25 ส.ค. 2022 เวลา 11:59 • ไลฟ์สไตล์
ใครที่ใช้รายเดือนแพง เราจะมาบอกให้เข้าใจ
ว่าที่ท่านใช้อยู่ แพงไปไหม?
สำหรับวันนี้เราจะมานำเสนอ “เลือกรายเดือนแบบไหนให้ประหยัดที่สุด”
สำหรับใครที่ใช้รายเดือนแพงหลัก 500 หรือ 1000 บาทขึ้นไปวันนี้เราจะมาบอก
ให้ทุกท่านทราบว่ารายเดือนที่ท่านใช้อยู่แพงเกินไปสำหรับท่านไหม?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเร็วของอินเตอร์เน็ตที่ท่านใช้อยู่กันก่อน
อ่านให้จบนะครับ แล้วทุกท่านจะเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกใช้รายเดือน และหน่วยของอินเตอร์เน็ต ว่ารายเดือนแบบไหน คุ้ม หรือ ไม่คุ้ม และแพงเกินไปหรือไม่
ความเร็วอินเตอร์เน็ตที่เรานับกันโดยส่วนใหญ่ คือ Mbps ซึ่งความเร็วสูงสุดก็ขึ้นอยู่แต่ละพื้นที่ ความเร็วในการโหลดส่วนใหญ่ มักจะอยู่ที่ 40-70 Mbps ซึ่งหมายความว่า
ใน 1วินาที สามารถดาวน์โหลดข้อมูลได้ 40-70 Mbps
โดยส่วนใหญ๋ที่ทุกท่านใช้กันอยู่ มันจะเลือก แบบ ความเร็วสูงสุด 10gb 20gb หรืออาจจะมากกว่านี้ใช่ไหมหล่ะครับ ซึ่งราคาอาจจะอยู่ราวๆ 500-1000บาทต่อเดือน
ซึ่งความเร็วสุงสุดที่โปรเน็ตให้มานั้น ยกตัวอย่างเช่น 10gb นั้นหมายความว่า เราสามารถใช้ในการดาวน์โหลดทุกสิ่งทุกอย่างใน 10gb ต่อเดือนเท่านั้น หากหมดแล้ว ก็จะลดความเร็วตามแพคเกจ และเมื่อหมดความเร็วก็แทบจะใช้ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะอะไรอ่านให้จบนะครับ
ในการใช้อินเตอร์เน็ตทุกๆอย่าง จะมีการดาวน์โหลด ยกตัวอย่างเช่น หากท่านดูรูปภาพใน Facebook 1 รูปภาพ ซึ่งรูปภาพหนึ่งรูป อาจจะตั้งใช้เน็ต 1mb ซึ่งหน่วย 1mb เท่ากับ 1ส่วน1000 ของ 1gb นั้นหมายความว่า หากท่าน ดูรูปภาพหนึ่งพันรูป ก็จะเสีย
1gb ยังไงหล่ะครับ ซึ่งไม่ได้มแค่รูปภาพเท่านั้น การอ่านตัวหนังสือ การดูวิดีโอ หรือการเข้าเว็ปต่างๆ แม้แต่เข้าแอพธนาคารเพื่อโอนเงินก็ให้อินเตอร์เน็ตในการโหลดข้อมูลทั้งหมด
และหากที่ท่านไหนชอบดูวิดีโอเยอะๆ ก็จะเจอปัญหาเน็ตหมด และสุดท้ายเน็ตก็ช้าในที่สุด
หลังจากที่เน็ตลดความเร็ว มักจะเหลือ 128 หรือ 284 หรือ 512kbps โดยส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กกว่า Mbps มาดูกันว่าเล็กกว่ากันยังไง
ยกตัวอย่าง รูปภาพหนึ่งรูปภาพ มีขนาด 2Mb หากเน็ตของเรายังเป็นความเร็วสูงสุด รูปภาพนั้นก็จะขึ้นจอในเสี้ยววินาที เพราะว่า เน็ตของเรานั้น สามารถโหลดข้อมูลได้ 40-70Mbps ยังไงหล่ะครับ เปรียบเทียบเหมือนเรามีเงิน 40 บาท และเราสามารถ หยิบเงินจ่าย 2 บาทได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรนั้นแหละครับ
แต่ต่างกับการดูวิดีโอนะครับ การแสดงวีดีโอนั้นไม่ได้โหลดทีเดียวเหมือนรูปภาพ แต่จะโหลดแสดงขึ้นจอทีละนิดๆแทน ซึ่งขนาดการโหลดต่อวินาทีก็ขึ้นอยู่กับความชัดของวิดีโอที่เราดูนั้นแหละครับ
แต่ถ้าหากความเร็วของท่านได้หมดลงแล้ว โดยเหลือ 512Kbps นั้นหมายความว่า การที่เน็ตความเร็วเท่านี้ จะโหลดรูปภาพในขนาด 2mb จะต้องใช้เวลาถึงเกือบ 4วินาทีในการแสดงภาพนั้นเองครับ เปรียบเหมือน ลูกอมราคา 2 บาท แต่เราหาเงินได้ 0.50สตางค์
ต่อวินาที เราก็จะใช้เวลา 4 วินาทีเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าลูกอมนั้นแหละครับ
ซึ่งที่ผมได้กล่าวมานั้น ยกตัวอย่างแค่การแสดงรูปภาพเท่านั้น ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมถึงวิดิโอนะครับ ซึ่งวิดีโอความยาว 10 นาทีนั้นในความชัดปกติ อาจจะใช้อินเตร์เน็ต ถึง 50mb เลยก็ได้นะครับ นั้นหมายความว่าหากท่านดูวิดีโอในความยาวเท่ากันทั้งหมด 20 คลิป เน็ตของท่านก็จะหมดไป 1gb ยังไงหละครับ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกๆท่านพอจะเข้าใจกันบ้างรึยังครับ ว่าทำไมความเร็วของท่านถึงหมดเร็ว หรือ ลดความเร็วแล้วช้ามากๆ งั้นทีนี้ เรามาต่อกันที่ โปรแบบไหนคุ้มสำหรับท่าน
และ เลือกแบบไหนดีกันนะครับ
หลายท่าน จะเห็นแพ๊คเกจหลักๆอยู่สองแบบ นั้นคือ เน็ตความเร็วสูงสุด และ เน็ตไม่อั้น
ใช่ไหมหล่ะครับ ซึ่งหลายๆท่านมักจะเอาสองโปรมาเทียบกันแบบผิดๆ
นั้นคือ “เน็ต 10gb มันต้องเยอะกว่าเน็ต 10Mbps สิ” ซึ้งเป็นที่เข้าใจผิดกันในหลายๆคน
ในสองหน่วยนี้ มันต่างกันครับ ความเร็วสูงสุด คือ ปริมาณที่เราโหลดได้ในความเร็วสูงสุด
แต่หน่วย Mbps ไม่อั้น นั้นหมายถึงว่าสามารถโหลดข้อมูล 10mb ต่อวินาทีได้ไม่อั้น
อธิบายง่ายๆนะครับ เน็ตสองหน่วยนี้ แสดงรูปภาพ 1 รูปภาพ ในขนาด 2mb
ซึ่งเน็ตความเร็วสูงสุด แสดงภาพโดยมีจำกัดจำนวนรูป แต่ เน็ตความเร็ว 10Mbps สามารถโหลดได้โดยไม่มีวันหมดยังไงหล่ะครับ และสามารถ โหลดภาพได้ภายในเวลาเท่ากัน
ทุกท่านก็จะสงสัยว่า แล้วมันจะคุ้มกว่ายังไง หลังจากนี้ ตั้งใจอ่านให้ดีครับ อาจจะยาวซักหน่อย แต่จะช่วยประหยัดเงินคุณไปได้ทั้งชีวิตเลยหล่ะครับ
“โปรเน็ตไม่อั้น 10Mbps คุ้มกว่า เน็ต 10gb” ดังต่อไปนี้ครับ
วิดีโอส่วนใหญ่ มักจะใช้การโหลด 1-3 Mbต่อวินาที ซึ่งหมายความว่า เน็ตที่วิ่งด้วยความเร็ว 10Mb ต่อวินาที ก็สามารถโหลดได้สบายๆ ดูไม่กระตุก ไม่ต่างกันกับเน็ตความเร็วสูงสุดนั้นเองครับ และ สามารถใช้ดูทุกๆอย่างได้ดีแทบจะไม่ต่างกันนั้นเองครับ
แต่จะต่างกันตรงนี้ครับ สำหรับคนที่ใช้เน็ตเพื่อโหลดเกม โหลดแอพต่างๆ เน็ตความเร็วสูงสุด ก็จะโหลดได้เร็วกว่าเน็ตจำกัดสปีดแต่ไม่อั้นนั้นเอง แต่ทั้งนี้ หากใครที่ทราบอยู่แล้ว
ก็จะใช้ไวไฟในการโหลดเกม หรือ แอพต่างๆแทนเน็ตมือถือ
แต่คนที่ไม่รู้เน็ตก็จะหมดเร็วนั้นเองครับ
ซึ่งราคาที่ทุกๆท่านจ่ายอาจจะหลายร้อยถึงหลักพัน แต่เน็ตที่ผมยกตัวอย่างมานั้น
มีราคาเพียง 150-200 บาท ซึ่งตอนนี้มีถึง 20Mbps ต่อเดือน เพียงแค่ 200 บาทเท่านั้น
หาซื้อได้ในเซเว่น(เขาไม่ได้จ่ายนะ แค่ยกตัวอย่าง ฮ่าๆๆๆ) ซึ่งเน็ตความเร็วแบบนั้น
ก็เพียงพอที่จะดูหนังในความชัด 4k ได้อย่างไม่มีหมดเลยทีเดียว
ทั้งนี้ก็อยู่ที่พื้นที่ของแต่ละท่านด้วยนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะโปรไหน
ถ้าอยู่ห่างจากเสาสัญญาณ ก็จะช้าทั้งนั้นครับ
ซึ้งทั้งนี้ ก็ยังมีบางคนบอกว่า รายเดือนคุ้มกว่าเพราะว่า โทรฟรีตลอด
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลว่าโทรมากน้อยต่อเดือนแค่ไหน แต่ทั้งนี้ หากใช้มือถือเติมเงิน
การซื้อโปรเน็ตพร้อมโทรฟรีนั้น ก็ยังอยู่แค่หลัก 2-4ร้อย เท่านั้น หากท่านเลือกเป็นนั้นเองหล่ะครับ
 
เทคนิคส่วนตัวของผมเองนั้น จะใช้มือถือที่มีสองซิม ซึ่งเบอร์หลักของเราที่ใช้ทำธุรกรรมต่างๆ และอีกซิมที่ซื้อเฉพาะใช้โปรเน็ต และ โทร ซึ่งในหนึ่งปี ผมเสียค่ามือถือเพียงแค่
ราวๆ 1200 บาทเท่านั้นเอง
เอาหล่ะครับมาถึงตรงนี้พอจะเข้าใจกันบ้างแล้วใช้ไหมหล่ะครับ ว่าการเลือกโปรแบบไหน
ทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าของท่าน
ในยุคสมัยนี้เราก็ต้องเลือกหน่อยแหละครับ ฮ่าๆๆๆ
สุดท้ายนี้ ขอฝากดถูกใจ กด แชร์ เพื่อเป็นความรู้ให้ท่านอื่นๆกันด้วยนะครับ
หรือใครสงสัย อยากถามอะไร ก็สามารถ ถามหรือติชมได้ในคอมเมนท์เลยครับ
โฆษณา