21 ส.ค. 2022 เวลา 19:10 • กีฬา
หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สะดุดเสมอกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ไป 3-3 ทำให้ตอนนี้ อาร์เซน่อล คือทีมเดียวที่ยังรักษาสถิติชนะ 100% ได้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-23 เอาไว้ได้
ก่อนอื่นผมอยากจะบอกว่าไม่ควรไปด้อยค่าผลงานยอดเยี่ยมของทีมปืนใหญ่ว่าเจอโปรแกรมอ่อน เพราะ 3 นัดที่ผ่านมา ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า แสดงให้เห็นว่าพวกเขาอยู่กันคนละระดับกับทีมกลางตารางไปแล้ว
คือไม่ใช่แค่ได้ผลการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังชนะได้แบบมีคลาส บรรยากาศทีมก็ยอดเยี่ยม ดูเป็นหนึ่งเดียวกัน เจ๋งทั้งระบบ และความสามารถเฉพาะตัว
ผมคือคนที่ไม่เคยเห็นด้วยกับการไปดูถูกทีมที่ผลงานเยี่ยมๆ ว่า "ยังไม่เจอของจริง"
แฟนบอลลิเวอร์พูล คงไม่คิดหรอกว่าผ่านไป 2 นัดแรก ทีมรักของตัวเองจะยังไม่ชนะใคร ทั้งที่เจอน้องใหม่อย่างฟูแล่ม และทีมที่ตัวเองผูกขาดชัยชนะมานานหลายปีอย่าง คริสตัล พาเลซ
แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คงไม่คิดแต่แรกเหมือนกัน ว่า เอริค เทน ฮาก จะประเดิมพรีเมียร์ลีกด้วยความพ่ายแพ้ 2 นัดติดให้ทีมอย่าง ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด แบบที่รูปเกมสู้เขาไม่ได้
และแฟนบอลเชลซีก็คงไม่คิดเหมือนกันว่าทีมแรกที่ยัดเยียดความปราชัยให้พวกเขา จะเป็นทีมที่แพ้ 100% ในการเจอทีมระดับ "บิ๊กซิกซ์" เมื่อฤดูกาลที่แล้วอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด แถมแพ้แบบเละเทะอีกต่างหาก
คุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของการเป็น "ทีมใหญ่" ไม่ใช่แค่ต้องชนะแต่ทีมเลเวลเดียวกัน แต่มันคือการพลาดให้น้อยที่สุดในการเจอทีมที่ศักยภาพเป็นรองต่างหาก ซึ่ง อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นอยู่ในตอนนี้ ว่าเกมเหล่านี้ พวกเขามั่นใจมาก และไม่มีปัญหาอะไรเลย
แต่แน่นอนว่าการมีโปรแกรมเจอกับ คริสตัล พาเลซ (เยือน), เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า) และ บอร์นมัธ (เยือน) มันย่อมดูเป็นเรื่องง่ายกว่าต้องไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ที่แกร่งขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนเจ้าของใหม่ และเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ติดอาวุธให้ เจสซี่ มาร์ช อย่างเต็มที่ก่อนจะเริ่มซีซั่น
ถ้าดูจากบนหน้ากระดาษ อาร์เซน่อล จะได้เล่นในบ้านอีก 2 นัดติดพบกับ ฟูแล่ม และ แอสตัน วิลล่า
ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มิเกล อาร์เตต้า ก็คงพาทีมชนะทั้ง 2 นัดนั่นแหละ ถึงแม้ทีมเจ้าสัวน้อยจะฟอร์มกำลังมาแรง แต่ศักยภาพปืนใหญ่เหนือกว่า และลงตัวกว่าทุกตำแหน่งชัดเจน ขณะที่ แอสตัน วิลล่า ชั่วโมงนี้ก็เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
ถ้าหาก อาร์เซน่อล เก็บได้ 15 คะแนนเต็ม พวกเขาจะยังนำจ่าฝูงต่อไปก่อนบุกเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมนัดที่ 6
ซึ่งต้องบอกตรงๆ ว่าชั่วโมงนี้ ทีมปืนใหญ่คงไปเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบไม่ต้องกลัวเจ้าถิ่นมากนักหรอก แล้วถ้าวันนั้น อาร์เตต้า นำทีมกลับออกไปพร้อม 3 คะแนนเต็มได้อีก พวกเขาเตรียมทำสถิติเก็บ 18 แต้มเต็มจาก 6 เกมแรกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกทันที
1
แล้วถ้าพวกเขาทำได้ โปรแกรมนัดที่ 7 ที่จะเปิดบ้านพบ เอฟเวอร์ตัน ก็ไม่น่าใช่ปัญหา ขณะที่เกมวีคนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเจองานหนัก ต้องพบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ทำเป็นเล่นไปนะครับ มาตรฐานของพลพรรค เดอะ กันเนอร์ส ตอนนี้ ผมว่าดีพอที่จะมองถึงการออกสตาร์ทด้วยชัยชนะ 7 นัดรวดได้เลย โดยโปรแกรมทั้ง 7 เกมนี้ ทีมปืนใหญ่ดูดีกว่าคู่แข่งทั้งหมด
เหลือแค่หลีกเลี่ยงปัญหานักเตะบาดเจ็บ, ฟอร์มตก และติดโทษแบน รวมถึงวางแผนโรเตชั่นไม่ใช้งานตัวหลักจนกรอบเกินไปเท่านั้น พวกเขาจะเริ่มต้นซีซั่นด้วยความมั่นใจไปยาวๆ ได้ไม่ยาก
"โมเมนตัม" มันคือเรื่องสำคัญมากนะครับ การเห็นตัวเองชนะไปเรื่อยๆ และอยู่ในตำแหน่งที่ดีบนตารางคะแนน แล้วเจอกับโปรแกรมที่คิดว่า "เราเอาอยู่" บ่อยๆ มันจะสร้างความมั่นใจ และสปิริตในทีมที่จะทำให้ได้ผลการแข่งขันที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
เลสเตอร์ ซิตี้ ตอนที่ได้แชมป์แบบช็อคโลกเมื่อฤดูกาล 2015-16 ก็เพราะพวกเขามีโมเมนตัมแบบนี้ คือได้ผลการแข่งขันดีๆ ติดๆ กันตั้งแต่ต้นฤดูกาล ในขณะที่บรรดาทีมใหญ่เจอปัญหาขาดความลงตัว
พอ "ความเชื่อมั่น" ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจะเล่นไปโดยปราศจากบรรยากาศลบๆ ในทีม สมมติว่าคุณแพ้ในช่วงที่ตัวเองยังรั้งอันดับ 1-2 แน่นอนว่ามันย่อมดีกว่าไปแพ้ในช่วงที่ตัวเองกระเสือกกระสนขยับขึ้นไปติดอันดับท็อปโฟร์อยู่แล้ว
ซึ่งเอาจริงๆ การที่ อาร์เซน่อล ฟอร์มเด่นอยู่ในตอนนี้ มันไม่ใช่แค่เจอโปรแกรมไม่หนักเกินไปเท่านั้น แต่พวกเขาได้อัพเกรดขุมกำลังขึ้นมาจน อาร์เตต้า และนักเตะในทีมเชื่อมั่นซึ่งกันและกันกันมากขึ้น และเมื่อสภาพทีมตัวหลักพร้อมมาตั้งแต่ปรีซีซั่น พอลงไปแข่งขันจริง มันจึงมีแต่ความมั่นใจ
โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ กับ กาเบรียล เชซุส คือจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้พวกเขามีนักเตะประสบการณ์ระดับแชมเปี้ยนเข้ามายกระดับ ขณะที่ วิลเลี่ยม ซาลิบา เหมือนผลไม้ที่สุกงอมจนเก็บเกี่ยวได้แล้ว หลังส่งไปฝึกปรือเรียกความมั่นใจที่ ลีก เอิง มา 3 ซีซั่นติด พอเรียกกลับมาใช้งาน ก็พร้อมให้ยืนตัวจริงทันที แล้วทำได้ดีเสียด้วย
เครดิตทั้งหมดต้องยกให้บุคลากรภายในทีมอาร์เซน่อลด้วย พวกเขาไว้ใจ มิเกล อาร์เตต้า ให้ถึงที่สุดและเสริมทัพให้ตามที่เขาต้องการ อดทนรอปีแล้วปีเล่า แม้เคยเจอกับช่วงที่ไม่ชนะใครในลีก 7 นัดติด และยังไม่สามารถทำอันดับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เสียที มีซีซั่นหนึ่ง พวกเขาจบแค่อันดับ 8 ไม่ได้ถ้วยอะไรเลย และอดไปเล่นฟุตบอลยุโรปทุกรายการก็เคยมาแล้ว
ถ้าผลการแข่งขันก่อนหน้านี้ของ อาร์เตต้า มันไปเกิดขึ้นกับเชลซี หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาน่าจะกระเด็นออกจากเก้าอี้กุนซือไปก่อนแล้วครับ
แต่ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ผู้อำนวยการเทคนิคที่เคยเป็นอดีตนักเตะอย่าง เอดู และฝ่ายบริหารฟุตบอลของอาร์เซน่อลไม่มองแบบนั้น แม้จะโดนแฟนบอลของ เดอะ กันเนอร์ส บางส่วนกดดันแค่ไหนก็ไม่หวั่นไหว เพราะพวกเขาวางโร้ดแม็ปกันไว้ระยะยาว และขอให้ก้าวไปด้วยกันอย่างอดทน เดี๋ยวช่วงเวลาดีๆ ที่แฟนบอลจะเห็นผลงานทีมอย่างมั่นใจก็จะมาเอง
ไม่มีใครรู้หรอกว่า อาร์เซน่อล จะดีพอได้โทรฟี่แชมป์หรือเปล่า หรือจะทำผลงานดีแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน
แต่ผมมั่นใจว่าตอนนี้ แฟนบอลทีมปืนใหญ่มั่นใจว่าทีมรักลงไปแข่งกับใคร พวกเขามีดีพอจะเป็นผู้ชนะทุกเกมแล้ว
เกมที่เหนือกว่าคู่แข่งเห็นๆ แทบจะมั่นใจชัวร์ๆ ได้เลยว่า 3 แต้มแน่ ส่วนเกมกับทีมใหญ่ พวกเขาก็มองว่าทีมตัวเองไม่ได้เป็นรองห่างไกลอะไรเหมือนช่วง 2-3 ปีก่อนหน้าอีกแล้ว
ถ้าอธิบายให้ชัดเจน ตอนนี้ อาร์เซน่อล เขารู้ครับว่าตัวเองทำอะไรอยู่ วางแผนอะไรกันอยู่ และมองเป้าหมายปลายทางไว้ที่จุดไหน
นั่นเป็นสิ่งที่แฟนบอลและบอร์ดบริหารทีมใหญ่ๆ บางทีมไม่เคยมีความชัดเจน และไม่เคยอดทนรอให้ผ่านช่วงแย่ๆ ไปได้มากพอมาก่อน
บางทีมแค่ไม่ชนะมานัดเดียว แฟนบอลก็ออกมาไล่กดดันสโมสรให้ทำนั่นทำนี่ ทำลายความมั่นใจของผู้เล่นและโค้ชจนหมดสิ้น แทรกแซงบอร์ดที่ไม่มีแผนชัดเจนเรื่องฟุตบอลซะจนกลายเป็นพายเรือในอ่าง ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ซะแทน
แต่ถ้าพวกเขามีคนที่วางโปรเจ็คต์ฟุตบอลที่ชัดเจน ตัดสินใจร่วมกันอย่างมั่นใจ สักวันเขาจะตบหน้าแฟนบอลแล้วกอบกู้ศรัทธากลับมาได้เอง เหมือนอย่างที่ อาร์เซน่อล กำลังทำให้เห็นตอนนี้
แม้นี่จะเป็นแค่ช่วงต้นฤดูกาล แต่ผมมั่นใจว่า นี่จะเป็นซีซั่นที่ดีที่สุดของอาร์เซน่อล ตั้งแต่ได้ มิเกล อาร์เตต้า มาคุมทีมเลยอย่างแน่นอน
#เสียบสามเหลี่ยม #อาร์เตต้า #มิเกลอาร์เตต้า #ปืนใหญ่ #อาร์เซน่อล #พรีเมียร์ลีก
โฆษณา