24 ก.ย. 2022 เวลา 03:00 • ธุรกิจ
สมรภูมิโชว์ห่วยเดือด! “โลตัส-บิ๊กซี-แม็คโคร” ดัน "ร้านนี้ ขายดี-โดนใจ-บัดดี้มาร์ท" ท้าชน "ถูกดี มีมาตรฐาน"
การปรับตัวของธุรกิจร้านค้าในรูปแบบ “โชว์ห่วย” เริ่มมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ นับตั้งแต่ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” ประธานกรรมการบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด สร้างคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจค้าปลีกไทย
ภายใต้โครงการร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ด้วยโมเดล “ร้านค้าของชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน” เป็นการผนึกความร่วมมือ “โชห่วย” ทั่วประเทศ ยกระดับร้านค้าปลีกให้ทันสมัย ร่วมพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม
🏪 “ถูกดี มีมาตรฐาน”
ภาพจาก https://bit.ly/3R2X3N6
ที่ผ่านมาเรียกเสียงฮือฮาในแวดวงธุรกิจ “โชว์ห่วย” เมื่อบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านถูกดี มีมาตรฐาน ได้เปิดตัวโครงการร้านถูกดี มีมาตรฐาน ดึงร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการฯ ปรับปรุงร้านค้าเดิมให้ดูดีมีมาตรฐานแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ โดยเปิดไปแล้วประมาณ 5,000 ร้านค้าทั่วประทศ คาดว่าสิ้นปี 2565 จะขยายเครือข่ายร้านค้าได้ไม่ต่ำกว่า 8,000 ร้านค้า และบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเปิดร้านค้าเพิ่มให้ได้เดือนละประมาณ 2,000 ร้านค้า
บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ได้วางเป้าหมายให้ร้านถูกดีฯ เป็นร้านสะดวกซื้อที่สามารถเข้าถึงชุมชนที่ลึกที่สุดในระดับหมู่บ้าน นอกจากการเปิดผู้ประกอบการโชว์ห่วยในการเข้าร่วมโครงการฯ ยังจะเปิดรับผู้สนใจหรือนักลงทุนทั่วไปด้วย โดยในปี 2566 ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนร้านถูกดีฯ เป็น 20,000 ร้านค้า และเพิ่มเป็น 30,000 ร้าน ในปี 2567
สำหรับร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” สามารถเพิ่มรายได้จากเดิมที่ขายสินค้าได้ 3,000-5,000 บาทต่อวัน เพิ่มเป็นมากกว่า 10,000 บาทต่อวัน สามารถช่วยเจ้าของร้านฝ่าวิกฤติต่างๆ สร้างชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถือเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสวนกระแส ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยโมเดลที่ตอบโจทย์ชุมชนได้อย่างแท้จริง
ร้านถูกดี มีมาตรฐานใช้งบลงทุนร้านละ 500,000 บาท ในขนาดพื้นที่เฉลี่ย 50 ตร.ม. บวกลบ โดยเจ้าของร้านต้องมัดจำเป็นจำนวน 200,000 บาท ถ้าปฏิบัติตามสัญญาก็จะคืนเงิน 200,000 บาทให้เจ้าของร้าน
🏪 “ร้านนี้ ขายดี”
ภาพจาก https://bit.ly/3dTduNK
ล่าสุดยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่าง “โลตัส” ไม่พลาดที่จะต่อยอดด้วยการเร่งสร้างเครือข่ายร้านค้าโชห่วยของตัวเองขึ้นมา กลายเป็นสงครามการแข่งขันที่น่าจับตามองไม่น้อย โดย “โลตัส” เปิดตัวโครงการ “ร้านนี้ ขายดี” แบรนด์น้องใหม่ล่าสุดยกระดับโชห่วยเมือไทย สร้างอาชีพให้คนไทยเป็นเจ้าของกิจการแบบ 100% โดยไม่ต้องแบ่งกำไรกับใคร
ผู้สนใจร่วมโครงการเป็นคนออกเงินทุนในการตกแต่งร้านค้า ทางบริษัทจะมีทีมงานให้คำแนะนำ รวมถึงแนวทางในการตกแต่งตลอดจนอุปกรณ์เข้าร้าน สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินตามที่ผู้ร่วมโครงการเลือกเองได้ โดยรูปแบบร้านค้ามีให้เลือกลงทุนหลากหลายเหมาะสมกับทุกขนาดพื้นที่ให้เลือก สามารถเปิด - ปิดร้านได้ตามใจคุณ
ลงทุนเริ่มต้น 200,00-400,000 บาท ระยะเวลา 1 ปี ขนาดพื้นที่ 20-80 ตร.ม. หากต้องการจำหน่ายสุราและบุหรี่ สามารถขอคำปรึกษาได้ เป็นต้น ปัจจุบันเครือข่ายร้านขายดีมีจำนวนมากกว่า 1,000 ร้านค้า ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
🏪 “ร้านโดนใจ”
ภาพจาก https://bit.ly/3PLqiTA
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เดินหน้าโครงการร้านค้าโดนใจมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เปิดโอกาสให้เจ้าของร้านค้าแบบดั้งเดิมได้ปรับปรุงร้านค้าของตนให้ทันสมัย และยังคงความเป็นเจ้าของร้านค้าของตนไว้โดยผ่านความร่วมมือกับบริษัทฯ โดยร้านค้าโดนใจจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบิ๊กซี วางแผนเร่งขยายเครือข่ายร้านค้าโดนใจไปยังชุมชนทั่วประเทศ
1
ปัจจุบันมีร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการร้านค้าโดนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดไปแล้วประมาณ 780 ร้านค้าในหลายจังหวัด อาทิ นครพนม อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ สระบุรี เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี สงขลา ชลบุรี พัทยา เป็นต้น
รูปแบบการลงทุน “ร้านโดนใจ” จะมีจุดเด่นคือใช้เงินลงทุนประมาณ 300,000-700,000 บาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี บริษัทฯ จะลงทุนอุปกรณ์ภายในร้าน มี 3 รูปแบบ คือ ไซส์ S 1 คูหา ( 40-60 ตร.ม. สินค้า 1,300 รายการ), ไซส์ M ขนาด 2 คูหา (60-100 ตร.ม. สินค้า 1,500 รายการ), ไซส์ L ขนาด 3 คูหา ( 100 ตร.ม.ขึ้นไป สินค้า 1,800 รายการ)
“ร้านติดดาว”
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลายปีก่อนเราจะคุ้นเคยกับชื่อ “ร้านติดดาว” เป็นโมเดลที่ทาง “ยูนิลีเวอร์” เข้าไปช่วยพัฒนาร้านให้ทันสมัย ช่วยในเรื่องการบริหารจัดการ เริ่มต้นเมื่อปี 2555 ในตอนนั้นเป็นช่วงวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ จึงช่วยปรับปรุงร้านให้กลับมาดำเนินกิจการต่อได้ เพราะถ้าร้านโชห่วยเลิกกิจการ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อยูนิลีเวอร์ด้วยเช่นกัน ปัจจุบันร้านติดดาวมีจำนวนร้านค้ามากกว่า 12,000 สาขาทั่วประเทศ ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 4,000-40,000 บาท
1
🏪 “บัดดี้มาร์ท”
ภาพจาก https://bit.ly/3AjxRuX
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ ได้เปิดร้านค้าปลีกในชื่อ “บัดดี้มาร์ท” (Buddy mart) ร้านค้าปลีกรูปแบบสมัยใหม่เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2565 ตอบสนองความต้องการของชุมชนด้วย สินค้าคุณภาพ และบริการที่ครบถ้วนจากประสบการณ์กว่า 16 ปี ในการเป็นคู่คิดธุรกิจ “มิตรแท้โชห่วย” ของแม็คโคร
“บัดดี้มาร์ท” จะมีความโดดเด่นในเรื่องของการสนับสนุนของบริษัทฯ บริการสินค้าครบมีความหลากหลายตามความต้องการชุมชน, การจัดส่งและบริหารสต็อกได้รับสินค้าครบตรงเวลา, โปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขาย, ระบบจัดการร้านด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยม การตกแต่งร้านและจัดเรียงสินค้าสวยงาม และมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา
สำหรับรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการ ในส่วนของร้านค้าลงทุนเริ่มต้นโดยประมาณ 400,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 200,000 บาทแรกเป็นค่าปรับโครงสร้างร้านเดิมให้เป็นไปตามแบบของร้านบัดดี้มาร์ท (ขึ้นกับขนาดและโครงสร้างเดิม) และ 200,000 บาทหลัง เป็นเงินประกันสำหรับเปิดร้าน ซึ่งจะคืนให้หลังครบระยะเวลาสัญญา 3 ปี ร้านค้าลงทุนเพียงปรับร้านแรกเริ่ม ส่วนที่เหลือทั้งอุปกรณ์ ระบบ สินค้า ทางบัดดี้มาร์ทจะลงให้ทั้งหมดประมาณ 1,500,000 บาท
ส่วนคุณสมบัติการเข้าร่วมเป็นคู่ค้ากับโครงการ “บัดดี้มาร์ท” ต้องเป็นผู้ประกอบการเดิมหรือผู้ที่อยากทำธุรกิจโชห่วยและมินิมาร์ท มีใจรักบริการ และมีความตั้งใจอยากจะพัฒนาร้านค้า ซึ่งรูปแบบการลงทุนเปิดร้านบัดดี้มาร์ทมี 3 ขนาด ได้แก่ ขนาด S น้อยกว่า 50 ตร.ม., ขนาด M 51 - 100 ตร.ม. และขนาด L มากกว่า 100 ตร.ม. โดยปัจจุบันเครือข่ายร้าน “บัดดี้มาร์ท” เปิดไปแล้วกว่า 10 สาขา โดยกำลังวางแผนขยายร้านคู่ค้าไปทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ปัจจุบันในประเทศไทยมีจำนวนร้านโชห่วยเหลืออยู่ประมาณ 400,000 แห่งเป็นร้านค้าที่ทรงพลังเข้าถึงผู้บริโภคระดับรากหญ้าได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกที่บริษัทยักษ์ใหญ่จะมุ่งหน้าเข้าสู่สมรภูมินี้ ดึงร้านโชห่วยเข้ามาอยู่ในเครือข่ายของตนเอง
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน ติดตามได้ที่ Add LINE id: @tfcacademy
อัพเดทและติดตามข่าวสารได้ที่
Line : @thaifranchise
Twitter : @thaismecenter
Twitter : @thaifranchise
1
ที่มา : https://bit.ly/3AVgtOV
โฆษณา