7 ก.ย. 2022 เวลา 21:00 • ปรัชญา
ล้ำกว่าความฉลาด คือ ทำอะไรอย่าให้ผู้อื่นเดาทางออก
…..
คุณเคยเจอคนแบบนี้ไหม จะลงมืออะไร จะวางแผนซับซ้อนซ่อนเงื่อน หลายขั้นตอนมาก และคนแบบนี้ไม่ชอบให้ใครมาเปลี่ยนแผน จะยึดแผนเดิมเป็นหลัก จะเปลี่ยนแผนเขาได้ต้องมีเหตุผลอันเหมาะสมเท่านั้น มั่วๆซุยๆมาถูกตอกกลับหน้าหงาย
และเวลาที่เขาลงมือ จะเดินเกมเงียบไร้ร่องรอยหาจับตัวยาก ประดุจเสือที่เวลาเคลื่อนที่เท้าของมันจะค่อยๆลงน้ำหนักอย่างมีเสน่ห์ หากแต่เฉียบขาดยิ่งนักเผลออีกทีคือถูกนักล่าเข้าประชิดถึงตัวแล้ว
ลักษณะท่าทางของคนแบบนี้ จะนิ่งๆเงียบๆ ไม่ถาม ก็ไม่ตอบ ที่ริมฝีปากจะมีสิ่งสองสิ่งคือ เงียบและยิ้ม
หากแต่ถ้าเขาถามอะไร นั่นคือ เขากุมข้อมูลไว้หมดแล้วและพร้อมที่จะรุกฆาตได้ทุกเมื่อ เพียงแค่รอจังหวะที่จะลงมือเท่านั้น และหนึ่งในคนแบบนั้นก็คือ สุมาอี้
…..
พิชัยยุทธ์ซุนวูว่าไว้
-ผู้ชำนาญการตั้งรับดุจซ่อนในบาดาลชั้นเก้า
บาดาลชั้นเก้าคืออะไร ลึกล้ำ,ยากที่จะหยั่งถึง
ภายใต้ ความเงียบและรอยยิ้ม ยากยิ่งนักที่จะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เมื่อตั้งรับ สะสมพลังจนล้น ประดุจเขื่อนที่น้ำที่จะทะลักแล้ว จึงแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุก
พิชัยยุทธ์ซุนวูว่าไว้
-ผู้ชำนาญการรุก ประดุจอสนีฟาดลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า คืออะไร
คือยากที่จะต้านทาน,ยากที่จะรับมือ เพราะมิอาจคาดเดาได้ว่าเขาจะมาไม้ไหน และการที่ทำให้อีกฝ่ายลังเล สังสัย ย่อมทำให้ง่ายต่อการรุก ดังเช่น อ้วนเสี้ยวที่มัวลังเลสงสัยต่อโจโฉ,การที่สุมาอี้ปราบเบ้งตัด
และถ้าจะให้สมดุล รับ-รุก จึงแปรเปลี่ยนกันไปๆมาๆ
"รู้ว่าชนะจึงลงมือ"
"รู้ว่าลงมือมิได้ก็รอคอยได้ ก็อดทนได้"
…..
เมื่อครั้งที่สุมาอี้ได้รับคำสั่งกลับมาเป็นแม่ทัพป้องกันภาคตะวันตก รับมือการรุกรานจากขงเบ้ง ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทรนั้น
จารชนลับที่เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของสุมาอี้คาบข่าวมาบอกว่า ฝ่ายเบ้งตัดคิดทรยศแปรพักต์ไปเข้ากับฝ่ายขงเบ้ง คิดยกทัพมาจากทางทิศใต้ของเว่ยก๊กเข้าตีเมืองลกเอี๋ยง
สรุปง่ายๆ
ขงเบ้งเข้าตีทางทิศตะวันตก เข้าตีเมืองเตียงอัน
เบ้งตัดเข้าตีทางทิศใต้ เข้าตีเมืองลกเอี๋ยง
หากว่าเป็นเช่นนี้เว่ยก๊กยากที่จะรับมือ
หากว่าเป็นเช่นนี้เว่ยก๊กมีโอกาสล่มสลาย
จารชนลับเสนอแด่สุมาอี้ว่า
มีสองตัวเลือกให้สุมาอี้พิจารณาคือ
1.สุมาอี้ต้องต้านทานทั้งเบ้งตัดและขงเบ้งให้ได้ และเมื่อเสร็จศึกนอก ย่อมไม้พ้นที่จะเจอศึกในจากตระกูลโจที่หลอกใช้และกำจัดสุมาอี้ทิ้งในภายหลัง
2.ปล่อยให้เว่ยก๊กล่มสลาย ฮ่องเต้ถูกจับกุมตัวไป แล้วสุมาอี้เลือกที่จะไปสวามิภักดิ์กับขงเบ้ง เพื่อรับลาภ ยศ สรรเสริญ จากจ๊กก๊ก
…..
ทั้งสองตัวเลือกนี้ไม่ง่าย
หากว่าเลือกข้อหนึ่ง ต้องรีบกำจัดเบ้งตัด เลี่ยงแข็งอย่างขงเบ้ง ตีอ่อนอย่างเบ้งตัดก่อน หากแต่การจะเข้าตีเบ้งตัดนั้นไม่ง่าย เนื่องด้วยเบ้งตัดเป็นขุนนางผู้ใหญ่ จึงไม่ง่าย
ไม่ง่าย 1 จะต้องมีจดหมายไปรายงานต่อฮ่องเต้ ณ เมืองหลวง กว่าจะจดหมายส่งไปๆมาๆใช้เวลานับเดือน
ไม่ง่าย 2 เวลาที่แม่ทัพจะออกศึก ฮ่องเต้จะมีพิธีส่ง ที่เมืองหลวง อย่างใหญ่โต มิต้องสืบว่า เบ้งตัดต้องทราบข่าวและเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อนเป็นแน่แท้
ไม่ง่าย 3 สุมาอี้เพิ่งกลับมารับตำแหน่งใหม่ๆ ภายใต้สถาวะที่กดดันอย่างรอบด้าน จึงต้องตรึงทิศตะวันตกไว้ก่อนค่อยว่ากันอีกที เร่งปราบทิศใต้อย่างเบ้งตัดก่อน หากแต่ต้องเป็นการกระทำโดยเชิงรุก และกระทำโดยพลการ
….
กระทำโดยเชิงรุกและกระทำโดยพลการ
เชิงรุก 1 สุมาอี้เลือกที่จะปล่อยข่าวให้เบ้งตัดตายใจ ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่สุมาอี้เดินเกมเงียบ เฉียบขาด เคลื่อนกำลังทั้งวันทั้งคืน ถึง8วันติด รุกเข้าเมืองซงหยง ดุจสายฟ้าฟาด เข้าตีเมืองซงหยงอย่างหนักหน่วง
เชิงรุก2 เบ้งตัดคิดว่าสุมาอี้จะกระทำตามธรรมเนียม จึงไม่ทันได้ตั้งรับ จึงไม่ทันได้ระมัดระวังอย่างเต็มที่ เมื่อถึงเวลากองทัพใหญ่ของสุมาอี้ก็มาประชิดถึงหน้าตัวเมืองอย่างมิทันคาดคิด
พลการ 1 สุมาอี้เลือกที่จะลงมือก่อนค่อยรายงานทีหลัง เพราะถ้ารายงานก่อน ย่อมไม่เงียบ ข่าวสารรั่วไหล ข้าศึกจะไหวตัวทันก่อน
พลการ 2 ก่อนหน้านี้ที่สุมาอี้มาอยู่ชายแดนตะวันตก เคยเกณฑ์และสะสมกำลังทหารโดยมิได้รับอนุญาตจากเมืองหลวงมาแล้ว จึงเป็นหนึ่งในเหตุให้โดนปลด แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะลงมือโดยพลการอีกเป็นครั้งที่2
…..
ซึ่งจะเชิงรุกและพลการ
ซึ่งจะทำเช่นนี้ดังเช่นสุมาอี้ได้
ต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี
ต้องไตร่ตรองให้ดี เพราะบางทีอาจได้ไม่คุ้มเสีย
และที่สำคัญที่สุด ต้องวัดได้ถ้าใจถึง
อย่าลืมว่า ก่อนหน้าสุมาอี้จะถูกโจโฉบังคับมาทำงานด้วย เขาวัดได้ถ้าใจถึงกับพญามัจจุราชมาแล้ว
และเมื่อมาทำงานกับโจโฉ เขาวัดได้ถ้าใจถึง มาแล้ว กล้าที่จะปฏิเสธไม่เป็นอาจารย์ให้โจสิด เลือกที่จะเป็นอาจารย์ให้โจผี
นับประสาอะไรกับโจยอย เขาจึงเลือกวัดได้ถ้าใจถึงอีกครั้ง ดำเนินการเชิงรุกดุจอสนีฟาดจากสวรรค์ชั้นเก้ากำจัดเบ้งตัดไปได้
…..
และด้วยเหตุนี้สุมาอี้จึงกำจัดอีกหนึ่งภัยใหญ่ของเว่ยก๊กไปได้อย่างเบ้งตัดอย่างทันท่วงที
เพราะภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้น
เพราะภายใต้สถานการณ์ที่เวลากดดัน
ฝ่ายไหนเงียบให้ถูกจังหวะ
ฝ่ายไหนดำเนินการอย่างเฉียบขาด
ฝ่ายไหนรู้ว่าจะชนะจึงลงมือ
ฝ่ายนั้นจึงชนะ
เมื่อเสร็จงานนี้ สุมาอี้จึงรีบไปเมืองหลวง เข้าเฝ้าฮ่องเต้โจยอย รายงานสถานการณ์ให้ทราบและยอมรับผิดแต่โดยดีที่ดำเนินการทุกอย่างเชิงรุกไปโดยพลการ
…..
บทสรุป
1.พลังเงียบ เฉียบขาด ลำกว่าความฉลาดคือ ทำอะไรอย่าให้ผู้อื่นรู้ทัน
เพราะบางครั้งกระโตกกระตากใช่ว่าจะเป็นผลดีเสมอไป แต่ต้องปิดฟ้าข้ามทะเล ลงมือทำไปเลย วัดได้ถ้าใจถึงแบบสุมาอี้ที่กล้าวัดอีกรอบนึง เพราะเห็นแก่ภาพรวมของสถานการณ์
ที่จะปล่อยให้เว่ยก๊กล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาก็ได้
เพราะครั้งก่อนทำงานเชิงรุกก็จริง แต่ไม่เป็นผลดี
2.ณ จุดอันแน่นอน ความเงียบก็แปรเปลี่ยนเป็นพลานุภาพ
ผู้ชนะรู้ว่าตนชนะ จึงลงมือ
ผู้แพ้ ลงมือไปแล้วจึงค่อยหาวิธีชนะในสนาม
ดั่งเช่นที่ สุมาอี้กุมข้อมูลไว้รอบด้าน เมื่อขยับครั้งนี้จึงกุมสถานการณ์และกุมไพ่เหนือกว่าอีกฝ่ายได้อย่างทันท่วงที
3.ทำงานเชิงรุก ยั้งคิดสักหน่อย
ถ้าเจ้านายได้ประโยชน์ก็เป็นเรื่องดี
ถ้าเจ้านายปลื้ม ชอบก็เป็นเรื่องดี
ดังเช่นที่ สุมาอี้ทำงานเชิงรุกสองครั้ง
ครั้งแรก เกณฑ์ทหารโดยพลการที่ชายแดน
ครั้งสอง นำทัพปราบเบ้งตัดอย่างสายฟ้าแลบโดยที่ไม่รายงานเมืองหลวงทราบก่อน
แต่ผลกลับได้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ราวกับฟ้า-เหว
นั่นเป็นเพราะอะไร? คำตอบอยู่หลังเลข 3
4.อดทนอดกลั้นต่อความน้อยใจ และความไม่ยุติธรรมต่างๆนาๆในองค์กร นั่นจึงทำให้สุมาอี้ได้ไปต่อในเว่ยก๊ก แทนที่จะลาออกแล้วไปสวามิภักดิ์ เอาลาภ ยศ สรรเสริญจากจ๊กก๊กของขงเบ้ง
2
เพราะบางครั้งการเลือกที่จะอยู่ต่อที่เดิม สุมาอี้อาจจะมองเห็นสิ่งดีๆที่มีอยู่ในเว่ยก๊ก ณ เวลานั้นก็ได้
ดังภาษิตว่า "ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี"
2
#พลิกชีวิตลิขิตฟ้าแบบสามก๊ก
โฆษณา