Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Deep In Sight
•
ติดตาม
5 ก.ย. 2022 เวลา 06:40 • เกม
หากพูดถึงกองกำลังพิเศษของประเทศเยอรมนีแล้ว ชื่อของหน่วย GSG 9 จะต้องเป็นที่พูดถึงทั้งในวงการทหารรวมถึงเกมเมอร์กันอย่างแน่นอน พวกเขาขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหน่วยรบพิเศษของพิเศษที่มีความเก่งกาจ สามารถออกปฏิบัติการทุกรูปแบบได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ด้วยความสามารถของหน่วยรบนี้ พวกเขาได้ถูกนำไปใช้เป็นตัวละครต้นแบบในวิดีโอเกมชื่อดังต่าง ๆ เช่น Counter-Strike และ Tom Clancy’s Rainbow Six Siege และกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของหน่วย GSG 9 นั้นไม่ได้เริ่มต้นมาด้วยความสง่างาม แต่มีจุดเริ่มต้นมาจากความโศกเศร้าของผู้คนที่เข้าร่วมอีเวนท์โอลิมปิกฤดูร้อนที่จัดขึ้นในกรุงมิวนิค ประเทศเยอรมนี ที่ทำให้ต้องมีการสูญเสียทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงตัวประกันบางส่วนในเหตุการณ์ก็ต้องจบชีวิตลงไปด้วย
โศกนาฏกรรมนี้เริ่มขึ้นครั้งแรกในวันที่ 5 กันยายน 1972 จากกลุ่มผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ที่ชื่อว่า Black September Organization (BSO) ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1970 โดยพวกเขาเป็นกลุ่มที่เคยมีส่วนโดยตรงในการลอบสังหาร วาสฟิ เทล นายกรัฐมนตรีจอร์แดนในช่วงปี 1971
1
ในวันที่ 5 กันยายน 1972 เป็นช่วงที่มีการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในกรุงมิวนิค ประเทศเยอรมนีตะวันตก (ในเวลานั้น) ซึ่งจัดมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว ผู้ก่อการร้ายในกลุ่ม BSO จำนวน 8 คน ได้เข้าไปบุกรุกหมู่บ้านนักกีฬาชาวอิสราเอลและได้ลักพาตัวสมาชิกทีมนักกีฬา 9 คนเป็นตัวประกัน
ทางการเยอรมันตะวันตกรับรู้ถึงเหตุการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามที่จะไกล่เกลี่ยเพื่อให้ผู้ก่อการร้ายปล่อยตัวประกันทั้ง 9 คนที่ถูกจับตัวไว้ที่อาหารบน "ถนนที่ 31" ไป มีการเสนอมอบเงินให้ แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง โดยกลุ่ม BSO ได้เรียกร้องให้ทางการอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ทั้ง 234 คน ที่ถูกคุมขังโดยทางการอิสราเอล บวกกับชาวเยอรมันตะวันตกอีก 2 คนที่ถูกทางการเยอรมันจับตัวไว้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องทางการเมืองที่เป็นปัญหามาตั้งแต่ปี 1948 จากสงคราม “อาหรับ-อิสราเอล” มาแต่เนิ่นนาน
ในช่วงแรกทางการอิสราเอลต้องการที่จะส่งกองกำลังมาช่วยไกล่เกลี่ย แต่ทางการเยอรมันปฏิเสธการช่วยเหลือไป โดยให้เหตุผลว่าพวกเขาจะจัดการด้วยตัวเองได้ พวกเขาเลือกที่จะระดมกองกำลังตำรวจมาตรึงพื้นที่ไว้
แต่ปัญหาหลักคือกองกำลังตำรวจของเยอรมันนั้นส่วนใหญ่เป็นตำรวจชายแดน พวกเขาไม่ได้มีประสบการณ์ในการรับมือการก่อการร้ายมาก่อนเลย ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจหลักการยุทธวิธีที่ถูกต้อง บวกกับปัญหาการเข้ามามีส่วนร่วมของสื่อมวลชนที่มาถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ในเมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายรู้ตัวว่าตัวเองออกสื่ออยู่ บวกกับรู้แผนการจู่โจมของตำรวจ ภารกิจชิงตัวประกันก็ต้องยกเลิกไปเพราะพวกเขาถูกจับได้ทุกการเคลื่อนไหวที่จะไปปะทะกัน
กลุ่ม BSO รู้สึกไม่ไว้วางใจทางการเยอรมนี พวกเขาจึงได้เรียกร้องเพิ่มเติมให้หาเครื่องบินพาพวกเขาไปที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ทางการเยอรมันไม่มีทางเลือกมาก พวกเขาตอบตกลงไปแล้วได้นำเฮลิคอปเตอร์ Bell UH-1 จำนวน 2 ลำ มารับกลุ่มผู้ก่อการร้ายพร้อมตัวประกันทั้งหมดไปที่สนามบินไรม์ของกรุงมิวนิค
ทั้งนี้ อซิซ เซดคี นายกรัฐมนตรีอียิปต์ในช่วงเวลานั้นได้ชี้แจงกับทางการเยอรมันตะวันตกว่าพวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย แต่ในเมื่อทางการเยอรมันตะวันตกจะใช้แผนนี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงยอมรับตามน้ำไปก่อน
ทางการเยอรมันตะวันตกได้วางแผนชิงตัวประกันไว้ล่วงหน้าเมื่อไปรับกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยจะมีทีมที่ประจำการบนเครื่องบินคอยจัดการกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่จะขึ้นมาและมีทีมพลซุ่มยิงคอยประจำอยู่รอบสนามบินเพื่อจัดการกับผู้ก่อการร้ายที่อยู่ใต้เครื่อง
แต่ปัญหาใหม่ก็มาอีกแล้ว เพราะกองกำลังที่พวกเขาเลือกใช้ไม่ได้มีประสบการณ์การรบพิเศษเลยแม้แต่คนเดียว อาวุธที่เลือกใช้ก็ไม่ใช่อาวุธที่ออกแบบมาเพื่อการซุ่มยิงอีกด้วย (ถึงแม้ปืนที่พวกเขาใช้คือ H&K G3 ซึ่งเป็นปืนไรเฟิลที่มีความแม่นยำสูงก็จริง แต่ไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเล็งเวลากลางคืนหรือซุ่มยิงได้เลย) ทั้งหมดนี่คือจุดเริ่มต้นของความผิดพลาดหลายอย่างที่ตามมาหลังจากนี้
เคราะห์ร้ายซ้ำ ทีมที่ประจำอยู่บนเครื่องตัดสินใจถอนตัวออกมากันเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาเหรงกลัวถึง "อันตราย" ที่จะตามมา ถึงอย่างไรก็ตาม ทางการเยอรมันยังยืนยันที่จะใช้แผนการเดิมคือล่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายเข้าไปในพื้นที่สังหารรอบสนามบิน ปัญหาอีกเรื่องที่ต้องพบเจอคือพวกเขาไม่มีอุปกรณ์สื่อสารกันระหว่างหน่วยอีกด้วยซ้ำ ทำให้ปฏิบัติการนี้เป็นไปอย่างยากเย็นและมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดสูงขึ้น
หลังจากที่ทางการเยอรมันตะวันต้องสูญเสียกองกำลังตำรวจที่ประจำบนเครื่องบินไปจากการละทิ้งหน้าที่ พวกเขากลับเหลือเพียงทีมซุ่มยิงที่รออยู่ หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม กลุ่มผู้ก่อกการร้ายมาพบกับเครื่องบินที่ว่างเปล่า ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าเดินเข้ามาติดกับดักแล้ว
เหล่าผู้ก่อการร้ายพยายามวิ่งกลับไปที่เฮลิคอปเตอร์ แล้วการเปิดฉากยิงจากตำรวจก็เริ่มขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดในความสามรถการต่อสู้ รวมไปถึงความมืดที่ปกคลุมสนามบิน ทำให้พวกเขาต้องพลาดโอกาสในการยิงไปหลายครั้งและสร้างความโกรธแค้นให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายเป็นอย่างมาก
ในช่วงเที่ยงคืนวันที่ 6 กันยายน ผู้ก่อการร้ายรายหนึ่งไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก เขาได้ใช้ปืน AK ยิงตัวประกัน 5 คนในระยะเผาขนจนเสียชีวิตไปในทันที เท่านั้นยังไม่พอ ผู้ก่อการร้ายคนเดิมยังแกะสลักระเบิดมือแล้วขว้างเข้าไปในห้องควบคุมของเฮลิคอปเตอร์อีกลำ ทำใหัตัวประกันที่เหลืออีก 4 คนเสียชีวิตไปด้วยแรงระเบิด
การปะทะกันในครั้งนี้จบลงด้วยการเสียของตัวประกันไปทั้งหมด 9 คน (มีหนึ่งคนรอดจากการถูกโจมตีแต่ต้องเสียชีวิตจากการสูดดมควันพิษในเวลาถัดมา ขณะที่นักบินเฮลิคอปเตอร์ 4 คนที่ไปรับผู้ก่อการร้ายไปส่งที่สนามบินรอดชีวิตหมดจากการหลบหนีก่อนการปะทะ) ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเยอรมันตะวันเสียชีวิตไป 1 นายจากการปะทะกันในสนามบิน ส่วนผู้ก่อการร้ายเสียชีวิตไป 5 คนและถูกจับกุมได้อีก 2 คน หนึ่งในผู้ก่อการร้ายสามารถหลบหนีได้สำเร็จแต่ต้องถูกตามจับและเสียชีวิตหลังจากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงในอีก 40 นาทีถัดมา
ทางการเยอรมนีได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าพวกเขาสังหารผู้ก่อการร้ายได้ทั้งหมดและตัวประกับทุกคนรอดชีวิตแล้ว (ทางการปล่อยข่าวไปก่อนที่จะมาการปะทะกันที่สนามบิน) แต่เรื่องราวนี้กลับกลายเป็นเรื่องโกหก เมื่อ จิม แมคเคย์ ผู้ประกาศข่าวจากสำนัก ABC ได้ออกมารายงานว่าผู้ก่อการร้ายยิงตัวประกันเสียชีวิตไป 2 รายที่หมู่บ้านนักกีฬา ส่วนตัวประกันอีก 9 คนที่ถูกจับไปนั้นเสียชีวิตที่สนามบินทั้งหมด
1
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางการเยอรมนีตะวันตกถูกตั้งคำถามมากมายจากทางการทั่วโลกถึงความมั่นคงและความปลอดภัยภายในประเทศ ในขณะที่ทางโอลิมปิกต้องหยุดแข่งขันชั่วคราวไปนานกว่า 34 ชั่วโมงพร้อมกับการไว้อาลัยให้กับนักกีฬาโอลิมปิกที่ถูกจับไปด้วยการลดธงครึ่งเสา (ชาติต่าง ๆ ของอาหรับปฏิเสธที่จะลดธงเพราะไม่ต้องการให้เป็นการแสดงถึงการจำนนให้กลุ่มผู้ก่อการร้าย) ในขณะนักกีฬาอิสราเอลพร้อมทีมงานที่ยังอยู่ในการแข่งขันตัดสินใจถอนตัวและเดินทางกลับประเทศหลังจากนั้น
ทางการเยอรมนีตะวันตกเองก็ได้สร้างอนุสรณ์สถานให้กับผู้เสียชีวิตที่ "อาคารบนถนนที่ 31" เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้มีแต่ความเศร้าโศก พร้อมไปกับความหวาดระแวงของผู้เข้าร่วมโอลิมปิกและประชาชนเยอรมันอย่างมาก
ผู้พัน อูลริช "ริกกี้" เวเกเนอร์ ที่เคยเป็นผู้ประสานงานในกองกำลังป้องกันชายแดนในเวลานั้นได้เห็นถึงปัญหาของการก่อการร้ายครั้งนี้ เขาได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเยอรมันตะวันตกให้ไปจัดตั้งกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายขึ้นมา โดยเขาได้ไปเรียนรู้และฝึกฝนกับหน่วย SAS ของสหราชอาณาจักรและหน่วย Sayaret Matkal ของอิสราเอล เพื่อนำความรู้ต่าง ๆ มาปรับใช้กับการจัดตั้งหน่วยของเขา
ในวันที่ 26 กันยายน 1972 เขาก็ได้เริ่มก่อตั้งกองกำลังขึ้นมา โดยเริ่มแรกจะใช้ชื่อว่า Budesgrenzschutz (โดยเปลี่ยนเป็น Bundespolizei หรือตำรวจกลาง ในปี 2005) ในขณะที่ชื่อของหน่วย Grenzschutzgruppe 9 (GSG 9 หรือ กองกำลังปกป้องชายแดนที่ 9 และมีการเปลี่ยนชื่อเป็น GSG 9 der Budespolizei ในภายหลัง) ยังเป็นชื่อที่ถูกใช้อยู่ เพราะพวกเขาคือกลุ่มกำลังแรก ๆ ที่เข้ามามีบทบาทในหน่วย
อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์จากนักการเมืองในประเทศมากมายว่านี่อาจเป็นการสร้างภาพลักษณ์กองกำลังที่คล้ายกับหน่วย SS ของพรรคนาซีในอดีตมากเกินไป แต่ผู้พันเวเกเนอร์ก็เลือกใช้กองกำลังตำรวจเข้ามาฝึกฝนเป็นหลัก (ทางการเยอรมนีมีข้อกฎหมายที่ทหารไม่สามารถเข้ามาใช้กำลังกับประชาชนได้เลย ทำให้ทหารไม่สามารถมีบทบาทได้เลย)
GSG 9 คือหน่วยงานที่รับผิดชอบในเคสการลักพาตัว ช่วยตัวประกัน การก่อการร้าย หรือภัยคุกคามระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้น (โดยในปัจจุบันการทำภารกิจของหน่วยนี้จะต้องได้การยินยอมจากทางการในประเทศอื่น ๆ หากเป็นเคสที่อยู่ในต่างประเทศ) โดยพวกเขาทำภารกิจสำเร็จไปทั้งหมดมากกว่า 1500 เคส
เคสที่สามารถกอบกู้ชื่อเสียงให้เยอรมนีมากที่สุดคือเหตุการณ์ช่วยตัวประกันในเครื่องบิน Lufthansa ไฟลท์ที่ 181 ในเมืองโมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย โดยผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษกองทัพแดงที่ถูกจับกุมในประเทศเยอรมนีไป หน่วย GSG 9 ได้ทำการบุกเข้าไปในเครื่องบินแล้วสังหารผู้ก่อการร้ายไป 3 คนพร้อมจับกุมได้อีก 1 คนและปล่อยตัวประกันทั้ง 86 รายในเครื่องบนได้สำเร็จ
บทบาทของหน่วย GSG 9 ทำให้หลายประเทศเริ่มมีความสนใจที่จะจัดตั้งกองกำลังรบพิเศษเป็นของตัวเอง หนึ่งในหน่วยที่ได้รับการสนับสนุนการฝึกฝนคือหน่วย Delta Force ของสหรัฐอเมริกา
GSG 9 กลายเป็นภาพจำด้วยฐานะหนึ่งในหน่วยรบพิเศษที่เก่งกาจที่สุดในโลก มีการนำเรื่องราวของหน่วยไปสร้างเป็นภาพยนตร์ สารคดี บทความมากมาย กลายเป็นวิชาความรู้และภาพลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกจดจำได้อย่างดี
ในขณะที่วงการเกมก็มีเกมดังสองเจ้าที่นำหน่วย GSG 9 มานำเสนอได้อย่างน่าติดตาม เกม Counter-Strike ได้นำชื่อของหน่วยนี้มาให้เล่นเป็นตัวละครหลักทั้งในโหมดมัลติเพลเยอร์และโหมดเนื้อเรื่อง (ในภาค Condition Zero: Deleted Scenes)
ส่วนเกมอีกเจ้าคือ Tom Clancy's Rainbow Six Siege ที่มีการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละครจากหน่วย GSG 9 (Blitz, IQ, Jager และ Bandit) ที่ได้รัลการคัดเลือกเข้ามาอยู่ในหน่วย Rainbow (แล้วบางส่วนก็แยกตัวไปอยู่หน่วย Nighthaven และ Wolfguard ในเวลาถัดมา) โดยมีการอธิบายลักษณะเด่นของตัวละครและหน่วยต้นสังกัดเดิมไว้ในประวัติตัวละครอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งสไตล์การแต่งตัว อุปกรณ์ที่ใช้คือถอดแบบเจ้าหน้าที่รบพิเศษจากเยอรมนีเลยทีเดียว (ถึงแม้ว่าพอใช้ในเกมแล้วจะดูโอเวอร์ไปหน่อยก็เถอะ)
แต่ในความเป็นจริง GSG 9 เป็นหน่วยรบพิเศษที่ให้ความสำคัญกับการปกปิดตัวตนของสมาชิกในหน่วย รวมถึงภารกิจลับบางเคสที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ อย่างไรก็ตาม ภารพิจที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการ "ป้องกันการก่อการร้ายทุกรูปแบบ" โดยให้มีการสูญเสียน้อยที่สุดและสำเร็จลุล่วงให้ได้ด้วยดี
สุดท้ายแล้ว ทุกวันที่ 5-6 กันยายนของทุกปี จะเป็นวันรำลึกการสูญเสียในโศกนาฏกรรมมิวนิค หลายคนภาวนาไว้ว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ อีกในหลังจากนี้
เรื่องราวและภาพประกอบโดย @Flintstony
ที่มา:
https://www.bbc.com/news/world-62742124
https://www.npr.org/.../munich-olympics-massacre-hostage
...
https://www.olympic.org/munich-1972
ติดตาม Deep in Sight ด้วยช่องทางทั้งหมดของเรา ที่นี่
Facebook: Deep in Sight
YouTube: Deep in Sight
Blockdit:
https://www.blockdit.com/deepinsight
TikTok: deep.in.sight2022
Instagram: deep.in.sight2022
#Munich1972 #GSG9 #Game #Gaming #News #DeepinSight
ความรู้รอบตัว
เกม
ข่าวรอบโลก
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย