20 ส.ค. 2022 เวลา 12:16 • กีฬา
“คาเซมิโร่ ราชันผู้มาอุดรูรั่ว ปีศาจแดง"
(CASEMIRO “THE RIGHT ONE”)
หลังจากที่บุกไปให้เบรนท์ฟอร์ดระเบิดถังขี้เละเทะ 4 ประตูต่อ 0 ชนิดที่แบบ “น่าอับอาย” เอริก เทนฮาก ให้สัมภาษณ์หลังเกมชนิดกดดันบอร์ดซื้อขายออกสื่อว่า
“เราต้องมีการซื้อผู้เล่นใหม่เข้ามา เราจะโน้มน้าวใจทุกวิถีทาง ให้มีผู้เล่นใหม่เข้ามาสู่ทีมให้ได้”
เอริก เทนฮาก
เมื่อได้ยินดังนั้น บอร์ดซื้อขายของยูไนเต็ดก็คงจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ต้อง “ลุกลี้ลุกลน” ไปหาผู้เล่นใหม่เข้ามาอย่างรวดเร็วตามที่นายใหญ่แห่งปีศาจแดงได้เอ่ยวาจาสิทธิ์
นั่นจึงเป็นสาเหตุ ที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แมนฯยูไนเต็ด มีข่าวกับผู้เล่นหลายคน โดยเฉพาะกองกลาง ที่เป็น “จุดอ่อน” หรือจะเรียกว่าเป็น “บ่อน้ำมัน” ให้ทีมคู่แข่งเจาะเล่นงาน ก็คงจะไม่ผิดอะไร
หลังจากที่ดีลกับ แฟรงกี้ เดอยอง ไม่มีวี่แววว่านักเตะจะมาขายวิญญาณให้ปีศาจแดง และดีลของ อาเดรียง ราบิโอต์ ที่ล่มไปในที่สุด โดยน้ำมือของ “คุณแม๊” ของนักเตะ ที่เรียกค่าเหนื่อยสูงเกินจริง
1
นั้นทำให้ ยูไนเต็ด เบนเข็มทิศมาที่กองกลางระดับ “เวิลด์ คลาส” ที่เป็นของรักของหวง ของเรอัล มาริด อย่าง
“คาร์ลอส คาเซมิโร่”
ไม่มีเหล่าสาวกเร้ด อาร์มี่คนไหนคาดคิด ว่าทีมรักของพวกเขา จะสามารถปิดดีล ห้องเครื่องระดับ ไดนาโม นี้ ในราคา 60+10 ล้านยูโรได้เพียงระยะเวลาไม่กี่วัน
ถือว่าเป็นดีลสุดเซอร์ไพรส์ ที่ได้ตัวตัดเกมชาวแซมบ้ามา “อุดรูรั่ว” ของยูไนเต็ด ในแผงกองกลาง “ก่อนที่จะสายเกินเยียวยา”
และนี่คือสิ่งที่ คาเซมิโร่นั้น จะเข้ามา “อุดรูรั้ว” ให้กับทีมบ๊วยของลีกในตอนนี้
“คาเซมิโร่ ราชันผู้มาอุดรูรั่ว ปีศาจแดง"
รูรั่วจุดที่ 1 | การซื้อสตาร์ดัง (ที่ไม่ถูกจุด) ของบอร์ดซื้อขาย |
ก่อนหน้านี้บอร์ดบริหารของยูไนเต็ด มักจะซื้อเหล่านักเตะสตาร์ดังมาเพื่อผลผลิตทางการตลาดเพียงอย่างเดียว ไม่ได้สนใจเลยว่าผู้จัดการทีมจะอยากได้หรือนักเตะจะเข้ากับแทคติกหรือไม่
ทำให้มีหลายครั้งที่จบลงด้วยการที่นักเตะ “มาดับ” ที่แมนยูฯ หรือมีปัญหากัน จนต้องแยกย้ายออกไป ส่วนคนที่ยังคงอยู่ ก็กลายเป็นส่วนเกินจากผู้จัดการทีมคนก่อน ที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ไม่ได้ใช้
การเสริมสตาร์ดังอย่าง คาเซมิโร่ ของบอร์ดซื้อขายในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเสริมทัพสตาร์ดังในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ถือว่า “เกาถูกที่คัน” อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
เพราะหลังจากที่หมดยุค ไมเคิล คาร์ริค ก็ยังไม่มีผู้ที่จะมาทดแทนตำแหน่งนี้ได้อย่างเนียนตา ครั้งว่าจะเป็น เนมานญ่า มาติซ (ที่ไม่ใช่สตาร์ดัง) ก็ดูช้าลงกว่าเดิมเยอะ แถมร่างกายก็ไม่ค่อยจะสมบูรณ์ ลง 90 นาทีก็ไม่ไหว
การมาของ คาเซมิโร่ ที่ฟอร์มการเล่นยังอยู่ใน “ระดับท็อป” ในครั้งนี้ ถือว่าเป็น “อุดรูรั่ว” ในการล่าสตาร์ดังที่ “ซื้อไม่ถูกจุด” ของบอร์ดซื้อขายเสียที
รูรั่วจุดที่ 2 | รูโหว่ในแผงแดนกลาง |
ใน 2 นัดเปิดสนามที่ผ่านมา แมนฯยูไนเต็ด มีจุดอ่อนในแดนกลางอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นบอล จ่ายบอล การเสียบอลในแดนตัวเอง จนมีสถิติออกมาว่า ปีศาจแดงนั้น
  • โดนคู่แข่งแย่งบอลจากแดนตัวเอง ถึง 15 ครั้ง จาก 2 นัด
  • โดนล่อเป้าไปถึง 8 ครั้ง
  • และเสียหายไปถึงการเสียประตูถึง 2 ลูก
เห็นได้ชัดว่าแดนกลางของยูไนเต็ดนั้น ไม่มีผู้เล่นคนใดที่จะมาปกป้องกองหลังจากการ “โดนล่อเป้า” ได้เลย
การมาของ คาเซมิโร่ ที่พกพาสถิติ การเข้าปะทะเป็นอันดับ 1 ของลีกยุโรป ตั้งแต่ฤดูกาล 2017-2018 และลักษณะนิสัยการเล่นแบบ ดุดัน ชอบเข้าปะทะ ทั้งภาคพื้นดินและกลางอากาศนั้น
เป็นสิ่งที่จะมา “อุดรูรั่ว” ที่เป็นรูโหว่ในแผงแดนกลาง ที่ประสบพบเจอมาหลายปี เสียที
คาเซมิโร่ ที่พกพาสถิติ การเข้าปะทะเป็นอันดับ 1 ของลีกยุโรป ตั้งแต่ฤดูกาล 2017-2018 | รูปภาพจาก Squawka |
รูรั่วจุดที่ 3 | ความไม่สมดุลในแดนกลาง |
ในแผนของกุนซือคนก่อนๆนั้น ส่วนมากจะชอบใช้แผน4-2-3-1 ซึ่งจะมีจำนวนกองกลาง 3 คนหลักๆ ที่จะประกอบไปด้วย ตัวยืนต่ำ 2 ตัว และตัวยืนสูง 1 ตัว
แต่ในแผนของเอริก เทนฮากนั้น จะเน้นไปที่ระบบ 4-3-3 ที่จะมีตัวยืนต่ำเพียงแค่ตัวเดียว และตัวยืนสูง 2 ตัว
การที่ใช้ คู่หู แม็คเฟร็ด ลงพร้อมกัน โดยที่ เฟร็ด ยืนต่ำและแมคโทมิเนย์ ยืนสูงนั้น ก็โดนวิจารณ์หนักจากแฟนบอลและนักวิเคราะห์ เพราะทั้งเฟร็ดและแม็คโทมิเนย์ เป็นผู้เล่นสายพละกำลังทั้งคู่
การที่ส่งทั้ง 2 คนลงพร้อมกัน เป็นการเปลืองตัวผู้เล่นในตำแหน่งแดนกลางไป 1 คน โดยใช่เหตุ เพราะทั้งคู่นั้นไม่ได้มีจุดเด่นในด้านการจ่ายบอล ซึ่งภาระหนักในการสร้างเกมจะตกไปอยู่ที่กองกลางตัวรุกอย่างบรูโน่ เฟอร์นันเดส เกินไป
เมื่อมี คาเซมิโร่ ทีมก็จะมีผู้เล่น “เจ๋งๆ” ที่ยืนต่ำเพียงแค่คนเดียวได้ และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นกองกลางที่ออกบอล “จ๊าบๆ” ยืนสูงได้ถึง 2 ตัว อย่างที่ เป็ป กวาดิโอล่า ทำกับแมนฯซิตี้
ดังนั้น การมาของ คาเซมิโร่ จะเป็นการมาช่วยช่วย “อุดรูรั่ว” เรื่องความสมดุลในแดนกลางของทีมได้ทันที
รูรั่วจุดที่ 4 | มีผู้เล่นที่ “หัวเฮ้งไม่ดี” มากเกินไป |
ลองมานับๆดูกันว่า แมนฯยูไนเต็ด มีผู้เล่นที่ “หัวเฮ้ง” ไม่ดี กล่าวคือ ผู้เล่นที่ไม่ได้มีทัศนคติของความเป็นผู้ชนะ อยู่ถึงกี่คน? นี่ยังไม่รวมถึงผู้เล่นที่มีบารมีแชมป์ลีกหรือแชมป์ยุโรปติดตัวอีก เราคงจะนับหัวได้เลย
เห็นได้ชัดว่าทีมเรามีผู้เล่นที่ไม่ได้มีความกระหายต่อชัยชนะ “อยู่มากเกินไป” ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ในการแข่งขันฟุตบอลระดับสูง ครั้นว่าจะโล๊ะนักเตะทั้งหมดและไปหาซื้อนักเตะที่ “หัวเฮ้งดี” มาสู่ทีมภายในซัมเมอร์เดียว ก็คงจะยากเกินไป
ดังนั้น การที่ทีมดึงดูดนักเตะที่มีหัวเฮ้งดี มีความกระหายชัยชนะ มีบารมีแชมป์ยุโรป 5 สมัย , ลาลีกา 3 สมัย , ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3 สมัย, แชมป์สโมสรโลก 3 สมัย และ โกปา เดล เรย์ อีกหนึ่งสมัย เข้ามาสู่ทีมอย่าง คาเซมิโร่ นั้น
จะช่วยแผ่รังสีความกระหายชัยชนะ ความกระหายแชมป์ ไปสู่เพื่อนร่วมทีม และเป็นการ “อุดรูรั่ว” เรื่องการมีผู้เล่นที่ “หัวเฮ้งไม่ดี” มากเกินไป ด้วยการเพิ่มผู้เล่นที่ “หัวเฮ้งดี” มาอีกหนึ่งคน
คาเซมิโร่ กับหัวเฮ้งที่ดี ในการคว้าแชมป์ยุโรปได้ถึง 5 สมัย
อย่างไรก็ตาม การที่ปีศาจแดง เซ็นมิดฟิลด์รายนี้มาร่วมทัพ ก็ถือว่าเป็นการ “อุดรูรั่ว” ได้ยาวนานถึง 4 ปีตามระยะเวลาสัญญา ก่อนที่จะหาตัวแทนใหม่ และถ้า คาเซมิโร่ โชว์ฟอร์มได้ดีอย่างที่อยู่กับราชันชุดขาวนั้น
บอกได้เลยว่า ค่าตัวและค่าเหนื่อยที่เสียไป “คุ้มค่า” กับการ “อุดรูรั่ว” ครั้งนี้ อย่างแน่นอน
เรียบเรียง : Mr.เอเวอร์ดีน
#MANUTD #CASEMIRO
โฆษณา