28 ส.ค. 2022 เวลา 02:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปเรื่อง DW คืออะไร ? และทำไมผู้ออก DW จะได้กำไรเสมอ
นักลงทุนหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ DW หรือ Derivative Warrants กันมาบ้าง
โดยเฉพาะในช่วงหลังมานี้ เพราะหลายบริษัทต่างหันมาโปรโมตผลิตภัณฑ์ตัวนี้กันมากขึ้น
วันนี้เรามาดูกันว่า DW คืออะไร
แล้วการลงทุนในตราสารประเภทนี้ เป็น Zero-sum game
หรือหากเราได้กำไร บริษัทผู้ออกตราสารจะขาดทุน จริงหรือไม่ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Derivative Warrants หรือ DW เป็นใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์
ซึ่งสามารถซื้อขายเหมือนหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์
โดยราคาของ DW หรือ Derivative Warrants จะอ้างอิงไปตามหุ้นอ้างอิง
หรือที่คนส่วนใหญ่ มักเรียกกันว่า “หุ้นแม่”
1
โดยในตลาดหุ้นไทยนั้น จะมีหลักทรัพย์ที่ถูกนำมาอ้างอิงให้แก่ DW ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่
- หุ้นไทย ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่อยู่ใน SET50 หรือ SET100
- ดัชนีหุ้นไทย เช่น SET Index, SET50 Index, SET100 Index, SETHD Index และดัชนีราคากลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจ
- ดัชนีหุ้นต่างประเทศ เช่น Hang Seng Index (HSI), S&P 500 Index (SPX) และดัชนีดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐฯ
2
นอกจากนี้ DW นั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- Call DW คือ สิทธิในการซื้อหุ้นอ้างอิงในอนาคต
โดย Call DW จะปรับตัวสูงขึ้น หากหุ้นแม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
- Put DW คือ สิทธิในการขายหุ้นอ้างอิงในอนาคต
โดย Put DW จะปรับตัวสูงขึ้น หากหุ้นแม่ปรับตัวลดลง
3
พอเรื่องเป็นแบบนี้ นั่นก็หมายความว่า DW สามารถถูกใช้ในการเก็งกำไร หรือบริหารความเสี่ยง ได้ทั้งช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ในขาขึ้นและขาลง
1
เราลองมาดูตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น เช่น สมมติเรามี DW ที่ชื่อว่า “KBANK13C2211A”
เราสามารถนำแต่ละตัวอักษร มาแปลเป็นความหมาย ได้ว่า
1
- KBANK หมายถึง หลักทรัพย์อ้างอิง ซึ่งก็คือหุ้น KBANK
- 13 หมายถึง หมายเลขของโบรกเกอร์ผู้ออก DW นั้น ๆ เช่น 13 ก็จะเป็นของกลุ่มเคจีไอ
- C หมายถึง ประเภทของ DW ในที่นี้หมายถึง Call
- 2211 หมายถึง ปีและเดือนที่ DW นั้นจะหมดอายุ
กรณีนี้จะหมดอายุในเดือน 11 หรือก็คือเดือนพฤศจิกายน ปี 2022
- A หมายถึง รุ่นของ DW โดยลำดับนั้นเรียงตั้งแต่ A ถึง Z
3
สมมติว่าหุ้น KBANK อยู่ที่ 145 บาท โดยต้องซื้อขั้นต่ำที่ 100 หุ้น
หมายความว่า เราต้องใช้เงิน 14,500 บาท เพื่อซื้อหุ้น KBANK
แต่ถ้าเราไปลงทุนใน KBANK13C2211A ซึ่งอยู่ที่ 0.25 บาท
ถ้าเราซื้อ 100 หน่วย เราจะได้เงินเพียง 25 บาท
2
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราใช้เงินจำนวนเดียวกับที่ซื้อหุ้นแม่ KBANK เราจะได้ DW ถึง 58,000 หน่วย
จากกรณีนี้ ถ้าเราซื้อ KBANK13C2211A เรากำลังคาดหวังว่าราคาหุ้นแม่อย่าง KBANK จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อที่จะทำให้ DW ตัวที่เราถือหุ้น มีราคาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
โดยปกติแล้วเวลาที่หุ้นแม่หรือหลักทรัพย์อ้างอิง เปลี่ยนแปลงไปนั้น
ราคาของ DW จะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่า ไม่ว่าจะทั้งขาขึ้นหรือขาลง
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาของ DW เปลี่ยนแปลงไปมากกว่าราคาหุ้นแม่ ก็คือ “อัตราคิดทด”
1
เช่น จากกรณีด้านบน ถ้าอัตราคิดทดของ KBANK13C2211A เท่ากับ 5 เท่า
หมายความว่า ถ้าหุ้นแม่ขึ้น 1% ราคาของ DW จะเพิ่มขึ้น 5%
ถ้าเราลงทุนในหุ้น KBANK มูลค่า 1,000,000 บาท
ถ้าหุ้น KBANK ขึ้น 1% เราจะได้กำไร 10,000 บาท
แต่ถ้าลงทุนใน KBANK13C2211A ที่จำนวนเงินเท่ากัน
เราจะได้กำไรจาก DW จำนวน 50,000 บาท
1
ในทางกลับกัน หากหุ้น KBANK ปรับตัวลง 1%
เราก็จะขาดทุนจาก DW มากถึง 5% เช่นกัน
โดยความเสี่ยงของ DW นอกจากการเปลี่ยนแปลงของหุ้นแม่แล้ว ยังเกิดจาก
3
- การที่ DW มีอายุจำกัด โดยปกติ DW จะมีอายุประมาณ 4-6 เดือนเท่านั้น
โดยหาก DW ที่มีอายุคงเหลือยิ่งสั้น ส่วนใหญ่แล้วราคาจะมีความผันผวนสูง
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของ DW เพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อขาย DW
ได้อย่างสัมพันธ์กับราคาและปริมาณเสนอซื้อเสนอขายของหลักทรัพย์อ้างอิง
3
คำถามคือ แล้วถ้าเราถือ DW จนครบอายุจะเกิดอะไรขึ้น ?
คำตอบคือ เราต้องดูว่า ราคาที่ใช้สิทธิกับราคาหุ้นแม่ที่อ้างอิงนั้น เป็นอย่างไร
1
โดยถ้าในวันครบกำหนดนั้น
- กรณี Call DW หรือการเก็งกำไรขาขึ้น นักลงทุนจะได้รับเงินส่วนต่างจากผู้ออก DW
ถ้าราคาปิดหุ้นอ้างอิงมากกว่าราคาใช้สิทธิ
- กรณี Put DW หรือการเก็งกำไรขาลง นักลงทุนจะได้รับเงินส่วนต่างจากผู้ออก DW
ถ้าราคาปิดหุ้นอ้างอิงน้อยกว่าราคาใช้สิทธิ
2
นอกเหนือจากกรณีข้างต้นแล้ว DW จะไม่มีมูลค่า นักลงทุนจะไม่ได้รับเงินส่วนต่างใด ๆ
เนื่องจาก DW มีสถานะเป็น Out of the Money หรือ OTM
 
จากกรณีที่เรามีหุ้น KBANK13C2211A ถ้าวันสุดท้ายของการใช้สิทธิหุ้น KBANK
ที่เป็นหุ้นอ้างอิงปิดที่ 200 บาท ขณะที่ราคาใช้สิทธิของ DW อยู่ที่ 193 บาท
โดยมีอัตราใช้สิทธิต่อหน่วย 0.77 หรือ DW จำนวน 13 หน่วยต่อหุ้นแม่ 1 หุ้น
1
หมายความว่านักลงทุนจะได้เงินส่วนต่างราคา
คูณกับอัตราใช้สิทธิ และคูณด้วย 58,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าราว 312,620 บาท
1
อ่านมาถึงตรงนี้ เราน่าจะพอเข้าใจภาพรวมของการลงทุนใน DW ไปบ้างไม่มากก็น้อย
ซึ่งถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่าย ๆ คือ DW นั้น สามารถถูกมองได้ว่าเป็นเครื่องมือลงทุน
ที่ให้ผลตอบแทนสูง ใช้เงินลงทุนต่ำเหมือนกัน และเป็นการลงทุนที่มี “ความเสี่ยง” สูง เช่นกัน
แต่ก็มีบางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วการลงทุนใน DW นั้น
เป็นลักษณะของ Zero-sum game หรือเป็นการที่ผู้ชนะจะได้รับผลประโยชน์จากผู้แพ้หรือไม่ ?
1
โดยปกติแล้ว ผู้ออก DW จะบริหารความเสี่ยงด้วยการซื้อหุ้นอ้างอิง
ควบคู่ไปกับการซื้อขาย DW ของนักลงทุนในตลาดหุ้น เช่น
1
ถ้านักลงทุนซื้อ Call DW
ผู้ออก DW ก็จะทำการซื้อหุ้นอ้างอิงตัวนั้นในกระดาน เพื่อบริหารความเสี่ยงไปด้วย
ซึ่งถ้าราคาหุ้นแม่ปรับตัวขึ้น กำไรที่นักลงทุนได้จาก DW Call ก็จะมาจากกำไรจากหุ้นอ้างอิงที่ผู้ออก DW ซื้อไว้เพื่อบริหารความเสี่ยง
ในทำนองเดียวกัน เมื่อราคาหุ้นแม่ปรับตัวลง
ผลขาดทุนที่นักลงทุนขาดทุนจาก Call DW
ผู้ออก DW ก็จะรับผลขาดทุนจากหุ้นแม่ที่ซื้อไว้ เพื่อบริหารความเสี่ยงเช่นกัน
1
จะเห็นว่าผลกำไรขาดทุนของนักลงทุนบน DW ที่เกิดจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นหรือลง
จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ออก DW เพราะผู้ออก DW บริหารความเสี่ยงไว้แล้ว
แต่ผู้ออก DW ก็อาจมีความเสี่ยง ในช่วงที่หลักทรัพย์ที่อ้างอิง ไม่มีสภาพคล่อง เช่นกัน
เพราะเมื่อตลาดไม่มีสภาพคล่อง ผู้ออก DW ก็จะบริหารความเสี่ยงได้ยาก นั่นเอง..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายสินทรัพย์เหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง
โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
หนังสือ BRANDING THE NATION หนังสือที่เล่าถึงการสร้างแบรนด์ของแต่ละประเทศที่ทำให้ แต่ละประเทศเป็นแบบทุกวันนี้
1
เช่น ทำไมเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ ทำไมฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งแบรนด์หรู สั่งซื้อเลยที่
โฆษณา