31 ส.ค. 2022 เวลา 21:39 • ปรัชญา
⚕️ เราจะช่วยคนที่มีความทุกข์ให้กลับมามีความสุขโดยเร็วได้อย่างไร?
ทุกข์ แปลตรงตัวว่าสภาวะที่ทนได้ยาก เป็นพลังงานลบ
พลังงานเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะหายไปได้ มันแค่เปลี่ยนไปเท่านั้น น้ำกลายเป็นน้ำแข็งหรือระเหิดเป็นไอ แต่มันก็ไม่ได้หายไปไหนอย่างแท้จริง
การเปลี่ยนแปลงของพลังงานเกิดจากปฏิกิริยาของขั้วตรงข้าม แก้ทุกข์ด้วยปัญญา/ความสุข เหมือนที่ไฟเป็นผู้ทำให้น้ำระเหิดแห้ง
เรื่องนี้มีแนวทางคำตอบที่พวกเราส่วนใหญ่ทราบกันดีอยู่แล้ว
เช่น
ศาสนา : ให้แสวงหาธรรมะเรียนรู้การปล่อยวาง, หันหน้าออกจากความทุกข์แล้วหันไปหาพระเจ้า
นักจิตวิทยา : สืบค้นปมในใจแล้วเริ่มแก้ที่ตรงนั้นอย่างเป็นขั้นตอน
ไลฟ์โค้ช : เปลี่ยนมุมมองที่มีแล้วใช้พลังจินตนาการสร้างประสบการณ์ใหม่
ซึ่งล้วนเป็นวิธีที่ดีงามควรที่จะนำมาใช้ร่วมกันทั้งหมด
แต่ทุกการเยียวยามันจะมีคู่ความสัมพันธ์ของผู้ให้และผู้รับ
ถึงหมอจะเก่งแต่คนไข้ก็ต้องมีศรัทธา หากหมอไม่เก่งแม้นมีศรัทธามากก็ยังหายได้
"จะทำการยากสิ่งไรให้สำเร็จศรัทธาต้องมาก่อน" เรื่องนี้เป็นด้านของผู้รับการเยียวยาซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้ว
แล้วด้านของผู้ให้ความช่วยเหลือล่ะ?
🔘 อย่างแรก "การเยียวยาคือความรักที่สำแดงตนออกมาเป็นการกระทำ"
(เดี๋ยวนี้ไลฟ์โค้ชจึงชอบสอนให้เรารักตัวเองก่อนจะได้ปกป้องตนเองจากการกระทำที่จะนำเราไปสู่ความผิดพลาดเสียใจ)
ตัวผมเป็นผู้รับใช้มนุษย์ในเรื่องต่างๆมานานหลายปี ผมไม่ได้เรียนวิธีคิดอะไรมาจากไหนนอกจากมีความเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น
"เข้าใจจิตวิญญาณเพียงสิ่งเดียวก็เข้าใจทุกๆสิ่ง"
(ก็จักรวาลทั้งหมดถูกสร้างและดำรงอยู่ด้วยอำนาจของมัน)
และความรักความเมตตาเป็นหัวใจของผู้บำบัด ผลสำเร็จของมันขึ้นอยู่กับระดับความบริสุทธิ์ของใจ
(ศีลโพธิสัตว์ก็ดี กัมมะโยคะก็ดี สอนให้รับใช้ผู้อื่นโดยไม่รับสิ่งตอบแทน มันคือ"การเสียสละ" ซึ่งก็เป็นความรักที่ขยายตนเองออกมาอีกอย่างหนึ่ง)
🔘 อย่างที่สอง แล้วจิตวิญญาณสอนอะไรแก่เรา?
"สอนให้รวมตัวเองเข้ากับคนที่เรารัก"
แล้วมันคืออะไร ต้องทำยังไง?
◾เราล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
จงขจัดภาพลวงของการแบ่งแยก จงรู้ว่าเราและเขามีตัวตนที่แท้จริงคือดวงจิตวิญญาณซึ่งเป็นความรักบริสุทธิ์ และด้วยการรู้ในสิ่งนี้จงประสานกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยความรักสุดประมาณ
1
◾การประสานเป็นหนึ่งเดียวกันในระดับสูงสุดนั้นจะบังเกิดจาก วิญญาณของทั้งคู่รวมเข้าด้วยกันในขณะทำสมาธิ เหมือนการนำน้ำจากสองแก้วมารวมเป็นแก้วเดียว
🔘 อย่างที่สาม จงเปลี่ยนตนเองให้เป็นพื้นที่ของพลังงานบวก
คุรุ นักบวชเป็นที่พึ่งทางใจ บางครั้งแค่การได้อยู่ใกล้พวกเขาก็ทำให้เราคลายทุกข์ลงอย่างน่าประหลาด
นั่นเป็นเพราะเมื่อใครปฏิบัติสมาธิจนถึงจุดของปีติสุข มันจะเกิดความรักเมตตาต่อชีวิตของผู้อื่นโดยอัตโนมัติเพราะมันเป็นตัวตนที่แท้จริงของทุกดวงจิตวิญญาณ
1
ผู้ที่ทรงฌานสมาธิอยู่เสมอตัวของเขาจึงกลายเป็นปริมณฑลของความรัก ซึ่งแผ่ขยายแรงสั่นสะเทือนออกมาตามระดับของสภาวะจิตภายใน
🔘 อย่างที่สี่ เยียวยาผู้อื่นเท่ากับเยียวยาตนเอง
การช่วยเหลือผู้อื่นนั้นจะนำมาซึ่งปัญญาความรู้ความเข้าใจใหม่ๆ และช่วยปรับแก้นิสัยบางอย่างรวมทั้งทัศนคติที่ยังเป็นลบของตัวเองให้ค่อยๆดีขึ้น
ผู้ที่มีประสบการณ์ในการช่วยผู้อื่นมามากจึงมักที่จะไม่ยกตนขึ้นในฐานะของผู้มีพระคุณ
แต่ตรงกันข้ามพวกเขาจะถ่อมตน อ่อนโยน และสำนึกรู้คุณที่ได้มีโอกาสสำหรับการแบ่งปัน
1
ผู้บรรลุในระดับสูง อัตตาของเขาถูกชำระด้วยไฟแห่งปัญญา ความคิดของเขาหลอมรวมกับจิตสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของจักรวาลและโปรยปรายความรักลงมาเหมือนสายฝนบริสุทธิ์
⚕️ ความทุกข์เป็นวาระของปัญญา กว่าที่พืชพรรณจะผลิผลมันก็ต้องผ่านทั้งแดดลม
ชีวิตมนุษย์เป็นการปรากฏขึ้นของพลังงานจากภายใน พลังของจิตปัจจุบันคือผู้สร้างอนาคต
บ่อยครั้งที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการอธิษฐานช่วย
🙏 การอธิษฐานคือการประสานเราเข้าด้วยกัน คือการเติมพลังงานบวกผ่านกระแสของดวงจิตวิญญาณเราไปสู่เขาโดยตรง
🙏 ในขณะอธิษฐานจงคิดถึงจิตสำนึกสูงสุดของตนเองแล้วกระทำผ่านจิตสำนึกสูงสุดนั้นด้วยศรัทธาและจิตมั่น
(เราอาจเรียกสภาวะจิตสูงสุดนั้นด้วยคำง่ายๆว่า "พระเจ้า")
🙏 พลังแห่งการอธิษฐานด้วยรักบริสุทธิ์นั้นมีอานุภาพเหนือสิ่งใดๆ
แม้การรักษาที่ระดับวิญญาณนั้นคือขั้นสูงสุดและผู้ที่พร้อมจึงจะทำได้
แต่ทุกปาฏิหาริย์นั้นความสามารถไม่สำคัญเท่ากับความรัก เหมือนที่พ่อแม่เป็นหมอที่ดีที่สุดของลูกๆ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องรักผู้รับความช่วยเหลือเสมอด้วยตนหรือคนในครอบครัว
จงพร้อมที่จะอุทิศ กาย ใจ และดวงจิตวิญญาณเพื่อพวกเขา ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงเงินตราหรือเพราะสะสมบุญบารมี
แต่เพราะตัวเราเองจะได้ค้นพบศักยภาพสูงสุดผ่านทางการอุทิศให้ส่วนรวม
และเราจะได้รับสิ่งที่เราส่งออกไปเสมอ ก็เราเป็นหนึ่งเดียวกับทั้งหมด
🤍 เมื่อเป็นรักที่ไร้เงื่อนไขได้เมื่อไร ก็ไม่มีอะไรที่เราต้องเรียนรู้อีก ซึ่งมันจะมาพร้อมกับการปล่อยวางผลลัพธ์แบบเฉพาะเจาะจง 🤍
1
ไม่สำคัญว่าเราใช้วิธีอะไร สำคัญที่เรารักแค่ไหนต่างหาก
เพราะรักแท้นั้นเป็นสิ่งเงียบที่ทำให้ดอกไม้ผลิบาน
เป็นสิ่งที่ปลุกเร้าให้สกุณาขยับปีกไปยังฟากฟ้า
และทำให้มนุษย์กลายเป็นพระเจ้าบนโลกใบนี้.
โฆษณา