Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เชียร์ลิเวอร์พูลจริงจัง
•
ติดตาม
22 ส.ค. 2022 เวลา 09:52 • กีฬา
เจาะ 9 ประเด็นก่อนเกม "ลิเวอร์พูล" บุกรัง "โอลด์ แทรฟฟอร์ด"
"ลิเวอร์พูล" จะมองไปยังการเริ่มต้นฤดูกาล 2022/23 อย่างถูกต้องในคืนวันจันทร์ด้วยชัยชนะเหนือ "แมนฯ ยูไนเต็ด" ซึ่งก็ประสบปัญหาในการออกสตาร์ทเช่นกัน
หลังจากแบ่งคะแนนกับทั้ง "ฟูแล่ม" และ "คริสตัล พาเลซ" "ลิเวอร์พูล" มีโอกาสที่จะกลับสู่ฟอร์มด้วยการไปเยือน "โอลด์ แทรฟฟอร์ด"
ด้วยการเป็นการปะทะกันของ "บิ๊กซิกซ์" ครั้งแรกของฤดูกาล มันรับประกันว่าจะเป็นการแข่งขันอันน่าตื่นเต้น โดยไม่คำนึงถึงโชคชะตาของทั้งสองทีมในช่วงต้นฤดูกาลนี้
1. การออกสตาร์ทอันยากลำบากของทั้งสองทีม
เป็นที่ยอมรับว่า หลังจากหลายปีแห่งการเรืองอำนาจของ "แมนฯ ยูไนเต็ด" ยุคสมัยได้เปลี่ยนไป
แต่สองเกมแรกในฤดูกาลนี้ ไม่มีทีมใดที่สร้างความประทับใจ โดยที่ "ลิเวอร์พูล" เสมอกับ "ฟูแล่ม" และ "พาเลซ" ส่วน "แมนฯ ยูไนเต็ด" แพ้ทั้ง "ไบรท์ตัน" และ "เบรนท์ฟอร์ด"
หลังจากเกมต่างๆ ในวันอาทิตย์จบลง "ลิเวอร์พูล" พบว่า พวกเขาอยู่อันดับที่ 15 ในตาราง "พรีเมียร์ลีก" ขณะที่ "แมนฯ ยูไนเต็ด" รั้งตำแหน่งก้นตารางด้วยศูนย์คะแนน
2. สถานการณ์การบาดเจ็บดีขึ้น
ปัจจัยหลักของความยากลำบากของ "ลิเวอร์พูล" ในช่วงสัปดาห์แรกๆ มาจากรายชื่อนักเตะบาดเจ็บที่ยาวเหยียดอย่างน่าเหลือเชื่อ รวมถึงผู้เล่นตัวหลักที่ "เจอร์เก้น คล็อปป์" ไม่สามารถใช้งานได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะยังมีหลายคนที่ยังไม่พร้อมลงเล่น แต่สถานการณ์ก็ค่อยๆ ดีขึ้น
"จอร์แดน เฮนเดอร์สัน" และ "โจ โกเมซ" ต่างก็มีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมอย่างเต็มรูปแบบตลอดทั้งสัปดาห์ ขณะที่ "แนท ฟิลลิปส์" ก็สามารถสลัดอาการเจ็บเล็กน้อยของเขา และกลับมาร่วมทีมได้
"ดาร์วิน นูนเญซ" ติดโทษแบนจำนวน 3 เกม ในขณะที่ "ควิวีน เคลเลเฮอร์, อิบราฮิมา โคนาเต้, โจเอล มาติป, คาลวิน แรมซีย์, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, เคอร์ติส โจนส์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เคด กอร์ดอน และดิโอโก้ โชต้า" ยังคงได้รับบาดเจ็บ
3. การออกสตาร์ทที่หายากของ "โกเมซ" และ "ฟีร์มีโน่"
ส่วนใหญ่ของผู้เล่น "ลิเวอร์พูล" คาดเดาได้ไม่ยาก สำหรับเกมในคืนวันจันทร์
"คล็อปป์" ยืนยันว่า ทั้ง "โกเมซ" และ "โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่" จะลงเป็นตัวจริง โดยพวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ในเกมกับ "พาเลซ" เนื่องจากปัญหาความฟิต
"โกเมซ" จะเข้ามาแทนที่ "แนท ฟิลลิปส์" ในแผงแบ็คโฟร์ ในขณะที่ "ฟีร์มีโน่" จะมายืนในแนวรุก จากการขาดหายไปของ "นูนเญซ"
การตัดสินใจน่าจะอยู่ในแดนกลาง โดยจะมีสองคนในบรรดา "เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และเจมส์ มิลเนอร์" ที่จะลงเล่นกับ "ฟาบินโญ่"
4. ไม่มี "คาเซมิโร่" สำหรับ "แมนฯ ยูไนเต็ด"
ในขณะที่ "ลิเวอร์พูล" มีปัญหาอยู่ที่แผนกฟิตเนส "แมนฯ ยูไนเต็ด" ยังคงมองหานักเตะใหม่อย่างต่อเนื่อง
สโมสรแห่งแมนเชสเตอร์ ได้ทำการปฏิวัติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยข้อตกลงมูลค่า 70 ล้านปอนด์ กับ "เรอัล มาดริด" สำหรับ "คาเซมิโร่" ในตำแหน่งมิดฟิลด์
"คาเซมิโร่" มุ่งหน้าสู่ "โอลด์ แทรฟฟอร์ด" หลังจากเวลา 9 ปี กับ "เรอัล มาดริด" ด้วยการตัดสินใจอย่างชัดเจนในวัย 30 ปี ว่าต้องการก้าวต่อไป
แต่นักเตะทีมชาติบราซิลรายนี้ จะยังไม่พร้อมลงเล่นในเกมวันจันทร์นี้ โดย "แมนฯ ยูไนเต็ด" พลาดกำหนดเส้นตายในการลงทะเบียนกับ "พรีเมียร์ลีก" โดย "คาเซมิโร่" ยังคงรอใบอนุญาตทำงานอีกด้วย
5. "แม็คไกวร์" จะโดนดร็อป?
นอกเหนือจากกรณีของ "คาเซมิโร่" แล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทีมของ "เอริค เทน ฮาก" หลังจากความอัปยศในเกมที่แพ้ 4-0 ด้วยน้ำมือของ "เบรนท์ฟอรด์"
มีรายงานว่า ตำแหน่งของ "แฮร์รี แม็คไกวร์" กำลังถูกคุกคาม โดยมีแนวโน้มว่า "ราฟาเอล วาราน" จะเข้ามาจับคู่กับ "ลิซานโดร มาร์ติเนซ"
มีคำถามเกี่ยวกับ "บรูโน่ แฟร์นันด์ส" และ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ด้วยเช่นกัน แม้จะมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะได้ออกสตาร์ทอีกครั้ง
6. โอกาสสร้างสถิติสโมสร
"ลิเวอร์พูล" อยู่ในฟอร์มที่ไร้ที่ติในการเล่นกับ "แมนฯ ยูไนเต็ด" ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงทั้งสองนัดใน "พรีเมียร์ลีก" เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ในการพบกัน 3 ครั้งล่าสุดของพวกเขา "ลิเวอร์พูล" ทำไปถึง 13 ประตู และเสียประตูเพียง 2 ลูก โดยพวกเขาได้รับชัยชนะติดต่อกัน 3 เกม เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009
และหากพวกเขาทำได้อีกในวันจันทร์ มันจะเป็นครั้งแรกที่ "ลิเวอร์พูล" ผนึกชัยชนะในลีก 4 นัดติดต่อกันเหนือ "แมนฯ ยูไนเต็ด" นับตั้งแต่ปี 2002
นอกจากนั้น ชัยชนะหรือเสมอ จะทำให้พวกเขาไร้พ่ายในลีกที่ "โอลด์ แทรฟฟอร์ด" ติดต่อกัน 5 เกมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1927
7. "ซาล่าห์" รัก "ยูไนเต็ด"
"เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทุกคนพูดว่า ผมไม่เคยยิงประตูใส่ 'ยูไนเต็ด' เลย" โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ กล่าวกับ Premier League Productions ก่อนเกม
แล้วโชคชะตาก็เปลี่ยนไป
ฤดูกาลที่แล้ว "ซาล่าห์" กลายเป็นผู้เล่น "ลิเวอร์พูล" คนแรกที่ยิงแฮตทริกที่ "โอลด์ แทรฟฟอร์ด" นับตั้งแต่ "เฟร็ด ฮาว" ทำได้ในปี 1936 และด้วยจำนวน 5 ประตู ในการพบกันทั้งสองครั้ง ทำให้เขายิงประตูใส่ "แมนฯ ยูไนเต็ด" รวมเป็น 9 ประตูเข้าไปแล้ว
และเราอาจจะได้เห็นนักเตะชาวอิยิปต์กลายเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูในเกมกับ "แมนฯ ยูไนเต็ด" มากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยปัจจุบันเขาทำมีสถิติเทียบเท่า "สตีเว่น เจอร์ราร์ด" โดยที่ลงเล่นน้อยกว่า 25 เกม
8. การประท้วงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
เช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนการพบกับที่ "โอลด์ แทรฟฟอร์ด" ในเดือนพฤษภาคม 2021 แฟนบอลของ "แมนฯ ยูไนเต็ด" วางแผนที่จะประท้วงเจ้าของสโมสรด้านนอกสนามในวันจันทร์นี้
มีการคาดการณ์รูปแบบต่างๆ ของการประท้วง รวมทั้งการคว่ำบาตรในสนาม โดยกลุ่มแฟนคลับ The 1958 ได้ยืนยันแผนการที่จะรวมตัวกันเป็นจำนวนมากก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา การประท้วงในขั้นต้นทำให้การแข่งขันเลื่อนออกไป โดยการขัดขวางรถบัสของทีมไม่ให้เข้าถึงพื้นที่ได้ทันเวลา
9. ความเห็นของ "คล็อปป์" ในการเลื่อนการแข่งขัน
ในการแถลงข่าวก่อนเกม "คล็อปป์" ถูกถามว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากแฟนบอลของ "แมนฯ ยูไนเต็ด" ทำให้การแข่งขันเลื่อนออกไปอีก
"ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มันจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้น ผมคิดว่าเราควรได้ 3 แต้ม"
"เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น และแฟนบอลไม่ต้องการให้เกมเกิดขึ้น เราไม่สามารถจัดการแข่งขันใหม่ และทำให้มันลงตัวในที่ใดที่หนึ่ง ตารางการแข่งขันมันยุ่งมากเลยนะ"
"ผมหวังจริงๆ ว่า สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น ผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่คิดถึงมันดีกว่า"
"พวกเขาบอกเราว่า ไม่เป็นไร เราแค่ไปที่นั่น ลงเล่น และก็กลับบ้าน"
"แต่ถ้าเกมถูกเลื่อน ผมคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ อีกทีมหนึ่งควรได้ 3 แต้ม เพราะพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน"
#เชียร์ลิเวอร์พูลจริงจัง #ลิเวอร์พูล
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย