3 ก.ย. 2022 เวลา 10:03 • กีฬา
#SSColumn
ภาพรวมบิ๊ก 6 พรีเมียร์ลีกในตลาดซื้อขายนักเตะที่ผ่านมา
โดย : เบียร์ หลังหนาม
เมื่อช่วงประมาณตี 5 ของวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ตามเวลาของในประเทศไทย ตลาดซื้อ-ขายนักเตะช่วงหน้าร้อนประจำฤดูกาล 2022/2023 ได้ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการเรียบร้อย เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดรอบนี้ถือว่าคึกคักมาก แต่ละทีมต่างก็ยอมทุ่มกำลังเงินสำหรับการเสริมทัพ เพื่อไล่ล่าความสำเร็จ
บทความนี้จะพาทุกท่านไปดูภาพรวมของบิ๊ก 6 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ว่าทีมไหนเสริมใครเข้ามา? เกิดอะไรในตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมาบ้าง? และทิศทางหลังจากนี้ของแต่ละทีมจะเป็นเช่นไร?
1.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อันดับ 6 จากฤดูกาล 2021/2022)
การมาของ ‘เทน ฮาก’ สร้างความเปลี่ยนแปลงแปลงให้กับ ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ เป็นอย่างมาก โค้ชความหวังใหม่ของเร้ด เดวิลส์เริ่มปรับปรุงทีมทันทีตั้งแต่เข้ามารับงาน
เทน ฮากมีรูปแบบและแนวทางในการทำทีมที่ชัดเจน เพียงแต่ว่าขุมกำลังที่เหลืออยู่ของแมนยูฯอาจจะยังไม่ตอบโจทย์นายใหญ่ชาวฮอลแลนด์เท่าที่ควร ผู้เล่นรายแรกที่เข้ามาสู่ทีมในยุคของฮากคือ ‘ไทเรลล์ มาลาเซีย’ กองหลังจากเฟเยนูร์ด ที่ซึ่งฟอร์มการเล่นของเขาในพรีเมียร์ลีกนั้นออกมาได้อย่างน่าดูชม
กองหลังอีกคนที่ฮากดึงเข้ามาคือ ‘ลิซานโดร มาร์ติเนซ’ กองหลังร่างเล็กจากอาแจ็กซ์ เขาเป็นผู้เล่นที่ส่วนสูงน่าเป็นห่วงจนนักวิจารณ์หลายคนออกมาให้ความเห็นว่ามาร์ติเนซไม่เหมาะกับลีกอังกฤษ แต่ท้ายที่สุดมาร์ติเนซก็ทำผลงานดี ๆ ออกมาจนสามารถกลบเสียงวิจารณ์ลงไปได้
ในส่วนของแดนกลาง เทน ฮากได้ ‘คริสเตียน เอริคเซ่น’ เข้ามาแบบฟรี ๆ ฝีเท้าของเอริคเซ่นจัดได้ว่าเป็นระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกวันนี้เขาแทบจะเป็นตัวแบกในแดนกลางของแมนยูฯอย่างสมบูรณ์ ทว่าฮากยังต้องการผู้เล่นแดนกลางในตำแห่นงกลางรับหรือมิดฟิลด์โฮลดิ้งที่สามารถเล่นเป็นตัวเพลย์เมกเกอร์ได้ ซึ่งเป้าหมายหลักของฮากคือ ‘แฟรงกี้ เดอ ยอง’ ศิษย์เก่าที่กำลังค้าแข้งอยู่ที่บาร์เซโลน่า
เรื่องราวของเดอ ยองกับแมนยูฯ ถือเป็นมหากาพย์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตลาดซื้อ-ขายนักเตะที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเทน ฮากและแมนยูฯจะต้องการตัวของแฟร้งกี้ เดอ ยอง มากขนาดไหน แต่เจ้าตัวกลับหลงรักบาร์เซโลน่าสุดหัวใจไปเสียแล้ว เมื่อชัดเจนว่าความสัมพัน์ของแมนยูฯกับเดอ ยองจะไม่เกิดขึ้น เป้าหมายจึงถูกเปลี่ยนไปที่ ‘คาซิเมโร่’ จากเรอัล มาดริดแทน
ส่วนบิ๊กดีลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ตกเป็นของ ‘แอนโทนี่’ จากอาแจ็กซ์ ทัพปีศาจแดงต้องทุ่มเงินถึง 95 ล้านยูโรในการจ่ายค่าตัวปีกขวาบราซิล ตอนนี้เรายังไม่ได้เห็นว่าฟอร์มการเล่นของเขากับแมนยูฯเป็นเช่นไร แต่เชื่อว่าเทน ฮากจะมีวิธีการใช้งานแอนโทนี่ได้อย่างสมราคา
ก่อนที่ตลาดซื้อ-ขายจะปิดลงอย่างเป็นทางการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดดึง ‘มาร์ติน ดูบราฟก้า’ เข้ามาร่วมแจมด้วยอีกคน ซึ่งแน่นอนว่านายประตูอายุ 33 ปีจากนิวคาสเซิ่ล ต้องมานั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรอง เป็นขุมกำลังให้กับแมนยูฯยามฉุกเฉิน
เรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของแฟร้งกี้ เดอ ยองเท่านั้น ยังมีเรื่องของ ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’ ที่เป็นประเด็นใหญ่ไม่แพ้กัน หลังจากที่สตาร์ชาวโปรตุเกสออกมาเรียกร้องขอย้ายทีม เพราะเจ้าตัวอยากเล่นในรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก
แต่ดูเหมือนว่าการย้ายทีมของนักเตะบัลลงดอร์ 5 สมัยจะไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะในเรื่องของค่าตัว ค่าเหนื่อยและอายุของโรนัลโด้นั้น ทำให้หลายทีมต้องพากันคิดหนักสำหรับการดึงตัวเขาเข้าไปอยู่ด้วย ท้ายที่สุดโรนัลโด้ก็ปักหลักกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่อไป
ทิศทางหลังจากนี้
ถึงแม้ว่า 3 นัดล่าสุดในเกมลีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ทั้งหมด แต่การเล่นด้วยกันของนักเตะในทีมยังดูออกมาไม่เรียบเนียนนัก เทน ฮากที่ยังคงยึดมั่นกับแผนการของตัวเอง ต้องใช้เวลาจูนทีมอีกเสียหน่อยเพื่อให้นักเตะคนทุกคนจดจำรูปแบบการเล่นของเขาจนถึงขั้นฝังลึกเข้าไปในเซรีบรัม อีกทั้งหากแอนโทนี่ได้รับโอกาสในการลงสนามเมื่อไหร่ เขาอาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้รูปเกมของทัพปีศาจแดงลื่นไหลขึ้น
2.อาร์เซน่อล (อันดับ 5 จากฤดดูกาล 2021/2022)
ในตลาดช่วงที่ผ่านมา ‘อาร์เซน่อล’ เล่นเกมอย่างเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แต่หมัดแรงใช้ได้ เริ่มจากการได้ตัว ‘แมตต์ เทอร์เนอร์’ ที่บรรลุข้อตกลงกันตั้งแต่เดือนมกราคม ต่อด้วยของเบาอย่าง ‘มาร์ควินญอส’ ดาวรุ่งที่อาร์เซน่อลไปสู่ขอมาจากเซา เปาโล ด้วยค่าสินสอดที่ไม่ได้แพง มาร์ควินญอสเป็นนักเตะที่ฟอร์เก่งใช้ได้ มีโอกาสที่จะสร้างชื่อให้กับตัวเองในอนาคต แต่ตอนนี้ต้องฝึกปรือไปก่อน
ข่าวที่ดูเป็นกระแสแรงในการซื้อนักเตะของทัพปืนใหญ่ เริ่มต้นมาจากการที่ได้ตัว ‘ฟาบิโอ วิเอร่า’ มิดฟิลด์ตัวทำเกมจากเอฟซี ปอร์โต้ น่าเสียดายที่วิเอร่ามีอาการบาดเจ็บในช่วงเวลาที่อาร์เตต้าเริ่มทำทีมสำหรับฤดูกาลใหม่ เมื่อหายเจ็บกลับมาก็กลายเป็นว่าทีมกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มพอดี ทำให้กองกลางชาวโปรตุเกสยังไม่ได้ลงเล่นอย่างเป็นทางการให้กับอาร์เซน่อล
แต่เมื่อดูจากสถิติและผลงานที่ผ่านมาของวิเอร่าแล้ว พูดได้ว่าวิธีการเล่นและฝีเท้าของเขาจะเป็นประโยชน์ให้กับทีมปืนใหญ่เป็นอย่างมาก ขึ้นอยู่กับว่าอาร์เตต้าจะเลือกใช้เขาเมื่อไหร่?
บิ๊กดีลของอาร์เซน่อลในตลาดซื้อ-ขายในฤดูกาลนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘กาเบรียล เชซุส’ กองหน้าบราซิลจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชซุสเป็นคนที่ทำให้เกมรุกของอาร์เซน่อลเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากฤดูกาลก่อน เนื่องจากความเก่งกาจที่ติดตัวเขามาเป็นทุนเดิม บวกกับการที่เขาสามารถเล่นตามแผนของอาร์เตต้าได้อย่างไม่ติดขัด ทำให้ตอนนี้เชซุสเป็นดาวซัลโวของทีมร่วมกับ ‘กาเบรียล มาร์ติเนลลี่’ และ ‘มาร์ติน โอเดนการ์ด’ หนำซ้ำเขายังเป็นคนที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในทีมด้วย จากการแข่งขันในลีกตลอด 5 นัด
นอกจากเซซุสแล้ว อาร์เซน่อลยังได้ ‘ซินเชนโก้’ จากแมนฯซิตี้มาอีกคน ซึ่งซินเชนโก้เป็นผู้เล่นที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ เขาสามารถเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายและกองหลางได้เป็นอย่างดี เกมบุกทางริมเส้นทางด้านซ้ายของอาร์เซน่อลดูอันตรายมากเมื่อมีเขาอยู่ในสนาม
ไม่แน่ใจว่าการที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยอมปล่อยเชซุสกับซินเชนโก้มาให้กับอาร์เซน่อลจะเป็นการเขวี้ยงงูไม่พ้นคอหรือเปล่า?
ทิศทางหลังจากนี้
ขณะนี้ทัพปืนใหญ่แห่งกรุงลอนดอนอยู่ในฟอร์มที่ดีมาก พวกเขาชนะ 5 เกมรวดตั้งแต่เปิดฤดูกาลและกำลังครองตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ ผู้เล่นใหม่สามารถปรับตัวและเล่นกับผู้เล่นเก่าได้หยั่งกับซ้อมกันมานาน ถือว่าอาร์เตต้าทำทีมออกมาได้ดีกว่าที่หลายคนคิดไว้ ถ้าพวกเขาสามารถประคองโมเมนตัมนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง อาร์เซน่อลจะไม่ใช่ทีมที่มาแค่ลุ้นพื้นที่แชมป์เปี้ยนส์ลีก แต่สามารถมองไกลถึงขั้นลุ้นแชมป์ได้เลย
แต่ถ้าจะให้พูดจริง ๆ เรื่องที่ต้องปรับปรุงก็ยังคงมีอยู่ ตอนนี้แดนกลางของอาร์เซน่อลค่อนข้างเสียบอลกันง่ายในจังหวะที่ไม่ควร การจ่ายบอลกันในแดนกลางก็ยังทำกันได้ไม่เสถียร หากอาร์เตต้าไม่ได้มองข้ามและสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ พูดเลยว่าได้ลุ้นกันยาว ๆ
3.สเปอร์ส (อันดับ 4 จากฤดูกาล 2021/2022)
‘อันโตนิโอ คอนเต้’ เดินหน้าเสริมทัพนักเตะต่อยอดจากสิ่งที่เขาก่อร่างสร้างมาในฤดูกาลก่อน การเสริมทัพของ ‘สเปอร์ส’ ไม่ค่อยต่างกับอาร์เซน่อลเท่าไหร่ ถึงแม้จะเสริมตัวผู้เล่นเข้ามามากกว่า แต่ก็ดูเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่หากถามว่าหมัดหนักเหมือนกันหรือเปล่า ข้อนี้ยังไม่กล้าตอบ
สเปอร์สได้ ‘อิวาน เปริซิซ’ ปีกจากอินเตอร์ มิลาน และนายประตูอย่าง ‘เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์’ มาจากเซาแธมป์ตัน แบบฟรี! ถือเป็นดีลที่แสนจะคุ้มค่ามากสำหรับไก่เดือยทอง
จากนั้นสเปอร์สก็เสียเงินครั้งแรกให้กับไบรท์ตัน เพราะต้องการ ‘อีฟส์ บิสซูม่า’ เข้ามาร่วมทีม และดีลที่ใหญ่ที่สุดของสเปอร์สในตลาดนี้คือ ‘ริชาร์ลิซอน’ กองหน้าจอมบวกจาก ‘เอฟเวอร์ตัน’
บิสซูม่าทำได้ดีกับสเปอร์สในนัดแรก แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในขั้นที่หวือหวา ส่วนทางด้านริชาร์ลิซอนก็ยังอยู่ในรูปแบบที่ว่าค่อยเป็นค่อยไป เขามีพัฒาการที่ดีกับสเปอร์ส เชื่อว่าเขาจะสามารถพัฒนากับทีมได้อีกเรื่อย ๆ จนสามารถหาฟอร์มเก่งของตัวเองเจอในที่สุด หลังจากริชาร์ลิซอนแล้ว สเปอร์ก็ยังคงเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง พวกเขาได้แนวรับเพิ่มมาอีก 2 คนคือ ‘เกลม็องต์ ล็องเล่ต์’ ที่ยืมมาจากบาร์เซโลน่าและ ‘เฌด สเปนซ์’ ที่ซื้อมาจากมิดเดิลสโบรห์
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากการลงไปจ่ายตลาดของสเปอร์ส เพราะนอกจากที่กล่าวไปแล้ว พวกเขาได้ทำการซื้อดาวรุ่งเข้ามาเพิ่มเติมอีก...เพื่อหวังว่าจะเป็นอนาคตภายภาคหน้า
ผู้เล่นแต่ละตัวที่สเปอร์สซื้อมามีความสูงอยู่ที่ 180 ขึ้นไป ทำให้เห็นว่าแผนการของคอนเต้นั้นต้องการผู้เล่นที่มีร่างกายที่สูงใหญ่เป็นหลัก เพื่อให้เข้ากับรูปแบบแผนของทีม
ทิศทางหลังจากนี้
ฟอร์มการเล่นของสเปอร์สยังดูไม่เสถียร พวกเขาควรทำได้ดีว่านี้เมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อน การที่ ‘ซน ฮึง-มิน’ ฟอร์มตกลงไปทำให้เกมรุกของทัพไก่เดือยทองดูไม่น่าเกรงขามกว่าที่เป็น ยังดีที่ ‘แฮร์รี่ เคน’ เล่นได้ตามมาตรฐาน อีกทั้งผู้เล่นเก่าคนที่เหลือก็ยังสามารถเล่นได้ตามระบบที่คอนเต้วางไว้ แต่เหล่านักเตะใหม่ยังต้องปรับตัวกับระบบอีกสักหน่อย โดยรวมแล้วถือว่าไม่แย่ แต่ก็ยังไม่ดี หากสเปอร์สต้องการครองพื้นที่ยูฟ่าแชมป์ลีกของตัวเองไว้อีกฤดูกาล คอนเต้ต้องเรียกฟอร์มเก่าของทีมกลับมาให้ได้
4.เชลซี (อันดับ 3 จากฤดูกาล 2021/2022)
เชลซีเป็นทีมที่เข้าตลาดช้ากว่าทีมอื่น ๆ เนื่องด้วยเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเจ้าของสโมสรต้องผ่านหลายขั้นตอน แต่หลังจากที่ปัญหาคาราคาซังผ่านพ้นได้ไป เรียกได้ว่าเชลซีอัดเครื่องแบบเต็มสูบ
นักเตะคนแรกที่เชลซีดึงเข้ามาร่วมทีมคือ ‘ราฮีม สเตอร์ลิ่ง’ จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทางสิงโตน้ำเงินครามคาดหวังว่าราฮีมจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ให้กับเกมรุกของทีมได้ ซึ่งสเตอร์ลิ่งเองก็ทำออกมาได้ไม่เลว แต่ได้ตามคาดหวังหรือยังนั้นเป็นอีกเรื่อง
‘ไคโด คูลิบาลี่’ คือผู้เล่นคนต่อมาที่เชลซีเสริม กองหลังร่างใหญ่จากนาโปลีทำผลงานในลีกได้อย่างยอดเยี่ยม หากได้ขัดเกลาประสบการณ์กับบอลอังกฤษอีกหน่อยจนรู้ทางปืน เขาคนนี้สามารถเป็นกองหลังแนวหน้าของโลกได้เลย
จากนั้นเชลซีก็เดินแผนซื้อนักเตะอย่างต่อเนื่องแบบไม่ขาดสาย ทั้ง ‘มาร์ค คูคูเรญ่า’ แบ็คซ้ายพรสวรรค์จากไบรท์ตันที่ทำผลงานกับเชลซีได้ดีจนแฟนบอลหลงรัก ‘เวสลีย์ โฟฟาน่า’ จากเลสเตอร์ ซิตี้ที่ถือว่าเป็นบิ๊กดีลที่สุดของปี ตามด้วย ‘โอบาเมยอง’ กองหน้าจากบาร์เซโลน่าที่จะมาคอยแก้ปัญหาการจบสกอร์ และคนสุดท้าย ‘เดนิส ซาคาเนีย’ กองกลางที่ยืมมาจากยูเวนตุส ที่จะมาคอยเป็นแบ็คอัพในแดนกลาง
ถ้าตัดดราม่าความงอแงของ ‘ลูกากู’ ออก เรื่องราวที่ทำให้แฟนเชลซีกุมขมับในตลาดซื้อขายครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่พวกเขามักโดนบาร์เซโลน่าซื้อนักเตะตัดหน้าไป! ซึ่งถ้าไม่นับ ‘โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้’ ก็จะมี ‘ฌูลส์ กุนเด้’ กับ ‘ราฟินญ่า’ นี่แหละที่เชลซีพยายามสู้สุดใจเพื่อให้ได้มา แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
ทิศทางหลังจากนี้
เชลซีของ ‘โทมัส ทูเคิ่ล’ ยังทำผลงานได้ไม่ดีนัก ถึงแม้ว่าฟอร์มการเล่นของเหล่าผู้เล่นใหม่จะออกมาดูดีก็ตาม โดยรวมแล้วพวกเขายังมีข้อผิดพลาดอยู่มาก เสียประตูกันง่ายจนเกินไป และที่สำคัญคือไม่สามารถจบสกอร์ได้ในหลาย ๆ ครั้งทั้งที่มีโอกาสจ่อ ๆ การได้ตัวโฟฟาน่าและโอบาเมยองมาในช่วงท้ายของตลาดอาจจะสร้างความแตกต่างจากที่เป็นอยู่ได้ ต้องมารอดูกันอีกที
5.ลิเวอร์พูล (อันดับ 2 จากฤดูกาล 2021/2022)
ดีลแรกของลิเวอร์พูลคือ ‘ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่’ ดาวรุ่งฝีเท้าดีจากฟูแล่ม ซึ่งถ้ามองอย่างผิวเผินแล้ว ในเรื่องของรูปร่างหน้าต่างและเทคนิคการเล่นของเจ้าตัวดูไม่ต่างจากอดีตนักเตะอย่าง ‘คูตินโญ่’ เสียเท่าไหร่ ทว่าเมื่อเทียบรายละเอียดอย่างถ้วนถี่แล้ว คาร์วัลโญ่ดูเป็นผู้เล่นที่สามารถใช้งานได้หลากหลายกว่า แถมเจ้าตัวเองก็ดูเป็นน้ำไม่เต็มแก้วที่ทำให้ ‘เจอร์เก้น คล็อปป์’ สามารถเติมเต็มได้อีกเยอะ
เรื่องราวการซื้อนักเตะในปีนี้ของลิเวอร์พูลจะถูกแฟนบอลหลายคนจับตามองเป็นพิเศษ เพราะการเสีย ‘ซาดิโอ มาเน่’ ไป ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลขาดอาวุธหนักไปโดยปริยาย
‘ดาร์วิน นูนเญซ’ กองหน้าตัวเป้าของเบนฟิก้า คือจอมสังหารตัวใหม่ที่ลิเวอร์พูลซื้อเข้ามาแทนที่มาเน่ เขาถือเป็นบิ๊กดีลของลิเวอร์พูลในตลาดซัมเมอร์ล่าสุด ทว่ากองหน้าค่าตัว 75 ล้านยูโรยังไม่สามารถทำผลงานให้กับทีมได้เท่าที่ควรจะเป็น เพราะเจ้าตัวดันไปอารมณ์ร้อนจนได้ใบแดง จากนัดที่ลิเวอร์พูลเปิดบ้านการมาเยือนของ ‘คริสตัล พาเลซ’ ทำให้นูนเญซต้องพักการแข่งไป 3 นัดติดต่อกัน
แต่โดยรวมแล้วทั้งวิธีการเล่นและฟอร์มของนูนเญซนั้นถือว่าน่าจับตามอง หากเขาพ้นโทษแบนกลับมาเมื่อไหร่ เกมรุกของลิเวอร์พูลจะดูมีมิติมากขึ้นทันที
หลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ได้ ‘คัลวิน แรมซี่ย์’ แบ็คขวาจากอเบอร์ดีน เข้ามาร่วมทัพอีกราย แต่เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บติดตัวมา ทำให้เจ้าหนูแบ็คขวาวัย 18 ปียังไม่มีโอกาสได้โชว์ฟอร์มต่อหน้าแฟน ๆ
ในตอนแรก ‘เจอร์เก้น คล็อปป์’ ประกาศอย่างหนักแน่นว่าเขาจะไม่ซื้อใครอีกในฤดูกาลนี้ แต่แล้วปัญหาใหญ่ก็เกิดขึ้นกับทีม เมื่อเหล่ากองกลางตัวสำคัญพากันเจ็บกันไปยกแผง รวมถึงเสียงเรียกร้องของแฟนบอลที่มาอย่างไม่ขาดสาย สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ตัดสินใจยืมตัว ‘อาร์ตูร์ เมโล่’ กองกลางทักษะดีจากยูเวนตุสเข้ามาอีกรายในวันสุดท้ายก่อนที่ตลาดจะปิดลง!
ทิศทางหลังจากนี้
ลิเวอร์พูลเริ่มต้นซีซั่นใหม่ได้ไม่ดีนัก เนื่องด้วยปัญหาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักหลายราย ผนวกกับว่าฝั่งตรงข้ามเริ่มรู้วิธีการรับมือกับลิเวอร์พูลแล้ว พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้แค่ 2 ครั้งจาก 5 เกมแรกในลีก เชื่อว่าคล็อปป์เองก็คงตระหนักและเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี อยู่ที่ว่าเขาจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไปได้อย่างไร?
เดิมทีลิเวอร์พูลเป็นทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ลิเวอร์พูลควรรำพึงไว้...คือพรีเมียร์ลีกยากขึ้นทุกปี
6.แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (แชมป์จากฤดูกาล 2021/2022)
แชมป์เก่าอย่าง ‘แมนเชสเตอร์ ซิตี้’ เปิดตัวบิ๊กดีลตั้งแต่ต้นตลาด การมาของ ‘เออร์ลิง ฮาลันด์’ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนบอลทั่วโลกเป็นอย่างมาก เราทุกคนแทบจะรู้จักนักเตะคนนี้กันดีอยู่แล้ว และเขาคนนี้ก็ได้ทำในสิ่งที่ทุกคนคิดเอาไว้ ฮาลันด์สร้างความน่ากลัวให้กับทัพเรือใบอย่างทวีคูณ เพียงแค่ลงเล่น 5 นัดแรกของฤดูกาล...ปัจจุบันเขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก
นอกจากปีศาจอย่างฮาลันด์แล้ว แมนฯซิตี้ก็ยังคงเสริมความแข็งแกร็งของทีมโดยการดึงตัว ‘คาร์วิน ฟิลิปส์’ กองกลางจากลีดส์ ยูไนเต็ด , ‘สเตฟาน ออร์เตก้า’ นายประตูจากอาร์มีเนีย บีเลเฟลด์ , ‘เซร์คิโอ โกเมซ’ แบ็คซ้ายของอันเดอร์เลทช์ และคนสุดท้ายอย่าง ‘มานูเอล อคานยี่’ กองหลังจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
แต่ถ้าให้นับนักเตะควันหลงอีกคนอย่าง ‘จูเลี่ยน อัลวาเรซ’ เข้าไปด้วยก็คงได้ เพราะรายนี้เรือใบซื้อเอาไว้ตั้งแต่ฤดูกาลก่อน แต่ก็เพิ่งมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดซัมเมอร์นี้เริ่มต้นไปพร้อมกับนักเตะใหม่คนอื่น ๆ
ถึงแม้ว่าตัวผู้เล่นที่เสริมเข้ามาจะดูจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับบางทีม แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเต็มไปด้วยคุณภาพแบบจัดเต็ม และในการที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ปล่อยนักเตะคนสำคัญหลายคนออกจากทีมไปในตลาดนี้ มันไม่ได้ทำให้พวกเขาลดความแข็งแกร่งของตัวเองลง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังคงเป็นทีมที่เอาชนะยากอยู่เสมอ
ทิศทางหลังจากนี้
ถึงแม้จะมีเกมที่พลาดท่าเสมอจนเสียแต้มไปบ้าง แต่ฟอร์มการเล่นในสนามของทัพเรือใบยังคงร้อนแรงไม่ต่างฤดูกาลก่อน เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ทุกอย่างดูเป็นระบบระเบียบและเข้าตาไปเสียหมด ว่ากันตามตรง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังคงเป็นตัวเต็ง 1 ในการคว้าแชมป์ลีกอยู่
เหล่าสโมสรบิ๊ก 6 ล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกัน ทว่าทีมอื่น ๆ ที่ยังไม่ถูกกล่าวถึงก็คิดไม่ต่างจากพวกเขา เพราะในตลาดซัมเมอร์ล่าสุด เหล่าสโมสรที่มองว่าเป็นทีมเล็กต่างก็เสริมทัพได้อย่างน่าดูชม บางสโมสรถึงขั้นเริ่มทำลายสถิติค่าตัวนักเตะที่แพงที่สุดของทีม เราจะเห็นได้ว่าการแข่งขันมันสูงทุก ๆ ปี ...ไม่แน่นะ ปีหน้าบิ๊ก 6 อาจจะเปลี่ยนหน้าก็ได้
SoccerSuck พร้อมนำเสนอรายการที่ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล!
ผ่านทุกช่องทางของ SoccerSuck TH แล้วที่
สนใจติดต่อโฆษณา
Tel. 065-4695416 (คุณหวา)
โฆษณา