22 ส.ค. 2022 เวลา 15:00 • ไลฟ์สไตล์
สวัสดีค่ะ ถ้าไม่ง่วงวันนี้เรามาต่อกันที่ EP.2 จากที่เราได้เล่าเรื่องพ่อครัว นักเขียน ผัก ปลา และ ไก่ดิบ ถ้าบังเอิญมาเห็นบทความนี้พอดีอาจจะงง ขอแนะนำให้กลับไปอ่าน ตอน ไม่ง่วงเพราะไม่ได้นอน < ก่อนนะคะ วันนี้เราจะมาเม้าท์กันต่อถึงเรื่องการทำความรู้จักกับตัวเอง เราได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วรู้สึกอินมากๆ กับหนังสือเล่มนั้น เลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆ ค่ะ และอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ไปหามาอ่านจริงๆ
เราอาจจะเคยอ่านหนังสือประเภทพัฒนาตัวเอง ปรัชญาหรือจิตวิทยา โดยส่วนใหญ่เราจะเห็นว่าหนังสือเล่มนั้นๆ น่าสนใจ เมื่อมันตรงกับจริตของเรา สมองจะจดบันทึกเนื้อหาหรือวลีเด็ดของเรื่องโดยอัตโนมัติ และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนึ่งในหนังสือที่เราพูดถึงค่ะ;
ชื่อเต็มเค้าคือ The why are you here café ฮับ~
" The why café " หรือ " คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง " เนื้อหาในหนังสือพูดถึงการถามคำถามตัวเองค่ะ โดยตัวละครเอกมีเพียง 3 ตัวละคร เรื่องมีอยู่ว่า "จอห์น" ผู้เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานต้องการลาพักร้อนเพื่อเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจ แต่แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทำให้เขาต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางจากเดิมที่เขารู้ระยะทางอย่างชัดเจนหากใช้เส้นทางเดิม พอเปลี่ยนไปใช้อีกเส้นทางหนึ่งทำให้เขาหลงทางและไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ไกลแค่ไหน เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าและน้ำมันรถที่ใกล้จะหมดนำพาให้เขาไปพบค่าเฟ่เล็กๆ แห่งหนึ่ง
เขาได้จอดพักและได้พบกับเจ้าของคาเฟ่ "ไมค์" และบริกรสาว "เคซีย์" ด้านหลังของเมนูอาหารไม่มีรายการอาหารมีเพียงคำถาม 3 ข้อ 1.เหตุใดคุณจึงมาที่นี่ 2.คุณกลัวตายมั้ย 3.คุณพึงพอใจกับชีวิตหรือยัง คำถามเหล่านี้สร้างความฉงนให้กับจอห์นเป็นอย่างมาก คำถามแรกไม่ได้แปลตรงตัวว่า "เหตุใดคุณจึงมาที่คาเฟ่แห่งนี้" แต่มีหมายความเป็นนัยว่า "เหตุใดคุณจึงมีชีวิตอยู่" หรือ "คุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร" เป็นคำถามที่ใครหลายๆ คนอาจจะไม่เคยถามตัวเองด้วยซ้ำ
เรื่องราวของจอห์น ไมค์ และเคซีย์ ดำเนินต่อไปด้วยการถามคำถาม และตอบคำถามเพื่อคลายข้อสงสัย รวมทั้งยกตัวอย่างเรื่องราวของคนอื่นๆ ให้เราได้คิดตามค่ะ หลายๆ ครั้งเราทำบางสิ่งบางอย่างโดยไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร หรือทำเพื่อตอบสนองความต้องการของคนรอบข้าง อย่างไรก็ตามมันถูกปิดท้ายด้วยคำถามข้อที่ 3 คุณพึงพอใจกับชีวิตหรือยัง ถ้าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ทำให้คุณพึงพอใจแล้วขอแสดงความยินดีจากใจจริงด้วยค่ะ แต่หากคุณยังไม่ได้พึงพอใจมากอาจจะลองย้อนกลับไปถามคำถามข้อที่ 1 กับตัวเองค่ะ
ในชีวิตจริงแอบหวังให้มีคาเฟ่แบบนี้จริงๆ มันคงเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆ คนที่ท้อแท้ คนที่ต้องการกำลังใจ และช่วยให้ใครหลายๆ คนเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้น คำพูดที่ว่าโลกนี้มันช่างโหดร้าย จริงๆ แล้วสิ่งที่โหดร้ายไม่ใช่โลก แต่เป็นมนุษย์ด้วยกันต่างหาก จากคน 1 คนเกาะกลุ่มกันหลายๆ คนกลายมาเป็นสังคม จากสังคมกลายเป็นค่านิยมและวัฒนธรรม สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด เพียงแต่เป็นสิ่งที่ใหม่ การยอมรับจากคนหมู่มากเพียงแค่ต้องใช้เวลาเท่านั้นเอง
เคยได้ยินคำพูดที่ว่าเราอยู่บนโลกใต้ดวงอาทิตย์ไหมคะ ในโลกนี้ไม่มีอะไรใหม่ สิ่งที่เราคิดได้คนอื่นก็คิดได้ แต่เรามักจะคิดว่าความคิดเรามันเจ๋งสุดๆ หรือตัวเราแปลกหรือแตกต่างจากคนอื่น นวัตกรรมต่างๆ ที่มีในปัจจุบันเกิดมาจากการพัฒนาสิ่งของที่มีอยู่แล้วในอดีต บางอย่างใช้ได้จริง บางอย่างไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ ในอีกมุมมองหนึ่งมันจะมีบางสิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง ทำให้เราเป็นเรา สิ่งนั้นก็คือทักษะค่ะ (เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับหนังสืออีกเล่มหนึ่งค่ะ ไว้จะมาเม้าท์ต่อนะคะ)
พี่คาบี says No!
ในมุมมองของเราโลกใบนี้มันช่างสมบูรณ์แบบในแบบที่มันเป็น มีสิ่งที่ไม่ดีอยู่บ้าง แต่ก็มีสิ่งที่สวยงามกว่ามาก ลองคิดถึงช่วงเวลาที่เป็นเด็กความสุขของเราคือการได้เล่นว่าวในฤดูเกี่ยวข้าว ได้เก็บผักและหาปลา เราชอบธรรมชาติมาก รู้แค่ว่าตอนนั้นเราใช้เงินน้อยหรือแทบจะไม่ได้ใช้เงินเลย แต่รู้สึกมีความสุขมากๆ เรามีเวลาอยู่กับคุณปู่และคุณย่าและทำกิจกรรมไปด้วยกัน
คุณย่ากำลังเตรียมวัตถุดิบฮะ ~O~
คุณปู่ของเรามีความสามารถในการประดิษฐ์เครื่องมือต่างๆ แบบ DIY และมันก็ใช้ได้จริง สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านของเราส่วนใหญ่คุณปู่จะเป็นคนประดิษฐ์มันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ แคร่ หนังสติ๊ก ลูกก๋ง ธนู ตะกร้าจักสาน ของเล่นของเรา กระบอกสูบน้ำ คุณปู่เป็นอัจฉริยะด้านการประดิษฐ์เลยแหละ ส่วนคุณย่าทำอาหารอร่อยมาก เข้าใจวัตถุดิบว่าผักแบบไหนทำแบบไหนจะอร่อย ตอนเด็กๆ เข้าใจว่ามีแต่ตัวเราที่ชอบกินอาหารของคุณย่า แต่โตมาถึงเข้าใจว่าญาติๆ ก็ชอบมากินข้าวที่บ้านเพราะเหตุผลนี้นี่เอง
ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ ก่อนอื่นอยากให้คุณรู้ว่าคุณกำลังอ่านไดอารี่ของเรา
ถ้าคุณเห็นว่ามันเป็นประโยชน์อยากแชร์ให้คนที่คุณรัก เรายินดีมากๆ ค่ะ~ และขอให้คุณใช้เวลาที่เหลืออย่างมีความสุขนะคะ <3
โฆษณา