เมื่อคืน เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ยิง 3 ประตูอย่างเหนือชั้น แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ มันไม่ใช่การทำแฮตทริกแบบธรรมดา แต่ที่ฮาแลนด์ทำได้ เราเรียกมันว่า "เยอรมันแฮตทริก"
เยอรมันแฮตทริกคืออะไร เราจะไปอธิบายกันตั้งแต่แรก
คำว่า แฮตทริก (Hat-trick) เท่าที่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ มีจุดเริ่มต้นจากกีฬาคริกเก็ต ในปี 1858 นักคริกเก็ตชาวอังกฤษ ชื่อ ฮีทฟิลด์ ฮาร์แมน สตีเฟนสัน ระเบิดผลงานสุดยอด ด้วยการทำคู่แข่ง Out ได้ 3 คน ในการขว้างบอล 3 ครั้ง มันเป็นอะไรที่ทำได้ยากมาก
หลังจบเกม เพื่อนร่วมทีมเอาหมวกมา 1 ใบ เดินวนรอบสนาม ให้แฟนๆ ที่ชมอยู่ ใส่เงินลงไป แล้วเอาไปมอบให้สตีเฟนสันเพื่อเป็นการสดุดีผลงานมาสเตอร์พีซ (นึกภาพตาม เหมือนเล่นดนตรีเปิดหมวก ถ้าคนดูชอบใจก็จะเอาเหรียญใส่ในหมวก)
Hat-Trick (ทริก-หมวก) กับเลข 3 ก็เลยเกี่ยวข้องกันด้วยเหตุผลนี้ และคำนี้จึงถูกใช้ในกีฬาคริกเก็ตเรื่อยมานับจากนั้น
ในเวลาต่อมา กีฬาอื่นๆ ก็เอาคำว่าแฮตทริกมาใช้ด้วย ถ้านักกีฬาทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับเลข 3 เช่นฟุตบอลหรือฮอกกี้ ถ้ายิง 3 ลูก ก็จะเรียกว่าแฮตทริกเช่นกัน
แต่ละกีฬาก็จะใส่ลูกเล่นบางอย่างเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อให้มีกิมมิคมากขึ้น เช่นฮอกกี้น้ำแข็ง NHL ถ้าใครทำได้สามประตู แฟนๆ ก็จะโยนหมวกลงไปในริงค์น้ำแข็งเป็นสิบๆ เป็นร้อยๆ อัน เพื่อล้อไปกับคำว่า Hat
หรือในฟุตบอล ก็เป็นธรรมเนียมที่รู้กันว่า นักเตะที่ยิงแฮตทริกได้หลังจบเกม จะได้ลูกบอลลูกนั้นเอากลับบ้านไปเลย
สำหรับแฮตทริกในฟุตบอลนั้น โดยทั่วๆ ไป ก็คือการยิง 3 ลูกนั่นแหละ จะยิงแบบไหน ยิงนาทีเท่าไหร่ ก็นับเป็นแฮตทริกหมด
แต่นอกจากแฮตทริกแบบปกติแล้ว ยังมีแฮตทริกแบบ "พิเศษ" อยู่ด้วย นั่นคือ Perfect hat-trick และ German hat-trick
Perfect hat-trick (แฮตทริกที่สมบูรณ์แบบ) คือการทำ 3 ลูกได้ครบ ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา และโหม่ง คือปกติแค่ยิงสามลูกมันก็ยากอยู่แล้ว แต่การยิงด้วยอวัยวะ 3 ส่วนที่ต่างกัน แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นตัวจบสกอร์ระดับคุณภาพของจริง
ส่วน German hat-trick (แฮตทริกแบบเยอรมัน) บางคนจะเรียกว่า Flawless hat-trick หรือ Classic hat-trick ความหมายของชื่อทั้งหมดก็เหมือนกัน คือคุณต้องยิงประตูทั้ง 3 ลูกติดกัน แบบไม่มีคนมาคั่น และต้องยิงในครึ่งเดียวกันเท่านั้น
เมื่อวานนี้ เกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม คริสตัล พาเลซบุกมานำแมนฯ ซิตี้ 2-0 ในครึ่งแรก แต่พอเข้าครึ่งหลังแบร์นาโด้ ซิลวา ยิง 1 ลูกไล่มาให้ซิตี้ เป็น 2-1
และจากนั้นก็เป็นฮาแลนด์โชว์ เขายิงติดต่อกัน 3 ลูก เริ่มจากโหม่ง นาทีที่ 62, เท้าซ้าย นาทีที่ 70 และ เท้าซ้ายอีกลูก นาทีที่ 81 ช่วยให้ทีมพลิกชนะ 4-2 และนี่เป็นแฮตทริกแรก ในการเล่นพรีเมียร์ลีกของเขาอีกด้วย
แต่ละลูกของฮาแลนด์นั้น มีสกิลที่แตกต่างกัน ลูกแรกเขาโชว์ความเข้าใจเกม วินาทีที่ฟิล โฟเด้นกำลังจะครอสบอล ฮาแลนด์วิ่งไปที่จุดนัดพบทันที แล้วโหม่งเข้าไป เขารู้ว่าเพื่อนจะเปิดบอลมาตรงไหน ลูกโหม่งเหมือนง่าย แต่การเคลื่อนที่ไปตรงจุดนั้นไม่ง่ายแน่ๆ
ลูกที่สอง เป็นการโชว์ปฏิกริยาของกองหน้า เพราะลูกเตะจากจอห์น สโตนส์ น่าจะตั้งใจยิงเองมากกว่า แต่บอลผิดเหลี่ยมก็เลยไหลมาถึงฮาแลนด์ ซึ่งฮาแลนด์ไม่ได้ร้อนรนอะไร เขาจ้องมองบอลแล้วยิงจ่อๆ เข้าไป เช่นกันลูกนี้เหมือนง่าย แต่กับกองหน้าที่ยืนถูกที่ถูกเวลา ก็เป็นทักษะอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ลูกที่สาม ฮาแลนด์วิ่งเลี้ยงไลน์ให้ไม่ล้ำหน้า จากนั้นพอกุนโดกันจ่ายมา เขาใช้ Physical เอาแผ่นหลังบังบอล จนกองหลังพาเลซล้มไปกอง จากนั้นอัดเปรี้ยงด้วยซ้าย ลูกนี้โชว์ทั้งบอดี้ที่แข็งแกร่ง และการยิงที่เฉียบขาด
ทุกคนรู้ดีว่า ฮาแลนด์ตอนอยู่ดอร์ทมุนด์คือเครื่องจักรสังหารขนาดไหน เขาลงเล่นให้ดอร์ทมุนด์ 89 นัด ยิงได้ 86 ประตู ค่าเฉลี่ยแทบจะนัดละลูกอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือ ใครจะไปเชื่อว่าจะระเบิดฟอร์มที่อังกฤษได้เร็วขนาดนี้ เขาไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวในพรีเมียร์ลีกเลย 4 นัด 6 ลูก มันบ้าชัดๆ และตอนนี้ สำนักพนันถูกกฎหมายทุกแห่ง ก็ยกฮาแลนด์เป็นเต็ง 1 ดาวซัลโวเรียบร้อยแล้ว
สามประตู สามสไตล์ เขาทำแฮตทริกอย่างสุดยอดจริงๆ และที่สำคัญ มันคือ German hat-trick ยิงสามประตูติดต่อกัน ในครึ่งเดียว แบบไม่มีคนคั่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ
ในฤดูกาลที่แล้ว (2021-22) มีการทำแฮตทริกเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีก 13 ครั้ง แต่ไม่มี German hat-trick แม้แต่ครั้งเดียว เพราะการจะยิงติดกัน และยิงในครึ่งเดียว มันก็ยากอยู่ โดยนักเตะคนก่อน ที่เคยทำแบบนี้ได้ คือ คริส วู้ด กองหน้าของเบิร์นลีย์ ในเกมที่เบิร์นลีย์ เอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 4-0 ในฤดูกาล 2020-21
อย่างไรก็ตามน่าเสียดายนิดๆ ที่ ฮาแลนด์ไม่สามารถ ทำ Perfect hat-trick ไปพร้อมๆ กันได้ด้วย เพราะเขายิงด้วยการ โหม่ง-เท้าซ้าย-เท้าซ้าย (ขาดเท้าขวา) ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเท้าถนัดของฮาแลนด์ คือเท้าซ้ายอยู่แล้ว
สำหรับแฮตทริก ที่เป็นสุดยอดของสุดยอด คือ Perfect German hat-trick นั่นคือ ยิงครบทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา และโหม่ง โดยทำได้ในครึ่งเดียวกัน แถมไม่มีคนมายิงคั่น เป็นอะไรที่เว่อร์วังมาก และยากสุดๆ ที่จะทำได้
แต่โลกนี้ก็เคยมีคนทำได้มาแล้ว นั่นคือ ลูก้า โทนี่ กองหน้าชาวอิตาเลียน ของบาเยิร์น มิวนิค ที่ทำได้ในฤดูกาล 2007-08 เกมที่บาเยิร์น บุกชนะฮันโนเวอร์ 3-0
นาทีที่ 58 เขายิงด้วยเท้าขวา , นาทีที่ 64 ยิงด้วยเท้าซ้าย และ นาทีที่ 82 ยิงได้จากการโหม่ง เป็นการใช้อวัยวะครบ และยิงติดต่อกันโดยไม่มีใครคั่นอีก ในครึ่งเดียวกันอีกด้วย
ย้อนกลับไปที่ฮาแลนด์อีกครั้ง สิ่งที่เราเห็นจากเขาคือ ความเป็นสไตรเกอร์ขนานแท้ เชื่อหรือไม่ ใน 4 เกมกับแมนฯ ซิตี้ ในซีซั่นนี้ ฮาแลนด์ได้สัมผัสบอลแค่ 90 ครั้งเท่านั้น เฉลี่ยเกมละ 22.5 ครั้ง ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ อย่างเกมเมื่อคืนกับพาเลซ เขาได้สัมผัสบอลแค่ 16 ครั้งเท่านั้นเอง
ถ้าเทียบกับกาเบรียล เชซุส ลง 4 เกม สัมผัสบอล 215 ครั้ง หรือ โม ซาลาห์ ลง 4 เกม สัมผัสบอล 202 ครั้ง เราจะเห็นเลยว่า ฮาแลนด์สัมผัสบอลน้อยกว่าสองคนดังกล่าว เกินกว่าครึ่งหนึ่งเสียอีก
แต่นั่นล่ะ คือสิ่งที่ฮาแลนด์แตกต่างจากคนอื่น เขาเป็นกองหน้าสไตล์ที่ไม่ต้องสัมผัสบอลเยอะ ไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับเกมทุกจังหวะ แต่โผล่มาก็ทำประตูได้ทันที ซึ่งสำหรับทีมอย่างแมนฯ ซิตี้ ที่มีตัวป้อนบอลเต็มไปหมด ทั้งเดอ บรอยน์, โฟเด้น, กานเซโล่, มาห์เรซ, แบร์นาโด้ และ กุนโดกัน การมี Target Man เป็นเป้าหมายให้จบสกอร์ เป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากจริงๆ
สถิติของฮาแลนด์เวลานี้ ลง 4 นัด ยิง 6 แอสซิสต์ 1 คุณจะขออะไรมากกว่านี้อีกหรือ?
สำหรับการยิงแฮตทริกเมื่อคืน เป็นแฮตทริกที่ 13 ในอาชีพนักเตะของฮาแลนด์แล้ว ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลนั้น คนที่ยิงแฮตทริกได้มากที่สุดตลอดกาล ชื่อ เออร์วิน เฮล์มเชน นักฟุตบอลชาวเยอรมัน เมื่อ 100 ปีที่แล้ว ทำแฮตทริกได้ 141 ครั้ง ตามด้วยเปเล่ 92 ครั้ง
แม้สถิติจะเป็นแบบนั้น แต่ผู้คนมักจะไม่นับกัน เพราะของเฮล์มเชนนั้น ฟุตบอลช่วง 100 ปีก่อน มันยังไม่มีกฎอะไรชัดเจน เกมรับก็ไม่มี ล้ำน่งล้ำหน้าก็ไม่มี ส่วนของเปเล่ ก็เป็นการยิงในบราซิลอย่างเดียว ยิงในฟุตบอลระดับรัฐ ดังนั้นก็เลยมักจะไม่ได้รับเครดิตมากนัก
สถิติยิงแฮตทริก ที่ผู้คนจะนับจริงๆ คือยุคร่วมสมัย ซึ่งคนที่ทำได้สูงสุดคือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ 60 ครั้ง ตามด้วยลีโอเนล เมสซี่ 56 ครั้ง
ส่วนฮาแลนด์ตอนนี้เขาอายุ 22 ปี ทำแฮตทริกได้แล้ว 13 ครั้ง ถ้าหากรักษาความสม่ำเสมอต่อไป ยิงได้เรื่อยๆ 10 ปีติดต่อกัน โอกาสจะแซงหน้าสถิติของทั้งโรนัลโด้ และเมสซี่ ก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน แต่นั่นก็เป็นเรื่องอนาคตอันไกลมาก
แต่เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ ฮาแลนด์ พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่า เขาคือปีศาจอย่างแท้จริงหน้าปากประตู และ German Hat-trick เมื่อคืนนี้ เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของเขาในพรีเมียร์ลีกเท่านั้นเอง
#FLAWLESSHATTRICK
- 40
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
