23 ส.ค. 2022 เวลา 00:01 • ไลฟ์สไตล์
จุดพลิกผัน อยู่ตรงไหน ?
แน่นอนว่า….สำหรับคนที่เคยรู้จักกับผมในช่วงชีวิตวัยทำงาน
มักจะมองว่า ถ้าผมเกษียณอายุแล้ว คงไปเป็นมือปืน….(หยอกๆ)
รับจ้าง บริษัทเอกชนที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ที่ต้องการความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากการทำงานในบริษัทชั้นนำกว่า 35 ปี
เดี๋ยวจะหาว่าโม้ ผมเริ่มงานกับบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2530 เงินเดือนสตาร์ท 3,700 บาท ไม่เคยเปลี่ยนที่เลย โถ..ใครจะอยากเปลี่ยนครับ บริษัทมั่นคงและมีชื่อเสียงระดับชั้นนำของวงการขนาดนี้ มีแต่คนอยากเข้ามาทำงานที่นี่กันทั้งน้านนนนนน…ครับ
“ผมว่า…พี่คงเลือกบริษัทที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ได้ไม่ยากหลังเกษียณนะครับ”
น้องคนหนึ่งในบริษัทคาดการณ์อนาคตผม ซึ่งคงเห็นรุ่นพี่ๆ ที่เกษียณไปแล้วหลายคนทำเช่นนั้น ทำไงได้ ก็เรามันลูกจ้างมืออาชีพนี่นา
“เกษียณแล้วมาอยู่กับผมนะ” เจ้าของกิจการคนหนึ่งได้เอ่ยปากชวนไว้
“ถ่ายรูปส่งขาย Stock สิเพื่อน นายถ่ายสวยอยู่นะ หากินได้สบายเลย”
“รับจ้างถ่ายรูปงานแต่ง งานบวช งานรับปริญญา ดิครับ งานบานเลย”
คำแนะนำของเพื่อนๆที่รู้ว่าผมสามารถถ่ายรูปได้ ใช้กล้องเป็น Process เนียน
เหล่านี้…ล้วนเป็นคำแนะนำดีดีทั้งสิ้น
แล้วผมล่ะ….คิดไหม ? ตอบเลยว่า…มากกกกกกกก….
ลึกๆ แล้ว ความคิด ผมอยากมีที่ดินเป็นของตัวเองมานานแล้ว
เอาไว้ปลูกพืชผัก พริก มะเขือ ผลไม้ ไว้กินเองสักแปลงหนึ่ง
ได้แต่เก็บความรู้สึกลึกๆนี้ไว้ในใจตลอดเวลา เพราะมันไม่มีเงินมากพอ แม้เพียงแค่จะดาวน์น้อย ผ่อนนาน ก็ยังทำไม่ได้
ครับ…ผมเป็นราชาเงินผ่อนตัวฉกาจ มาดเทห์ (ทาวน์เฮ้าส์ ก็ยังดี …. กว่าที่เราเช่าเขาอยู่ ….แอบฮัมเพลงของพี่แอ๊ด คาราบาว ตอนนั้นดังมาก ได้ยินทุกวัน วิทยุไม่ว่าสถานีไหนก็เปิด) ผ่อนทั้งบ้าน ทั้งรถยนต์ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฮ่า ๆ ๆ ….ไม่เว้นแม้กระทั่ง ที่นอน หมอน ผ้าห่ม
จุดพริกเผ็ด เอ๊ย…พลิกผัน อยู่ตรงนี้นี่เองครับ หลังจากผ่อนบ้านหมด ลูกๆเรียนจบหมดแล้วซึ่งไม่เคยรู้หรือคิดมาก่อน ว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างผมจะมีจุดนี้ จุดที่เงิน ผ่อนบ้านและค่าเทอมเหลือครับ ประกอบกับคุณภรรยาก็แอบเก็บหอมรอมริบอย่างดีด้วย
นอกจากนี้ยังมี “โครงการเศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวง ร.9 ที่ผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้ ศึกษาดูแล้ว ทุกอย่างมีเหตุมีผล ปลูกทุกอย่างที่กินได้และกินทุกอย่างที่ปลูก (ยกเว้นไม้ป่าเศรฐกิจ เช่น สัก พยุง ชิงชัน กันเกรา พวกนั้นเอาไว้เป็นร่มเงาครับ และเป็นเงินทุนในอนาคตของลูกหลาน ถ้าจะตัดขายบ้างก็คงได้เป็นกอบเป็นกำอยู่)
1
และสุดท้าย สิ่งที่ทำให้ภาพมันชัดเจนยิ่งขึ้นและเป็นตัวผลักดันก็คือ การถูกบังคับให้อยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ Covid-19 ห้ามออกนอกเคหะสถาน ตามมาตรการ Lock Down ของรัฐ
เงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้ก็จริง แต่ไม่ตลอดเวลา ในสถานการณ์บางอย่าง เงินไม่สามารถซื้อได้ครับ….. เพราะมันไม่มีขาย ฮ่า ๆ ๆ..คนแห่กันไปกว้านซื้อกักตุนกันหมด ทั้งหมู หมา กา ไก่ ไข่ มาม่า ปลากระป๋อง เกลี้ยงแผง เพื่อนๆถ่ายรูปชั้นวางไข่ โชว์ในไลน์ ไม่เว้นในเฟซบุ้ค อินสตราแกรม และติ๊กต็อก
ขนาดหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ก่อน Covid-19 ระบาด แผ่นละ 2 บาท ขึ้นเป็น 14 บาท (กล่องละ 700 บาท มี 50 ชิ้น) ก็ของมันต้องใช้นี่ครับ ผู้คนถกเถียงกันวุ่นวาย ทะเลาะเบาะแว้ง แย่งยุด ฉุดกระชาก ฮึ้บ…
ผมจึงมั่นใจว่า….สวนฯ. ที่กำลังทำอยู่นี้ สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้เรามีชีวิตที่มั่นคงและปลอดภัยได้ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เมื่อก่อนเราตื่นไปทำงานแต่เช้า เอาร่างกาย สมองและเวลาไปทำงานแลกกับเงินเดือน และเอาเงินนั้นไปซื้ออาหารมารับประทาน แต่ถ้ามาทำแบบที่ผมทำนี้ มันคือตื่นเช้าขึ้นมา ก็ออกไปหาอาหารที่อยู่ในสวนมาได้เลย
1
เงินบำนาญที่ได้จาก สปสช. จ่ายให้เดือนละห้าพันกว่า บวกเงินชราภาพอีกนิดหน่อยสำหรับไว้ซื้อข้าวสาร กะปิ น้ำปลา ก็น่าจะพออยู่ครับ
ตัดความสิ้นเปลืองเรื่องค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าแต่งตัว จิปาถะ
แถมมีเวลาเหลือ นั่งชมนก ชมไม้ ไถมือถือ อ่านหนังสือ…..ดู Netflix
1
คงทราบกันแล้วนะครับ จุดพลิกผันอยู่ตรงไหน
อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าชอบกด Like ถ้าใช่กด Follow หน่อยนะครับ
เขาบอกว่าครับ 1,000 Follow เมื่อไหร่ จะมีน้ำจิ้มให้เล็กๆน้อยๆครับ
โฆษณา