21 ส.ค. 2022 เวลา 00:00 • ประวัติศาสตร์
[A blast from the past]
🗓21 สิงหาคม ค.ศ. 1911 : Theft of the "Mona Lisa" โมนา ลิซา ของดา วินชี ผู้โด่งดังจากการถูกปล้น
🔻วันที่ 21 สิงหาคม 1911 #ภาพโมนาลิซา ได้หายไปจากห้อง Salon Carré ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum) กรุงปารีส ซึ่งจัดแสดงผลงานชิ้นเอกของเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) หลายชิ้น
การโจรกรรมงานศิลปะครั้งนี้ ถูกเรียกว่า “การปล้นศิลปะแห่งศตวรรษ” และเป็นการปล้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก
👨‍🦰ชายตัวเล็กมีหนวดเคราเดินเข้าไปที่ Salon Carré ในขณะที่ การรักษาความปลอดภัยในพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างหละหลวม เขาซ่อนตัวจนเช้าวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 7.15 น. เขาสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวชุดเดียวกับพนักงานของพิพิธภัณฑ์ เมื่อดูว่าทางปลอดโปร่งดี เขาดึงภาพโมนาลิซาออกจากผนังทิ้งกรอบรูปไว้ข้างบันได แม้จะติดอยู่ที่ประตูทางออกแต่เขาได้รับความช่วยเหลือและออกจากลูฟวร์ไปในที่สุด ภายใต้ผ้ากันเปื้อนของเขามีจิตรกรรมแสนล้ำค่าห่อด้วยผ้าปูที่นอน
🔻ด้วยความที่กิจวัตรตามปกติเจ้าหน้าที่ของ #พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ มักนำภาพวาดออกจากผนังมาทำความสะอาดหรือถ่ายภาพ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากผนังจะว่าง เวลาผ่านไปเกินหนึ่งวันกว่าที่พิพิธภัณฑ์จะรู้ว่าโมนาลิซาได้ถูกลักพาตัวไปเสียแล้ว
🔻พิพิธภัณฑ์ได้โทรแจ้งตำรวจและเริ่มค้นหาอย่างเข้มข้น ต่อมาประกาศให้โลกรับรู้ว่าโมนาลิซาหายไปและยังไม่มีเงื่อนงำว่าใครเป็นผู้ก่ออาชญากรรมนี้ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ปิดไปหนึ่งสัปดาห์และเมื่อกลับมาเปิดอีกครั้ง มีผู้ชมจำนวนมากได้เข้ามาชมผนังที่ว่างเปล่าที่ครั้งหนึ่งโมนาลิซาเคยถูกแขวนไว้
👮‍♂️ตำรวจพบผู้ต้องสงสัย 3 คน คนแรกคือ มหาเศรษฐี เจ. พี. มอร์แกน (J.P. Morgan) นักสะสมงานศิลปะ ส่วนคนที่สอง กีโยม อาปอลีแนร์ (Guillaume Apollinaire) กวีแนวหน้าที่เคยเรียกร้องให้เผาพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เนื่องจากเขาเคยขโมยรูปปั้นโบราณ ซึ่งการสอบสวนเชื่อมโยงไปถึงผู้ต้องสงสัยคนที่สอง คือ เพื่อนสนิทของเขา ปาโบล ปีกัสโซ (Pablo Picasso) ศิลปินชาวสเปนที่ซื้อรูปปั้นไปใช้เป็นแบบในการวาดภาพ
🔻ผลปรากฏว่าไม่มีหลักฐานเกี่ยวเนื่องกับการหายตัวไปของโมนาลิซา คดีนี้กลายเป็นกระแสให้คนทั่วไปรับบทเป็นนักสืบค้นหาข้อเท็จจริงกันใหญ่โต ผ่านไป 2 ปี ทุกคนถอดใจและคิดว่าโมนาลิซาคงสาบสูญไปตลอดกาล
🔻วินเชนโซ เปรุจจา (Vincenzo Peruggia) ผู้อพยพชาวอิตาลีเคยเป็นช่างซ่อมบำรุงในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เขาช่วยสร้างกรอบป้องกันของโมนาลิซาด้วย เขาถูกสอบสวนในฐานะอดีตพนักงานถึง 2 ครั้ง ซึ่งตำรวจไม่รวมเขาอยู่ในผู้ต้องสงสัย แต่เปรุจจาคือชายตัวเล็กที่มีหนวดเครา ผู้นำโมนาลิซามาเก็บงำไว้ในหีบไม้ในอพาร์ทเมนท์ของเขาตลอดมา
🔻เดือนธันวาคม 1913 เปรุจจาพยายามขายสมบัติที่ไม่ใช่ของเขา โดยการส่งจดหมายถึง อัลเฟรโด เจรี (Alfredo Geri) พ่อค้าศิลปะที่มีชื่อเสียงในฟลอเรนซ์ เจรีได้นัดพบเปรุจจาเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ภาพวาด และตอนบ่ายของวันที่ 11 ธันวาคม 1913 ตำรวจเข้าจับกุมเปรุจจาในโรงแรมที่เขาพักอยู่
🔻เปรุจจาถูกดำเนินคดีในอิตาลี เขาอ้างว่า เป็นการส่งสมบัติชาติที่ถูก นโปเลียนกลับอิตาลีบ้านเกิดด้วยความภาคภูมิใจ แม้ว่าอัยการเสนอหลักฐานว่าเขาวางแผนขายภาพวาดให้กับพ่อค้างานศิลปะ ชาวอิตาลีจำนวนมากก็ถือว่าเขาเป็นวีรบุรุษของชาติอยู่ดี ในท้ายที่สุด เขาถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 15 วัน แต่ได้รับโทษเพียง 7 เดือนก็ถูกปล่อยตัวจากการอุทธรณ์
ต่อมาเขาเข้าร่วมกองทัพอิตาลีในสงครามโลกครั้งที่ 1 ก่อนกลับไปฝรั่งเศส และเสียชีวิตในปี 1925
🔻การปล้นครั้งนี้ทำให้โมนาลิซามีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้น หลังจากที่ถูกส่งกลับลูฟวร์ ผู้คนต่างแห่แหนไปชมอย่างน้อย 120,000 คนในสองวันแรก ผู้ชื่นชอบศิลปะและนักวิจารณ์เริ่มเห็นความงดงาม และมีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับหญิงสาวรอยยิ้มปริศนาคนนี้ รวมถึงการคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าเธอเป็นใคร
🔻โมนาลิซามีอีกชื่อหนึ่งว่า La Gioconda แปลว่าผู้มีใจเบิกบาน ซึ่งพ้องกับชื่อสกุลของผู้เป็นแบบคือ Lisa del Giocondo หญิงสาวผู้มั่งคั่งชาวฟลอเรนซ์ อิตาลี ภรรยาของ Francesco del Giocondo ผู้ว่าจ้าง ดา วินชี
🔻โมนาลิซาเป็นภาพ portrait สีน้ำมันบนแผ่นไม้พอปลาร์ (Poplar) แสดงให้เห็นผู้หญิงครึ่งตัวกินพื้นที่ 3 ส่วนใน 4 ส่วนของภาพ และมองมาที่ผู้ชม ฉากหลังเป็นภูมิทัศน์อันห่างไกล แต่มุมมองนี้กลายเป็นที่นิยมในภาพถ่ายบุคคลในศตวรรษที่ 21 ซึ่งแตกต่างจากมาตราฐานภาพวาดบุคคลในศิลปะอิตาเลียนยุคเรอเนซองส์ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวในพระคัมภีร์
🔻ดา วินชี ใช้เทคนิค sfumato (การไล่สีของรอยต่อระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดินให้สว่างขึ้น ไร้เห็นเส้นขอบที่ชัดเจน เพื่อนำเสนอสิ่งที่อยู่นอกเหนือระยะสายตาของมนุษย์) ได้อย่างชำนาญและละเอียดอ่อน รวมถึงความเชี่ยวชาญในการวาดสรีระกล้ามเนื้อใบหน้าที่ห่อหุ้มกะโหลกศีรษะ เส้นผมดัดและรอยย่นของผ้าที่สุดสมจริง ด้วยความที่เป็นการเขียนสีน้ำมันบนแผ่นไม้ต่างจากจิตรกรรมสีน้ำมันอื่นที่วาดบนผืนผ้าใบ ทำให้
โมนาลิซ่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ผ่านกาลเวลามาถึงหลายศตวรรษ โดยที่ไม่เคยได้รับการซ่อมแซม
🔻ดา วินชี เริ่มวาดโมนาลิซา ประมาณปี 1503 และภาพยังคงอยู่ในสตูดิโอในฝรั่งเศสจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1519 พบการวาดเพิ่มเติมหลายครั้งจากชั้นเคลือบน้ำมันบาง ๆ ที่ทับถมกันในเวลาที่ต่างกัน ภาพมีรอยร้าวเล็กที่เรียกว่า craquelure ปรากฏขึ้นทั่วทั้งภาพ โดยชั้นสีที่มือมีความบางและเรียบกว่าส่วนอื่นแสดงถึงช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา มีหลักฐานบ่งชี้ว่า ดา วินชี ยังคงปรับแต่งภาพวาดในปี 1516 หลังจากนั้นมือขวาของเขาเป็นอัมพาตบางส่วนในปี 1517 ทำให้เขาวาดภาพไม่ได้ การปรับแต่งภาพจึงน่าจะหยุดลง
🔻ในปี 1516 ภาพโมนาลิซาถูกขายให้กับกษัตริย์ฟรองซัวที่ 1 ซึ่งนั่นทำให้โมนาลิซากลายเป็นสมบัติของราชสำนักฝรั่งเศส ทรงแสดงภาพวาดในพระราชวังฟงแตนโบลหนึ่งศตวรรษ ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงย้ายไปยังพระราชวังแวร์ซายก็พาโมนาลิซาไปด้วย
🔻และเมื่อมีปฏิวัติฝรั่งเศส ทรัพย์สินของราชวงศ์ถูกยึดเป็นสมบัติของสาธารณรัฐฝรั่งเศส เปลี่ยนพระราชวังลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเพื่อสาธารณชน โมนาลิซาจึงได้ย้ายบ้านอีกครั้ง และตอนต้นของศตวรรษที่ 19 นโปเลียน โบนาปาร์ต ในขณะเรืองอำนาจ เขาได้เก็บโมนาลิซาไว้ในห้องส่วนตัวของเขาที่พระราชวังตุยเลอรีได้ประมาณ 4 ปี
🔻ผู้หญิงที่มีอายุยืนนานหลายศตวรรษอย่างโมนาลิซ่า ยังได้รับจดหมายรักและดอกไม้จากผู้ชื่นชมมากมาย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบเธอ มีคนพยายามทำร้ายโมนาลิซาทั้งที่ถูกแขวนอยู่เฉย ๆ ในปี 1956 ก็มีคนขว้างกรดไปที่ภาพวาด ส่วนอีกคนหนึ่งใช้หินจนกระจกป้องกันแตกเกิดแผลจาง ๆ ที่ยังสังเกตได้ พิพิธภัณธ์จึงเพิ่มกระจกกันกระสุนป้องกันการโจมตี แต่ยังตามมาด้วยการถูกพ่นสีสเปรย์ใส่ในปี 1974 และการขว้างถ้วยชาในปี 2009
🔻ปัจจุบัน โมนาลิซาเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่นพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ไม่สามารถซื้อหรือขายได้ตามกฎหมายมรดกของฝรั่งเศส โมนาลิซาถูกจัดแสดงในห้อง the Galerie Médicis ซึ่งมีเพดานกระจกรับแสงธรรมชาติ ป้องกันภาพด้วยกระจกกันกระสุน รักษาอุณหภูมิที่ควบคุมไว้ที่ 43 องศาฟาเรนไฮต์ ใช้สปอตไลท์เพื่อดึงสีสันที่แท้จริงของสีดั้งเดิมของดาวินชีออกมา และมีผู้เข้าชมประมาณ 8 ล้านคนในแต่ละปี
🔻ก่อนถูกปล้นโมนาลิซานั้นทรงคุณค่าด้วยฝีมือของอัจฉริยะอย่างเลโอนาร์โด ดา วินชี แต่มิได้โด่งดังเท่างานชิ้นเอกอื่น ๆ หากแต่บางคนอาจมองเห็นคุณค่าของวัตถุบางประการล้ำค่าจนมิอาจประเมินได้ อาจเป็นเพราะมีผู้อื่นมองเห็นคุณค่าของมัน เป็นที่ต้องการครอบครองอย่างยิ่งของผู้อื่น หรือ ได้รู้สึกถึงความสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้วก็เป็นได้
#MonaLisa
#LetTheTrustedBeYourFriend
#TheTrusted
#mcot
โฆษณา