1 ก.ย. 2022 เวลา 02:27 • ท่องเที่ยว
เที่ยวผืนป่ามรดกโลก “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่”
ขับรถเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ .. เป็นอีกหนึ่งความสุขที่พวกเราชอบ และประทับใจทุกครั้งที่ได้ออกเดินทาง
… ความเขียวของต้นไม้ใบหญ้าที่ได้ความชุ่มฉ่ำจากน้ำฝน ให้ความรู้สึกสบายตา สบายใจ สายฝนทำให้ชุ่มฉ่ำ สดชื่น มีชีวิตชีวา สูดอากาศสดชื่นได้เต็มปอด ถ่ายรูปออกมาสวยเปะปังทุกรูป
หากพูดถึงพื้นที่เขียวๆ ธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้เยอะๆ มีที่ทางให้เดิน มีสัตว์ป่าให้ดู .. “เขาใหญ่” คงเป็นสถานที่แรกๆที่ทุกคนคิดถึง ด้วยตอบโจทย์คนรักธรรมชาติได้ดีที่สุด และเป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศไทย รวมถึงเดินทางไม่ไกล ด้วยใกล้กับเมืองหลวง
“เขาใหญ่” .. หนึ่งในสถานที่สำหรับการหลีกหนีความวุ่นวายของชีวิตคนเมือง อีกหนึ่งที่ ที่เราคิดถึงเป็นลำดับแรกๆ ด้วยพื้นที่อุทยาน 2,415 ตารางกิโลเมตร เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด
“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีพื้นที่ ครอบคลุม 4 จังหวัด ประกอบด้วย สระบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี และนครนายก เป็นพื้นที่ผืนใหญ่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพนมดงรัก ในส่วนหนึ่งของดงพญาเย็นหรือดงพญาไฟในอดีต
.. ประกอบด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำมูล มีความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นบ้านหลังใหญ่ของสิ่งมีชีวิตที่สำคัญ หายาก และใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด รวมถึงนกมากกว่า 280 ชนิด จึงทำให้เป็นที่นิยมของนักดูนกจากทั่วโลก
นอกจากจะเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญของไทย ยังมีความสำคัญในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก คือ อุทยานมรดกแห่งอาเซียน (ASEAN Heritage Park) และ มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site)
สำหรับการได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากยูเนสโกนั้น อยู่ภายใต้ชื่อ “พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ประกอบด้วยพื้นที่คุ้มครอง (Protected Area) หรือ พื้นที่อนุรักษ์ ธรรมชาติจํานวน 5 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2548
การเดินป่าเป็นกิจกรรมที่ห้ามพลาด เมื่อมีโอกาสมาเยือน เขาใหญ่ .. ป่าที่นี่สวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีเทรลที่เหมาะกับคนทุกวัย ตั้งแต่เทรลที่ยากๆ ต้องเดินแบบถึกๆหลายชั่วโมง ไปจนถึงเทรลที่ค่อนข้างง่าย เดินสบายๆ ระยะทางไม่ไกล แต่เดินพอได้เหงื่อ ซึ่งเหมาะสำหรับคนวัย 70+ ขาลุยอย่างพวกเรา
บรรยากาศในบริเวณอาคารบริการนักท่องเที่ยว .. ชอบมุมถ่ายภาพนกเงือกพร้อมป้าย มรดกโลก
อีกมุมที่น่ารัก .. ช้าง ช้าง ช้าง .. เจ้าหน้าที่เล่าว่า ช้างตัวเป็นๆเคยมาประลองกำลังกับช้างปูนปั้นอันนี้แล้ว ช้างเป็นๆร้องขู่ และงัดเจ้าช้างปูนปั้นจนหงายเก๋ง พุงแตกมาแล้ว
.. ตั้งใจถ่ายภาพนี้ ให้สื่อถึง พลังและอำนาจของสัตว์ธรรมชาติ
.. หัวที่ใหญ่โต และงาที่ยาวคมกริบของช้าง อยู่ใกล้กับภาพของมนุษย์แค่นิดเดียว
.. คนเป็นเพียงอณูที่เล็กมากในธรรมชาติ ไม่อาจจะเทียบกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ เปี่ยมพลานุภาพ
ใกล้ๆกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีร้านกาแฟและเครื่องดื่มบริการ รวมถึงร้านค้าเล็กๆที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเลือกหาซื้อของที่ระลึก และอุปกรณ์เดินป่า เช่น ถุงกันทาก
ก่อนจะออกเดินป่า .. เราเลือกที่จะมานั่งด้านนอกใต้ร่มเงาของต้นไทรขนาดใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้มีความร่มรื่น
ระเบียงไม้ชมวิวที่ยื่นออกไปในทางน้ำว๊าวมากๆ ..
… แค่ส่งสายตาออกไปชื่นชมกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว สูดเอาอากาศดีๆเข้าสู่ปอด ก็สุขมากมาย
ณ จุดนี้ .. จะมองเห็นสะพานแขวนที่จะนำเราผ่านเข้าไปสู่เทรลเดินป่า
การเดินในเทรลของอุทยานฯควรจะมีเจ้าหน้าที่นำทาง ..
… ซึ่งนอกจากจะเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะบรรยายให้คำแนะนำก่อนออกเดินแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานฯยังให้ความรู้เรื่องพรรณไม้ และสัตว์ป่าในบริเวณที่เราจะเดินชมอีกด้วย
ทางเข้าสู่เทรลเดินป่า ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ชอบสะพานแขวน .. เป็นสะพานไม้ที่มีราวเป็นเชือกกั้น เวลาเดินโยกเยก ที่นำความรู้สึกของความเป็นเด็กกลับมา
เราเดินไปตามทางที่เจ้าหน้าที่ถากถางเอาไว้ง่ายๆ เพื่อให้พอเดินได้ และไม่เกิดอันตราย ..
ในระหว่างทางที่เดินไปแบบชิวๆตามแบบฉบับของ สว.ไฮเปอร์ .. เจ้าหน้าอธิบายถึงพันธุ์ไม้แต่ละชนิดที่สำคัญที่ขึ้น และมองเห็นตามทางเดิน
... สองฟากฝั่งของทางเดิน ปกคลุมไปด้วยป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์ ซึ่งมีพันธุ์ไม้นานาชนิดขึ้นเขียวขจี
.. มีพันธุ์ไม้แปลกๆ ทั้งเถาวัลย์ยักษ์ และม่านไม้ที่ห้อยลงมาอย่างสวยงาม ซึ่งบ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนี้
เราได้รู้จักกับ .. ไม้กฤษณา ต้นยางหลายชนิด ไม้ตีหมา
ป่าเขียว บรรยากาศสดชื่น .. มีนกบินผ่าน บางครั้งได้ยินเสียงสัตว์ป่าบ้าง ทำให้ความทรงจำแบบที่เคย กินง่าย อยู่ง่าย สบายใจสุดๆ และแรงบันดาลใจอื่นกลับมาอีกมากโข
ที่นี่เป็นบ้านของนกเงือกถึง 4 สายพันธุ์ .. ซึ่งนกเงือกถือได้ว่าเป็นมาตรที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าเขาใหญ่ รวมถึงเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยเพียงพอในการเป็นบ้านที่จะสืบสานเผ่าพันธุ์
บ่อยครั้งที่ชีวิตของเราต้องการแค่ส่วนเล็กๆมาเติมเต็ม .. อาจจะเป็นแค่ความสุขเรียบง่าย กับการย่ำเท้าไปในสถานที่ ที่สองฝั่งของทางเดินมีพืชที่ต่ำต้อยเรี่ยดิน เจียมเนื้อ เจียมตัว
.. มีทากเป็นเพื่อนร่วมทางที่จะไม่ทำให้คุณเหงา แต่ต้องระแวดระวังตื่นตัว ตื่นรู้ตลอดทาง
.. ลองก้าวเท้าเดินไปในที่ที่คุณไม่คุ้นเคย หรือไม่เคยไปดูนะคะ .. บางที คุณอาจจะพบว่า ธรรมชาติเยียวยาทุกสิ่ง และคุณอาจจะพบความสุขอยู่ที่แห่งนั้น ก็เป็นไปได้
“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยด่านตรวจจะเปิดทำการเวลา 06.00-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 08-6092-6529Facebook : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park
โฆษณา