19 ส.ค. 2022 เวลา 23:20 • ปรัชญา
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่พาลูกมาทำบุญว่า "ลูก ๆ อายุเท่านี้แม่ต้องวิ่งไล่ทั้งวัน ความจริงมีเคล็ดลับอยู่นิดเดียวว่าอย่าไปไล่ นั่งอยู่เฉย ๆ ลูกไปไม่ไหนไกลพ่อแม่หรอก เดี๋ยวเขาก็วิ่งกลับมา เพียงแต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่ไปห่วงมาก ถึงเวลาก็ต้องวิ่งไล่จับกัน"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๔
เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นสิ่งที่ดีสำหรับนักปฏิบัติธรรม เพราะจะทำให้เห็นว่าเรามีต้นทุนเท่าไร โดยเฉพาะเวลาที่ฉุกเฉิน เกิดอะไรขึ้นกะทันหัน เราจะรู้ชัดว่าสติ สมาธิของเรามีเท่าไร สภาพจิตของเรามีความเร็วสูงมาก เร็วกว่าแสงอีก..! แสงเดินทาง ๑๘๖,๐๐๐ ไมล์ต่อวินาที ใช้เวลาประมาณ ๘ นาทีเดินทางจากดวงอาทิตย์มา
ถึงโลก แต่ใจของเราแค่คิดก็ไปถึงแล้ว
ในเมื่อจิตมีสภาพเร็วขนาดนั้น เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เราจะเห็นว่าทุกอย่างเหมือนกับช้า หลายคนอาจจะมีประสบการณ์ตรงนี้ ก็คือช้าจนกระทั่งเราสามารถที่จะกำหนดสติได้ว่าจะแก้ไขอย่างไร สถานการณ์ถึงจะออกมาดีที่สุด
ถ้าหากว่าสภาพจิตไม่เร็วขนาดนี้ เราก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านกิเลสได้ เพราะว่ากิเลสเกิดเร็วมาก เร็วเท่า ๆ ความคิดของเรา การต่อต้านกิเลสจึงต้องเร็วในระดับที่เท่ากัน ทำอย่างไรที่มีสติรู้ตัว แล้วหยุดคิดให้ทัน กิเลสก็จะเกิดไม่ได้ ก็แปลว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านจำเป็นจะต้องฝึกฝนให้มากเข้าไว้
ประโยชน์ใหญ่สูงสุดก็คือ ป้องกันกิเลสไม่ให้กินใจของเราได้ทัน ประโยชน์รองลงไปก็คือระงับกายสังขาร ถ้าจิตเราอยู่กับการภาวนา ร่างกายจะเจ็บแค่ไหนก็เป็นเรื่องของร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวกับเรา
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๕
พระอาจารย์กล่าวว่า "บางคนอาจจะเบื่องาน ลองนึกถึงใจของคนตกงานบ้าง บางคนอาจจะเบื่อบ้าน ลองนึกถึงใจของคนไม่มีบ้านบ้าง บางคนอาจจะเรียกร้องทุกอย่างจากพ่อแม่พี่น้องคนรอบข้าง ลองนึกถึงใจเด็กกำพร้าดูบ้าง
ถ้าสามารถนึกถึงอกเขาอกเรา อย่างน้อย ๆ เราก็มีหลักธรรมข้อหนึ่ง คือ สมานัตตตา ในสังคหวัตถุ ซึ่งสมานัตตตานี้ไม่ใช่ว่าความเสมอต้นเสมอปลาย ความหมาย
จริง ๆ ก็คือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เรารักสุขเกลียดทุกข์อย่างไร คนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์แบบนั้น
เพราะฉะนั้น..เราไม่ชอบสิ่งไหน อย่าทำสิ่งนั้นกับคนอื่น ขณะเดียวกันเราชอบสิ่งไหน ไม่ใช่ว่าเราจะทำสิ่งนั้นกับคนอื่นได้ทุกคน ต้องดูกาละคือเวลาที่เหมาะสม ดูเทศะคือสถานที่ที่เหมาะสมด้วย"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๔
หลักธรรมสองหมวดที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนคนทั่วไป
พระอาจารย์กล่าวว่า "จากคำถามที่ว่ามาเมื่อครู่ในเรื่องของการปฏิบัติ มีอยู่รายหนึ่งที่น่าสงสารมากที่สุด ก็คือ การปฏิบัติตามหลักกาย เวทนา จิต ธรรม
มีหลักธรรมอยู่สองหมวดที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนคนทั่วไป ก็คือ มหาสติปัฏฐานสูตร ตามหลักกาย เวทนา จิต ธรรม พระพุทธเจ้าท่านสอนมนุษย์ต่างดาว..! ส่วน
พระอภิธรรม ๗ บท ท่านสอนพรหมเทวดา แต่ก็ยังมีคนพยายามที่จะไปศึกษาเรียนรู้ ถ้าปัญญาของเราไม่ใช่อุคฆฏิตัญญูบุคคล มีหวังได้เครียดตายห่..! วิธีการง่าย ๆ เยอะแยะดันไม่ทำ
มหาสติปัฏฐานสูตรตั้งแต่ต้นยันปลาย เราหยิบจุดใดจุดหนึ่งขึ้นมาทำจุดเดียวก็บรรลุมรรคผลได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปศึกษาครบทุกหมวด ไม่จำเป็นต้องไปศึกษา
ครบทุกหัวข้อ อย่างเช่นหมวดแรก กายในกาย แค่อานาปานสติ ถ้าทำถูกก็เป็นพระอรหันต์ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องตามไปดูอิริยาบถสัมปชัญญะ ไม่จำเป็นต้องไล่ยาวจนกระทั่งถึงนวสี
เวทนา จิต หรือธรรม จึงไม่จำเป็นต้องไปดูเช่นกัน แต่เรามักจะเข้าใจผิดว่าจะต้องทำทั้งหมด ก็เลยเก่งกันไปใหญ่ ให้สังเกตดูตอนท้ายของทุกบรรพ หรือทุกตอน พระพุทธเจ้าจะสรุปเอาไว้ว่า นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะติ เราจะไม่ยึดติดอะไร ๆ ในโลกนี้ นั่นคืออารมณ์พระอรหันต์"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๙
โฆษณา