการยก เอ็มบั๊ปเป้ ให้ก้าวขึ้นมาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสโมสร นี่คือนักเตะที่ได้รับการคาดหมายว่าจะผงาดซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของโลก เมื่อหมดยุค คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เมสซี่
2
ไม่ใช่เรื่องฝีเท้าความสามารถอันน่าตื่นตาเท่านั้น แต่ทางเปแอสเชยังหวังในเรื่องมูลค่าการตลาดอีกด้วย ซึ่งจะช่วยยกระดับสโมสรไปในตัว
แทบทุกคนจึงรู้ว่า เอ็มบั๊ปเป้ กลายเป็นแข้งสำคัญที่สุดในเวลานี้ แซงหน้าทั้ง เมสซี่ และ เนย์มาร์ เพราะว่าเป็นอนาคตอันยิ่งใหญ่ อายุยังน้อย มีเวลาสร้างชื่ออีกหลายปี เป็นคลื่นลูกหลังที่กำลังโถมมาทดแทน
ในขณะที่ เมสซี่ เข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพค้าแข้ง ฟอร์มในซีซั่้นที่ผ่านมาดร็อปลงไม่น้อย หากเทียบกับตอนเล่นให้บาร์เซโลน่าแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ส่วนฝั่ง เนย์มาร์ ก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ จะไม่อยู่ในแผนการสร้างทีมแล้ว ต้องการปล่อยออกไป เพราะสุดท้ายไม่อาจช่วยสโมสรให้ไปถึงจุดสูงสุดอย่างวางเป้าเอาไว้
ด้วยหลายเหตุผลที่ว่ามานี้ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่เราได้เห็น เอ็มบั๊ปเป้ เปลี่ยนไป อาจจะได้รับการยกย่องอุ้มชู จนบางครั้งรู้สึกได้ว่า มันเกินเลยความจริง
พอมาย้อนดูประโยคที่ รูนี่ย์ แสดงความเห็นเอาไว้ ต้องยอมรับว่ากลายเป็นกระแสและแฟนบอลส่วนมากคล้อยตามเห็นด้วย
เอ็มบั๊ปเป้ อาจจะเป็นแข้งประเภทอายุน้อยร้อยล้าน ถูกคาดหวังไว้สูง ฝีเท้าเติบโตพุ่งพรวดเกินวัย บางจังหวะอาจหลงเตลิดไปกับชื่อเสียง เกียรติยศ คำป้อยอชื่นชมต่างๆ
เขายังมีเวลาที่เรียนรู้ ปรับปรุงตัวเองได้ หากยอมรับและมองย้อนมาดูตัวเองว่า มันเป็นจริงอย่างที่ถูกพูดถึงหรือเปล่า
แต่หากเมินเฉย เชื่อมั่นใจสิ่งที่ทำ ไม่สนใจเสียงวิจารณ์ ปล่อยให้อีโก้ครอบงำอย่างที่หลายคนว่าไว้ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
อย่าลืมว่า เอ็มบั๊ปเป้ ยังไม่ได้ไปถึงจุดสูงสุดของอาชีพค้าแข้งด้วยซ้ำ รางวัลเกียรติยศส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นบัลลงดอร์หรือแข้งยอดเยี่ยมฟีฟ่า ลำพังดาวซัลโวลีกเอิง 4 สมัยซ้อน ยังถือว่าธรรมดาเกินไป
ถ้าเขาไม่คิดเปลี่ยนแปลง ก็คงไม่มีใครช่วยอะไรได้หรอก ยิ่งได้รับการอุ้มชูจากฝ่ายบริหารเปแอสเชเรื่อยๆ อาจจะเป็นอุปสรรคหนักขึ้น
ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่ดีมากๆ แต่หากมันมากเกินไป มันจะส่งผลลบอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา