4 ก.ย. 2022 เวลา 13:44 • การ์ตูน
EP : 587 (Repost)
เพื่อนน้อยต่างดาว นารุทารุ (Shadow Star)
“คำเตือน” ใครเบื่อน้ำ อยากเข้าเนื้อหาวิ่งไปหาคำว่า “เริ่ม” ได้เลยนะครับ ณ จุดจุดนี้ผมจะพาไปพบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ก่อนเข้าเนื้อหาครับ หาใจความสำคัญไม่ได้นะครับ แต่หากใครมีเวลาว่าง จะอ่านดูก็ได้นะครับ ผมเชียร์ครับ 5555
ในแวดวงหนังสือการ์ตูนสำหรับผม มันจะมีคำพูดอยู่พวกนึงที่ไว้อธิบายหนังสือการ์ตูนบางประเภทให้เข้าใจง่ายๆในเบื้องต้น ... “ไม่ตรงปก” ก็คือหนึ่งในคำพูดเหล่านั้นครับ สำหรับผมคำว่า “ไม่ตรงปก” นี้หมายถึงการ์ตูนประเภทนึงที่มีเนื้อหาตรงกันข้ามกับหน้าปกที่เห็น เพราะมันมีบ่อยครั้งที่หน้าปกแบบนึงพอเปิดเข้ามาเนื้อหากับแตกต่าง ตรงกันข้ามกันไปเลย
โดยส่วนตัวเวลาผมใช้คำว่า “ไม่ตรงปก” กับการ์ตูนที่ผมอ่านหรือรีวิว จะหมายถึง เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหา “รุนแรง” กว่าภาพที่ผมเห็นในหน้าปก ซึ่งบ่อยครั้ง “ไม่ตรงปก” ที่ว่าจะเป็นการ์ตูนที่มีความรุนแรงโดยมีตัวละคร “เด็ก” เป็นคนดำเนินเรื่องครับ
และหนึ่งในการ์ตูนที่ “ไม่ตรงปก” ที่เคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้าง แต่ผมก็ยังมาหาอ่าน(ครบ) ไม่ได้ซักที เป็นหนึ่งในการ์ตูนที่ผม “อยากอ่าน” มาก(ที่สุด) เรื่องนั้นก็คือ ผลงานของ อ. โมฮิโระ คิโท เรื่องนี้ครับ “เพื่อนน้อยต่างดาว นารุทารุ”
“เพื่อนน้อยต่างดาว นารุทารุ” เป็นผลงานเรื่องที่ 2 ของ อ. โมฮิโระ แต่เป็นเรื่องแรกที่ได้มีจัดพิมพ์ผลงานของ อ. ในบ้านเรา ซึ่งงานของ อ. ในบ้านเรานี้เท่าที่ทราบผมว่ามีไม่เกิน 2 เรื่องนะครับ(หากผิดต้องขออภัย ใครแนะนำเรื่องอื่นได้วานบอกครับ) แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ผลงานแรกที่ผมหามาอ่านได้ เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยหาผลงานเรื่องที่ 2 ที่ได้จัดพิมพ์ในไทยมาก่อนแล้ว
อย่างเรื่อง “โบกุราโนะ สงครามหุ่นหายนะ (EP:359)” มาอ่านแล้วนั่นก็ทำให้ผมรู้จักงานของ อ. ว่ามันมีปมโหดร้ายแค่ไหน กับเรื่องราวของเหล่าเด็กสิบกว่าคนที่ต้องพลัดกันมาขับหุ่นยนต์เพื่อต่อสู้กับหุ่นยนต์ฝ่ายตรงกันข้ามโดยมีโลกของเราเป็นเดิมพัน ...เพียงแต่
ทุกครั้งที่ขับเสร็จ เด็กที่ขับก็จะต้องเสียชีวิตลงทุกครั้ง ทำให้เด็กแต่ละคนไม่กล้าที่จะขับมัน ..การ์ตูนที่หยิบพล็อตเรื่องแนวฮีโร่ที่พวกเราในวัยเด็กจนถึงโตก็เคยคิดไว้ว่าหากวันนึงได้มีโอกาสขับหุ่นยนต์พิทักษ์โลกก็ยังดีอย่างนี้ อ. ยังเอามาเล่นซะดาร์กและดราม่าสุดๆ ได้..เรื่องนั้นจึงทำให้ผมยิ่งอยากหาเรื่องนี้มาอ่านเป็นอย่างมากครับเพราะมั่นใจในแนวทางของ อ. เขาว่ามันต้องใช่สำหรับเราแน่นอน
ก่อนอ่านเรื่องนี้ผมตั้งความหวังไว้ว่าอย่างไรนะเหรอครับ ... สิ่งที่ผมอยากเจอในเรื่องนี้ก็คือเนื้อหาหนักๆ กับปมปัญหาที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวละคร เรื่องราวที่หักมุมและตอบจบที่จะทำให้ผมตกตะลึง.... ผมคาดหวังเรื่องนี้ไว้ประมาณนี้ครับ ผมคิดว่ามันไม่น่าหนีจากนี้ไปได้เพราะถ้ามองจากงานเรื่อง “โบกุราโนะ” แล้วเรื่องนั้นผมพอใจมากกับภาพรวมของเนื้อหาที่ทำให้ผมมีอีกแง่มุมของการ์ตูนแนวหุ่นยนต์กู้โลก
เพราะฉะนั้นสำหรับ “เพื่อนน้อยต่างดาว นารุทารุ” ที่หลายๆคนบอกว่าอ่านแล้วเครียดไปเลยนั้นมันก็สร้างความคาดหวังให้กับผมได้เป็นอย่างดีครับ
ก่อนจะเข้าเนื้อหาการรีวิวหลัก ต้องบอกก่อนนะครับว่าการรีวิวอาจมีการสปอยเนื้อหา ถ้าใครกลัวเรื่องสปอยอย่าเพิ่งอ่านนะครับ หาอ่านก่อนแล้วค่อยมาคุยกันอีกที และนี่คือความเห็นส่วนตัวผมนะครับ การตีความหรือเล่าก็จากมุมมองผม อาจจะถูกอาจจะผิดหรือไม่ตรงกับที่แต่ละคนเข้าใจบ้างก็ต้องขออภัยนะครับ
“เริ่ม”
.“ชิอินะ” เด็กสาว ป.6 ที่แสนซุกซน เธอเป็นเด็กสาวแก่นๆ ที่เก่งไม่ต่างจากเด็กผู้ชาย ด้วยเธอต้องอยู่กับพ่อของเธอที่มีอาชีพเป็นนักบินเอกชน แค่สองคน ทำให้เธอต้องเป็นคนดูแลพ่อของเธอมากกว่าพ่อดูแลเธอ ซึ่งเธอก็ทำหน้าที่ได้เกินเด็กไปมาก และฤดูร้อนเทอมนึง เธอได้เดินทางกลับไปหาปู่ที่บ้านนอกซึ่งตั้งอยู่บนเกาะห่างไกล ที่การเดินทางไปยังที่นี่ต้องนั่งเครื่องบินไปเท่านั้น ที่นี่เธอได้ใช้ชีวิตอันแสนซนและไม่กลัวใครตามฉบับของเธอ
... แต่วันนึง ขณะที่เธอกับเพื่อนๆบนเกาะพากันไปว่ายน้ำที่ทะเล อยู่ๆ เธอก็สนใจกับเสาโทริที่ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งในทะเลไประดับนึง ซึ่งผู้ใหญ่ห้ามเด็กๆว่ายไปถึงจุดนั้นเพราะมันไกลสำหรับเด็กเกินไป
... แต่สำหรับ ชิอินะ แล้ว คำพูดของผู้ใหญ่ไม่ใช่อะไรที่เธอต้องใส่ใจนัก เพราะขนาดพ่อของเธออายุตั้งเท่าไหร่ เธอยังดูแลพ่อแทนแม่ได้เลย เพราะฉะนั้นแค่ว่ายไปยังจุดเสาโทริกลางทะเลนั้นจะเป็นอะไรไป และก็ตามนั้นเธอสามารถไปถึงเสาโทรินั้นได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร ...แต่ขณะที่เธอกำลังยิ้มกับความสามารถในด้านการว่ายน้ำของเธออยู่นั้น อยู่ๆ เธอก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ใต้น้ำ..เธอจึงดำลงไปตามความรู้สึกนั้น...และใต้ทะเลจุดนั้นเธอพบกับบางสิ่ง ... บางสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล...
“เพื่อนน้อยต่างดาว นารุทารุ” แตกต่างจากที่ผมคิดเอาไว้พอสมควรครับ สิ่งแรกที่ต่างจากที่ผมคิดไว้ก็คือ เรื่องนี้เลี้ยง “ปม” ของปัญหาไว้นานมาก ทั้งจังหวะและการเล่าเรื่องเป็นอะไรที่ปล่อยไหลกว่าที่ผมคิด ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนอ่าน “โบกุราโนะ” มากๆครับ เพราะเรื่อง “โบกุราโนะ” นั้นมันถูกกำหนดเรื่องราวการนำเสนอเอาไว้แล้วว่า ทุกการขับต่อสู้หนึ่งครั้ง เท่ากับ ตายหนึ่งคน
นั่นทำให้พอเรื่องเล่าเนื้อหาในส่วนแรกเพื่อให้รู้ว่าพวกเด็กต้องทำอะไรเสร็จ การเล่าก็จะมีสไตล์ที่ชัดเจนก็คือ จะมีเนื้อหาในส่วนเล่าถึงปมดราม่าของเด็กคนที่จะขับในตอนต่อไปก่อน (หรือหลัง) ก่อนที่จะเป็นศึกต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามและตายไป ซึ่ง อ. ใช้วิธีเล่าที่ตายตัวอย่างนี้ทำให้เราเข้าใจในจังหวะในการเล่าเรื่องและทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวในการรับมือกับเนื้อหาที่เรากำลังอ่านได้ระดับนึงครับ ....
แต่ “นารุทารุ” ไม่ใช่แบบนั้นครับ เพราะด้วยเรื่องนี้ซ่อนเนื้อหาและสิ่งที่ต้องการเล่าเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ทำให้เราไม่รู้ว่าสุดท้ายปลายทางมันจะออกมาทางไหนกันแน่ เรื่องเลือกจะเลี้ยงปมไปเรื่อยๆ และเลือกที่จะเล่าดีเทล์สิ่งต่างๆ รอบตัวของเด็กๆที่เกี่ยวข้องแทน โดยแทรกความโหดร้ายที่ตัวละครแต่ละตัวต้องเจอมากน้อยแล้วแต่บทบาท ก่อนที่จะเริ่มทำการ “คัดตัวละครที่ไม่สำคัญออก”
ด้วยภาพความรุนแรงและเหตุการณ์สะเทือนใจระดับนึง ก่อนที่จะพาเราเรื่อยเปื่อยกับเนื้อหารายละเอียดส่วนอื่นๆต่อ รอให้เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไร ก็วกพาเราไปเจอปัญหาที่สำคัญต่อไป เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ผมรู้สึกว่า คาดหวังอะไรค่อนข้างลำบาก ไม่อาจเอาสิ่งที่เคยเจอใน โบกุราโนะ มาใช้ได้
พอเจอการเล่าและวิธีการเล่าแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกไม่เข้าใจว่า อะไรคือปมหรือสิ่งที่ต้องการจะบอก อะไรคือปัญหาของเรื่องราวในเรื่องนี้ อะไรคือความอันตรายที่แท้จริง เพราะหากมันเป็นหนังเรื่องนึง
ผมแค่เดาไม่ถูกว่าใครคือผู้ร้ายตัวจริง และคนที่เราเห็นว่าร้ายๆ จริงๆแล้วเขาร้ายอย่างนั้นไหม หรือจริงๆ แล้วสไตล์คนร้ายคนนี้มันเป็นอย่างนี้นะแหล่ะมันไม่มีอะไรมาก .... เรียกว่าผมแทบเดาทางไม่ถูกว่าจังหวะไหนเรื่องราวจะพาเราไปเจอสิ่งที่ผมอยากไปเจอซักที ..ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ผมก็มีแอบเนือยกับวิธีการเล่าแบบนี้ของเรื่องนี้อยู่บ้างครับ
ในเรื่องนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า “มังกรและลูกมังกร” เป็นไอเท็มพิเศษที่ติดตัวเด็กกลุ่มนึงอยู่นะครับ ตัวตนของพวกเขาที่ผูกติดกับเด็กกลุ่มนึงโดยเลือกจากอะไรบางอย่าง ทำให้เด็กกลุ่มนี้มีพลังพิเศษเสมือนได้อาวุธอันยิ่งใหญ่มาไว้อยู่ในมือ แต่ในกลุ่ม “สิ่งเหล่านั้น” ก็มีการแบ่งออกเป็น ระดับลูกมังกร และ มังกร ครับโดยในเรื่องเราจะเห็นว่า เจ้าตัวที่อยู่กับ ชิอินะ นางเอกเรา เป็นเพียง “ลูกมังกร” แม้จะมีพลังในการทำหลายๆสิ่ง แต่ไม่อาจเทียบเท่ากับเหล่า “มังกร” ได้ครับ
ในเรื่องสร้างความคุมเครืออะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทั้งหมด, ทำไมบางคนได้เป็นลูกมังกร บางคนได้มังกร หรือ ทำอย่างไรให้ลูกมังกรเป็นมังกร..สิ่งที่เห็นชัดเจนได้มากที่สุดก็คือ ลูกมังกรจะมีขนาดตัวที่เล็กคล้ายปลาดาวขนาดใหญ่เท่าสุนัทตัวนึง ในขณะที่ “มังกร” จะมีรูปร่างไม่ตายตัวแต่มีขนาดใหญ่เท่าหรือมากกว่าคนเราทั่วไป นั่นคือสิ่งที่ในเรื่องได้บอกเกี่ยวกับมังกรไว้ได้เคลียร์ที่สุดครับ
เรื่องนี้ผมว่า อ. พยายามทำอะไรที่ขัดกับความต้องการของคนอ่านหลายๆอย่างนะครับ อย่างในเรื่องของมังกร ด้วยปกติเราอ่านการ์ตูนสายนี้มา เราจะมีความ “คาดหวัง” ในลูกมังกรของนางเอก ว่าจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ไว้หยุดยั้งพลังของอีกฝ่าย
หรือ วันนึง จากลูกมังกร มันจะกลายเป็นมังกรที่ทรงพลังและพลิกสถานการณ์จากจะแพ้ให้เป็นชนะ ..... นั่นเป็นเรื่องราวปกติทั่วไปแนวนี้ครับ ... แต่เรื่องนี้ไม่เป็นอย่างนั้นครับ... เหมือน อ. จะบอกว่าในความเป็นจริงมันคงไม่ได้มีอะไรสมหวังดังต้องการหรอกนะ ... จะบอกว่าความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าให้เราหงุดหงิดในเรื่องนี้ครับ
แม้พล็อตของเรื่องนี้จะใช้มังกรและเหล่าลูกมังกรเป็นตัวเรียกความสนใจให้ดูว่ามีสิ่งพิเศษอยู่ในเรื่องนี้ แต่สิ่งสำคัญของเรื่องนี้ก็คือการเล่าเรื่องราวของเด็กๆ ที่มีเหล่ามังกรหรือลูกมังกรเหล่านี้ติดตัว ว่าเขาต้องเจออะไรมาบ้าง โดยส่วนน้อยที่เขาจะฉายให้เห็นชะตากรรมของตัวละครที่ต้องเจอเรื่องร้ายๆเมื่อมีมังกรนะครับ แต่เรื่องกับฉายสิ่งหนักๆ ไปลงที่ตัวเด็กที่มังกรซะมากกว่า โดยหากลบมังกรหรือลูกมังกรออกไป เรื่องนี้คือเรื่องราวชะตากรรมอันน่าเห็นใจของเด็กๆกลุ่มนึงมากกว่าครับ
อย่างที่ผมบอกครับว่าผมคาดหวังว่าจะได้เห็นดราม่าหนักๆจากเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนได้อ่าน พอเจอวิธีการเล่าที่ค่อยๆเล่าไปเรื่อยๆและจับจุดไม่ได้อย่างนี้ผมค่อนข้างได้อะไรที่ไม่ตรงใจนัก เลยต้องปรับอารมณ์และเปลี่ยนความตั้งใจในการอ่านมาเป็นค่อยๆคิดตามว่าเรื่องนี้ต้องการจะบอกอะไรและตั้งใจอ่านสิ่งที่เรื่องกำลังเล่าอยู่ ณ ตอนนี้ครับ
ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่มีดราม่าหนักๆ หรือเรื่องสะเทือนใจให้ผมอ่านนะครับ เพราะเรื่องที่ว่ามันค่อยๆมาพร้อมกับตัวละครเด็กๆ ครับ ปัญหาใหญ่ของคนอ่าน พ.ศ. นี้หรือคนที่อ่านการ์ตูนมานานแล้วจะมีปัญหาในเรื่อง “เริ่ม” รู้สึกว่าเราได้เห็นความรุนแรงจากการ์ตูนเรื่องอื่นมาเยอะ
เลยเริ่ม “เฉยชาหรือชินชา” กับความรุนแรงที่แต่ละเรื่องใส่มา... อันนี้เป็นกันหรือเปล่าครับ .. ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่าในตลาดการ์ตูนบ้านเรา มีหนังสือที่มีภาพและความรุนแรงทางเนื้อหามากชึ้นเรื่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเรื่องพวกนี้อยู่ในหนังสือการ์ตูนซักเรื่องใช่หรือเปล่าครับ .. แตกต่างจากตอนที่สมัยยุค 90 หรือ 2000 ต้นๆ ที่ความรุนแรงที่ใส่ในหนังสือการ์ตูนนั้นยังไม่มีหรือมีน้อย
หรือพยายามสื่อสารทางภาพให้มันไม่รุนแรงมาก อาจด้วยสมัยนั้น “ดราม่าแรงๆ” ยังไม่เป็นที่นิยมในหนังสือการ์ตูน กลุ่มแฟนๆยังไม่ได้ต้องการอ่านพวกนี้ และสภาพสังคมยังรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้.... ผิดกับปัจจุบันมากๆใช่ไหมครับ
นั่นเลยเป็นปัญหาสำหรับผมในการอ่านเรื่องนี้ที่เขียนออกมาในปลายยุค 90 เรื่องนี้ครับเพราะหากวัดกันที่ความรุนแรงของเนื้อหาหรือดราม่าหนักๆในเรื่องนี้นั้น ถ้าเป็นช่วงนั้นผมว่า “รุนแรง” จนถึง “จิตตก” ได้เลยถ้าเป็นคนอ่อนไหว แต่พอมาอ่านในปี 2021 เช่นนี้แล้ว สิ่งที่เห็นอยู่ในเรื่องนี้ มันถูกลดทอนลงด้วยความปกติที่เราได้เห็นเนื้อหาการ์ตูนที่เล่นพวกนี้มาเยอะมากพอแล้วนั่นแหล่ะครับ
... นั่นทำให้เรื่องนี้มีความรุนแรงที่อยู่ในระดับที่พวกเราคนอ่านในตอนนี้.. คุ้นชินระดับนึงแล้วครับ.... น่ากลัวหรือเปล่าครับที่พูดว่าพวกเราคุ้นชินกับความรุนแรงที่อยู่ในหนังสือการ์ตูนแบบนี้ !!!
เอาเข้าจริงความรุนแรงที่ปรากฎอยู่ในเรื่องนี้ผมว่าเป็นปัญหาที่พวกเราเคยได้อ่านมาบ่อยๆแล้ว อาจไม่แปลกใจกันเท่าไหร่ เพราะเรื่องราวที่หยิบมาเป็นปมหรือดราม่าความรุนแรง มันเล่นสิ่งที่เป็นพื้นฐานของมนุษย์นั่นคือ เด็กและครอบครัว ครับ ซึ่งเกือบทั้งหมดของตัวละครที่เป็นคนที่ครอบครอง “เหล่ามังกร” เป็นเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัวหรือส่วนตัวไม่มากก็น้อย
... แม้แต่ตัว “ชิอินะ” นางเอกของเราที่เราจะ “ชิอินะ” นั้นเข้าไม่ได้หรือไม่โอเคกับการที่ต้องเจอกับแม่ของเธอเลย แม้แม่ของเธอจะไม่ได้ทำร้ายหรือมีประวัติในอดีตที่ทำให้เธอต้องเจ็บมาให้เห็นก็ตาม แต่มันคือการไม่โอเคกับการที่ไม่ได้มี “แม่” ของเธออยู่ในชีวิตของเธอเลยต่างหาก
..ซึ่งประเด็นนี้ผมชอบนะที่เรื่องพยายามสื่อสารให้เราเห็นว่า แม่ของเธอที่มีตำแหน่งเกี่ยวข้องกับในเรื่องนี้นั้นให้ความสำคัญกับงานของตัวเองมาก..แม้จะมากกว่าความใส่ใจที่ให้กับ อิชินะ ก็ตาม แต่ท้ายสุดสุดท้ายเรื่องก็ได้บอกให้เราได้เข้าใจว่า “เพราะอะไร”
ปมเด็กที่มีปัญาจากครอบครัวในเรื่องนี้มีมาให้เห็นกันทุกคนครับ อาจเป็นเพราะแบบนี้เรื่องนี้จึงใช้เวลาเล่าเกี่ยวกับดราม่าของแต่ละคน “มาก” กว่าที่จะแสดงให้เห็นพลังของ “เหล่ามังกร” นั่นทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องนี้นั้นประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ “เหล่ามังกร”
แต่มันยังคงอยู่ที่ตัวเด็ก เหล่าตัวเอกในเรื่องเช่นเดิมตามสไตล์ของงาน อ. ..... แต่โดยส่วนตัวผมว่าประเด็นดราม่าของเด็กในเรื่องก็ยังทำออกมาได้สะเทือนใจคนอ่านเช่นเดิมนะครับ แม้จะดูมีพลังน้อยลงเพราะถูกปั่นทอนด้วยความรุนแรงที่เห็นได้ทั่วไปในตลาดการ์ตูนตอนนี้ก็ตาม
..เพราะยังไงมันก็ยังเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเด็กเล็ก(แม้ขาจะยาวมาก555) และเรื่องนี้ก็ใส่ประเด็นต่างๆเข้ามาให้เด็กต้องเจอครบถ้วนตามที่ควรเจอนะครับ ...ประเด็นเกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์ของครอบครัวหรือการเลี้ยงดูที่มากหรือน้อยไป...ประเด็นการกลั่นแกล้งในชั้นเรียน รวมถึงการเพิกเฉยของเพื่อนๆในชั้น.....ประเด็นเพศในช่วงวัยที่เริ่มจะเป็นวัยรุ่น
...หรือที่สำคัญสำหรับชีวิตเด็กๆ ก็คือ “เพื่อน” ในเรื่องนี้ใส่พวกนี้เข้ามาให้เราเห็นเต็มๆ ครับ แต่ก็อย่างที่บอกแหล่ะครับ เรื่องนี้ไม่ได้โหมทุกอย่างเข้ามาในจังหวะเดียวกัน แต่เลือกที่จะค่อยๆ ปล่อยมาให้เห็นทีละประเด็น ของแต่ละคน พอถึงจุดที่ควรจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้จบ เนื้อเรื่องก็จะพาไปถึงจุดนั้นอย่างไม่ชักช้า พอจบตรงส่วนนี้เรื่องก็จะเบาเครื่องลงและนำพาไปสู่มูลเหตุถัดไป ในแง่มุมนึงเรื่องนี้จึงไม่ได้ถึงกับบีบคั้นหรือกดดันเรามากเกินไปครับ
นอกจากที่ผมรู้สึกว่า เรื่องนี้ อ. เซ็ทเอาไว้ในสิ่งที่อยากจะเล่าและไม่คิดจะไปทำตามที่คนอ่านอยากอ่านหรือต้องการ(ตามตลาด) แต่เน้นที่ความต้องการของตัวเองเป็นหลักนั้น เรื่องนี้ยังแกล้งและสร้างความสับสนให้กับคนอ่านอย่างเราๆ ด้วยคำพูดของตัวละครครับ
... ที่ผมสังเกตุได้ก็คือ อ. จะชอบเรียกตัวละคร ด้วยชื่อและนามสกุล สลับไปมาครับ ทำให้ถ้าเราไม่แม่นเรื่องชื่อและนามสกุลของตัวละครเราจะสับสนว่าเขากำลังพูดถึงใคร รวมถึงช่องคำพูดหลายๆครั้ง อ. จะใช่ช่องกลมในการใส่ตัวอักษรโดยไม่มีหางเสียงชี้ไปว่านี่คือคำพูดของใคร ทำให้เราสับสนอยู่บ่อยๆว่าคำพูดนี้เป็นคำพูดของตัวละครตัวไหน
แม้เราจะตามอ่านอยู่และคิดว่าเราไม่น่าหลุดหรือน่าจะเข้าใจว่าเป็นคำพูดของตัวละครนี้ แต่ด้วยเนื้อหาออกแนวไม่แคร์สังคมแบบนี้ บ่อยครั้งที่ตัวละครไม่ได้พูดอย่างที่เราเข้าใจ นั่นทำให้หลายๆครั้งผมไม่แน่ใจว่าใครกำลังพูดเรื่องนี้อยู่ ครับ....
แม้ตัวดราม่าในเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่หรือสร้างอิมแพ็กระดับสุดยอดให้กับเราแต่ก็ยังเป็นดราม่าที่ผมอ่านในเรื่องนี้แล้วก็สะเทือนใจนะครับ มันมีความแรงและความรู้สึกเห็นใจในโชคชะตาที่พวกเธอได้เจอ ในขณะเดียวกันในเรื่องของฉากการต่อสู้หรือฉากที่เห็นเลือดเห็นเนื้อ เรื่องนี้ก็สื่อสารออกมาได้ดีนะครับ
แม้จะมีไม่เยอะ แต่ออกมาแต่ละครั้งผมว่าใช้ได้เลยนะไม่ว่าจะเป็นระหว่าง มังกรกับมังกร หรือมังกรกับคนทั่วไปหรือกองทัพ ผมว่าวาดและสื่อสารออกมาได้สนุก ส่วนฉากไหนที่ต้องดาร์ก ก็ทำได้ดีครับ ซึ่งน่าเสียดายสำหรับผมเพราะผมอยากเห็นฉากพวกนี้เยอะๆ ไม่แพ้การเล่าเรื่องดราม่าของแต่ละคนเลยครับ
สิ่งที่ผู้อ่านทุกคนคงจะรู้สึกหงุดหงิดซักหน่อยคงเป็นเรื่องของทัศนะคติหรือสิ่งที่ตัวละครเป็นหรือเลือกกระทำนะครับ ด้วยในเรื่องนี้วัยของตัวละครก็คือเด็ก มันเลยมีอะไรที่ดูขัดหูขัดตากับการเลือกหรือไม่เลือกกระทำบางอย่าง แต่ทุกสิ่งเท่าที่ผมเห็นมันอยู่บนพื้นฐานความเป็นเด็กจริงๆ รวมถึงเรื่องราวความรัก ชีวิตที่กำลังเปลี่ยนจากเด็กเป็นวัยรุ่น จากเด็กผู้หญิงไปเป็นเด็กสาวที่พร้อมจะเจริญพันธุ์และมีเรื่องทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้องตามช่วงวัยครับ
แม้ในเรื่องนี้การแสดงออกเรื่องเพศจะไม่เน้นพวกนี้มากนัก แต่ทุกครั้งที่มันออกมาจะต้องนำพาไปสู่เรื่องใหญ่ๆบางอย่างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นความตาย หรือการก่อกำเนิดชีวิตอื่นๆ หรือแม้แต่การถูกกระทำชำเลาจากพวกผู้ใหญ่ จนผมรู้สึกว่า ฉากการมีเซ็กส์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดในเรื่องก็ตามมันถูกใช้แทนการเปลี่ยนผ่านไปสู่บางสิ่ง หรือเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของบางอย่าง ในมุมมองของผมนะ
จากที่พิมพ์มาให้อ่านกันจะบอกว่าตอนที่ผมอ่านด้วยความที่เรื่องมันดึงเนื้อหา ดึงอารมณ์และเล่าแต่ในสิ่งที่อยากเล่า โดยไม่คิดถึงความต้องการของผมที่อยากเห็นอยากอ่านอะไรหลายๆอย่างในเรื่องนี้ มันก็มีอยู่หลายครั้งที่ผมรู้สึกอึดอัดกับการอ่านเรื่องนี้ ด้วยความรู้สึกว่ามันไม่พีคซักทีครับ แม้จะมีจุดเกือบพีคอยู่หลายจังหวะที่ทำออกมาได้ดี แต่เหมือนเขาพาเราจะขึ้นดอย
แต่พอถึงจุดพักรถเกือบถึงยอดดอย คนขับก็พาลงวนอยู่อย่างนั้น และก็พาขึ้นไปอีกแล้วก็พาลงมาอีกไม่พาไปถึงยอดเขาซักกะที จนผมเกิดความสงสัยอยู่เสมอว่า ด้วยจำนวนเล่มที่จะจบอยู่เล่มสองเล่มนี้แล้ว ผมยังไม่ได้เห็นการปะทะใหญ่ๆของสองขั้วกันซักที แถมตัวละครก็เจอโศกนาฏกรรม และเจอชะตากรรมที่น่าสงสารหนักไปแล้วขนาดนี้ทำไมเรื่องยังดูไม่เหมือนพาไปสงครามครั้งสุดท้ายเลย นี่มันเล่มสุดท้ายแล้วนะ ...
เมื่อผมคิดอย่างนั้น พร้อมกับการเริ่มอ่านไปที่เล่มสุดท้ายแล้วผมก็ได้เริ่มเจอกับคำตอบว่าทำไมเรื่องนี้หลายคนถึงพูดกันนัก...แต่มันก็ยังไม่ทำผมอึ้งพอกับบทตอนท้ายและท้ายสุดที่รวบทุกอย่างเอาไว้ด้วยกัน...พร้อมกับความรู้สึกอึ้งและคำถามครับ
...ผมต้องบอกว่าเรื่องนี้รวบทุกอย่างเอาไว้ในตอนจบได้อย่างไม่น่าเชื่อครับ ... ผมไม่ค่อยเจอวิธีการเล่าแบบนี้ กับตอนสุดท้ายแบบนี้ที่สรุปทุกอย่างในตอนเดียว เรียกว่า ตอนสุดท้ายมันคือความพีคของความพีคที่บอกเล่าว่าทำไมเราถึงต้องอ่านเรื่องนี้จนตอนสุดท้าย ห้ามทิ้งกลางคันไม่อย่างนั้นที่อ่านมาทั้งหมดคุณจะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเรื่องนี้ถึงเป็นหนึ่งในการ์ตูน “ไม่ตรงปก” ของเหล่านักอ่านการ์ตูนแนวนี้ครับ
ผมไม่เชียร์ให้ใครไปอ่านตอนจบมาก่อนนะครับ เรื่องนี้ควรอ่านมาเรื่อยๆ ตามบทของมันมันจะให้ผมดีที่สุดครับ ห้ามลัดคิว ห้ามไปยุ่งกับตอนจบ ไม่อย่างนั้นความสนุกของคุณมันจะหมดลงไปทันทีครับ ผมมั่นใจว่าหากคุณไม่รู้ตอนจบมาก่อนแล้วอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนต้น พอถึงตอนท้ายแล้วอ่านจบ คุณจะเข้าใจความรู้สึกเหมือนกับที่ผมรู้สึก เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก็เป็นอีกเรื่อง แต่ห้ามรู้ก่อนนะครับ ใครเฉลย ตบแหมร่งครับ
อีกเรื่องนึงที่ผมชอบมากๆก็คือ แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกของ อ. เขาแต่เรื่องภาพวาดและลายเส้นนี้ผมบอกว่างานโครตชอบเลย วาดโดนใจให้ความรู้สึกที่ตรงกับเนื้อหา แม้สัดส่วนมันจะดูแปลกๆ อย่างขายาวซะขนาดนั้น ก็ตาม รวมถึงมีปัญหาเรื่องวาดหน้าตาหลายตัวละครที่คล้ายกันเกินไปแยกลำบาก แต่เรื่องการออกแบบทั้ง เหล่ามังกร และวาดฉากรวมถึงอาวุธสงคราม เครื่องบิน หรืออะไรที่เป็น SF นี้ผมว่า อ. ทำได้ดีมากนะครับ โดยเฉพาะการออกแบบเหล่ามังกรผมว่ามีเสน่ห์มากๆครับ
“เพื่อนน้อยต่างดาว นารุทารุ” เป็นการ์ตูนที่จบตั้งแต่ปี 2003 ในบ้านเรา สยามอินเตอร์คอมมิค เป็นผู้จัดจำหน่าย มีทั้งหมด 12 เล่มจบครับ และต้องบอกว่าหากใครอยากอ่าน คุณต้องใช้ความพยายามหน่อยนะครับ แต่ถ้ามีเงินเยอะมากพอมันอาจจะช่วยลัดคิวให้คุณได้เจอเรื่องนี้ก็ได้
เพราะตามหน้าหนังสือเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการ์ตูนป๊อปหรือสายหลักอะไรที่จะสร้างยอดขายจำนวนมากครับ เรื่องนี้ยอดขายไม่ดีนัก ด้วยเนื้อหาที่มันไม่ตลาดเอาซะเลย ไม่แปลกใจที่หลายๆคนถอดใจและเลิกซื้อเรื่องนี้ไปเมื่อได้อ่านเรื่องนี้ไปราวๆเล่ม 5-6 ครับ ทำให้เล่มหลังๆหายากมากขึ้นไปอีกครับ
“เพื่อนน้อยต่างดาว นารุทารุ” เป็นหนึ่งในการ์ตูนที่ผมตามหานานมากกว่าจะได้อ่านครบถ้วนตามที่ต้องการ ด้วยความที่มันเป็นการ์ตูนตามใจคนเขียน และมีวิธีการเล่าที่ไม่ตลาดเอาซะเลย ตามใจนักเขียนเป็นอย่างมาก คนอ่านต้องใจเย็นๆ ในการไล่เรื่องราวตามที่เนื้อหากำลังเล่าอยู่ มีหลายอย่างขัดใจมากๆเพราะสิ่งที่เราต้องการอ่าน อ. จะไม่ใส่มา
และแม้จะเป็นการ์ตูนต่อสู้โดยใช้สิ่งพิเศษก็ตามแต่ฉากการต่อสู้ไม่ได้เยอะหรือทั้งหมดของเรื่องครับ แต่กลับชูเรื่องความดราม่าของตัวละครไปเรื่อยๆซะมากกว่า จุดพีคของมันจึงไปเรื่อยๆเช่นกัน แต่อาจจะไม่โดดเด่นถ้ามองจาก พ.ศ. นี้เพราะเขาเขียนมาแนวนี้เยอะแล้วครับ แต่หากมองถึงช่วงเวลาที่เริ่มเขียนเรื่องนี้คุณจะไม่แปลกใจถึงความแรงที่เรื่องนี้ใส่มาให้ว่ามันแรงได้ขนาดไหน สิ่งที่คุณต้องทำเมื่อจะอ่านเรื่องนี้ก็แค่ตามเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ อย่าเลิกอ่านไปก่อน ขัดใจบ้างก็อ่านไป เพราะมันไม่ได้แย่
เพียงแต่มันไม่ได้ตื่นเต้นและเร้าใจทุกหน้าทุกวินาทีครับ แต่เรื่องนี้ก็จะมีจุดพีคให้เราได้รับรู้เป็นจังหวะไม่ต้องกังวลนะครับ ใครชอบแนวเล่าเรื่อยๆ แต่สะเทือนใจในเรื่องราวดราม่า เรื่องนี้มีคำตอบให้ครับ ใครต้องการแนวตีความเรื่องนี้ก็มีเช่นกัน ใครต้องการการ์ตูนที่เล่าเกี่ยวกับการก้าวผ่านช่วงเวลาเด็กไปสู่วัยรุ่น
เรื่องนี้มีเต็มๆครับ และใครต้องการการ์ตูนที่อ่านจบแล้วทำให้คุณอึ้งได้ เรื่องนี้ผมมั่นใจว่าใช่ตามที่คุณคิด แค่เพียงขอให้คุณตั้งใจอ่านไปเรื่อยๆ และอย่าไปอ่านตอนจบของเรื่องนี้ ผมว่าถ้าได้อ่านน่าจะไม่ต่างจากผมนะครับ ... เรื่องนี้ต้องให้ “เวลา” อ่านกับมันครับ ไปเร่งมันไม่ได้ ถ้าเร่งรีบมากนักอย่าอ่านเรื่องนี้ เพราะนี้ไม่ใช่การ์ตูนแนวตลาดครับ แต่นี้คือการ์ตูน “ไม่ตรงปก” ครับ แนะนำครับ
ปล.เมื่อคุณอ่านจบ คุณจะนึกถึงการ์ตูนดังอีกเรื่องนึง ... ผมคิดว่าคุณคิดถึงเรื่องเดียวกับผมนั่นแหล่ะครับ 555
ภาพ 9.3/10
เรื่อง 8.5/10
ความประทับใจ 9/10
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #12เล่มจบ #SiamInterComics #การ์ตูนแนวดาร์กแฟนตาซี #การ์ตูนแนวดราม่า #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวต่อสู้ #9คะแนน #เพื่อนน้อยต่างดาวนารุทารุ #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #สยามอินเตอร์คอมมิค #เธอๆอ่านเรื่องนี้หรือยัง
โฆษณา