5 ก.ย. 2022 เวลา 15:54 • ธุรกิจ
ไคว่โส่ว เป็นแอพให้เราดูคลิปสั้นๆ คล้ายๆกันกับ Tiktok ปัจจุบันมียอดมีผู้ใช้งานเฉลี่ยวันละ 300 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นรองแค่ Douyin
ไคว่โส่ว (Kuaishou : 快手) เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ให้เราสามารถสร้างและแชร์คลิปสั้นได้ ว่าง่ายๆก็เหมือนกับแอพ Tiktok นั่นเอง
ไคว่โส่ว เป็นของบริษัท Beijing Kuaishou Technology Co., Ltd ซึ่งเป็นลูกของ Tencent อีกที
ไคว่โส่ว มีผู้ใช้งานเฉลี่ยวันละ 300 ล้านครั้ง เป็นแอพที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนจีนแนวลูกทุ่ง ที่อาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆในชนบทของจีน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของผู้ใช้งานทั้งหมด
นอกจากนี้ ไคว่โส่วยังติด 1 ใน 10 อันดับแอพจีนที่คนทั่วโลกนิยมในปี 2020 อีกด้วย โดยติดอันดับแอพที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดมากที่สุด 8 ประเทศ อาทิเช่น บราซิล , ปากีสถาน และ อินโดนีเซีย เป็นต้น สำหรับในต่างประเทศผู้ใช้งานจะรู้จักไคว่โส่วในชื่อ Snack Video หรือ Kwai มากกว่า
จุดเริ่มต้นของแอพนี้มาจาก 2 ผู้ก่อตั้งคือ ซูฮวา (Su Hua : 宿华) และ เฉิงอีเซี่ยว (Cheng Yixiao : 程一笑) ซูฮวาเคยทำงานเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ ของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล (Google) และ ไป่ตู้ (Baidu : 百度)
ในช่วงเริ่มต้นแอพนี้ก็เหมือนกับโต่วอิน (Douyin : 抖音) คือถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์เพื่อความบันเทิงหรือใช้ฆ่าเวลาเท่านั้น ต่อมาในปี 2019 ไคว่โส่วก็เข้าสู่ช่วงปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ โดยปรับโมเดลธุรกิจจากความบันเทิงมาเน้นเรื่องการค้ามากขึ้นแทน เช่น Live Streaming และ E-Commerce รวมถึงวิดีโอที่มีความยาวมากขึ้นกว่าเดิม (จากเดิมวิดีโอความยาวไม่เกิน 1นาทีมาเป็น 1-5นาที)
ในปี 2018 ในขณะที่มีคู่แข่งต่างเริ่มเข้าสู่ตลาดการทำคลิปสั้น ไคว่โส่ว เลือกที่จะหาวิธีต่อยอดและเดิมพันด้วยการหาวิธีสร้างบริการใหม่ด้วยการรวมโซเชียลมีเดีย การขายออนไลน์ และการไลฟ์ ให้กลายเป็นเรื่องเดียวกัน
ไคว่โส่ว เริ่มต้นด้วยการเปิดให้ผู้ใช้บางคนสามารถเปิด "ร้านค้าเล็กๆ" ที่มีความสามารถเชื่อมต่อสินค้ากับร้านค้าเถาเป่า (Taobao : 淘宝) ของอาลีบาบาและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ ได้
การเดิมพันครั้งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงและส่งผลประโยชน์มหาศาลให้กับคนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากๆ
มีกรณีหนึ่ง ผู้อินฟลูเอ็นเซอร์คนนึงที่มีผู้ติดตามมากกว่า 40 ล้านคน สามารถขายสินค้าได้ถึง 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ365ล้านบาท) ภายใน 3 ชั่วโมง ในช่วงเทศกาลอีคอมเมิร์ซของไคว่โส่ว
เพื่อสนับสนุนให้ผู้ใช้งานมีโอกาสใช้เวลาบนแพลตฟอร์มนี้ได้นานขึ้นไคว่โส่ว (Kuaishou) อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถโพสต์วิดีโอที่มีความยาวมากขึ้น จากที่เคยจำกัดความยาวไม่เกิน 57 วินาที ปรับเปลี่ยนนานถึง 10 นาที
นอกจากนี้ ไคว่โส่ว (Kuaishou) ยังประสบความสำเร็จในการเปิดให้ผู้ใช้งานไลฟ์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไลฟ์สดเล่นเกม ในเดือนกรกฎาคม 2019 ไคว่โส่ว (Kuaishou) กล่าวว่าตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนกับ Twitch (แพลตฟอร์มถ่ายทอดสดการเล่นเกมที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น) ตอนนี้เรามีผู้ใช้งานที่เข้ามาดูไลฟ์สดเล่มเกมส์ถึง 35 ล้านคนต่อวัน (DAU) ซึ่งสูงกว่าหูหยา (Huya : 虎牙,虎牙
直播) และโต้วอวี๋ (Douyu : 斗鱼) ที่เป็นคู่แข่งในตลาดนี้
ถึงแม้โมเดลธุรกิจใหม่ของ ไคว่โส่ว (Kuaishou) จะประสบความสำเร็จแต่พวกเค้าก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ พวกเค้าเลือกที่จะหาพันธมิตรเพิ่มด้วยการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับจิงตง (Jing Dong : 京东) หรือ JD.com ยักษ์ใหญ่อี คอมเมิร์ซ
การเป็นพาร์ทเนอร์ระหว่าง 2 แอพนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อสินค้าจากแอพจิงตงในขณะที่ดูไลฟ์ได้โดยไม่ต้องออกจากแอพเลย ส่วนทางจิงตงเองก็ได้ประโยชน์จากการขยายฐานลูกค้าของตนไปในกลุ่มคนในชนบทนั่นเอง
ไคว่โส่ว (Kuaishou) กับ โต่วอิน (Douyin) ต่างกันอย่างไร
สัดส่วนการนำวิดีโอคอนเทนต์ใหม่ๆให้ผู้ใช้งานดู
ไคว่โส่ว (Kuaishou) คอนเทนต์จากคนที่ผู้ใช้กดติดตาม 40-50% คอนเทนต์จากอัลกอริทึ่ม 50-60%
โต่วอิน (Douyin) คอนเทนต์จากคนที่ผู้ใช้กดติดตาม 10-20% คอนเทนต์จากอัลกอริทึ่ม 80-90%
ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ของโต่วอินอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่และเมืองรอง ผู้ใช้งานกลุ่มนี้จะชอบคอนเทนต์คุณภาพสูง ดังนั้นโต่วอินจึงเลือกนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีและเป็นกระแสเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจหลักคือพวกเค้า นั่นคือ "บันทึกช่วงชีวิตอันสวยงามของคุณ" ด้วยพันธกิจนี้ส่งผลให้ คอนเทนต์จาก Top KOL ในโต่วอินจะดูเป็นธรรมชาติ สวยงาม และเข้าถึงง่าย
ส่วนไคว่โส่ว (Kuaishou) ที่มีผู้ใช้งานอยู่ในเมืองรองหรือแถบชนบทซึ่งมีวงสังคมแคบกว่า ทำให้ผู้ใช้งานมีโอกาสเห็นคอนเทนต์ของเพื่อนหรือคนรู้จักได้ง่ายกว่า ทำให้คอนเทนต์ที่อาจดูธรรมดามากๆ แต่ก็คงได้รับความสนใจอยู่ดี
โต่วอิน (Douyin) จะเพิ่มการมองเห็นให้กับคอนเทนต์ที่มีคุณภาพโดยไม่สนใจว่าผู้ใช้งานคนนั้นจะมีผู้ติดตามมากหรือน้อย ขอเพียงเป็นคลิปที่ดูแล้วดีมีคุณภาพโต่วอินก็ดันโพสต์เหล่านั้นเป็นพิเศษ ดังนั้น KOL ที่มีทีมงานโปรดักชั่นเก่งๆ มักจะไปสร้างคอนเทนต์ในโต่วอิน
ส่วนไคว่โส่วจะสนใจเรื่องการแบ่งสัดส่วนการมองเท่าเทียมระหว่างคนที่คนติดตามกับคุณภาพคลิป ดังนั้น KOL ที่ยังมีผู้ติดตามไม่มากจะนิยมไปสร้างคอนเทนต์ที่ไคว่โส่วเพราะมีโอกาสที่เกิดกระแสง่ายกว่า
การมีส่วนร่วมระหว่างผู้ใช้งาน (ดู , ไลค์ , คอมเม้นต์)
เนื่องจากผู้ใช้งานไคว่โส่ว (Kuaishou) มีกลุ่มเพื่อนเล็กกว่า แอพจึงเลือกนำโพสต์ของคนที่แอพคิดว่าผู้ใช้งานน่าจะรู้จักมาให้ดูมากกว่า นั่นทำให้การมีส่วนร่วมของแอพไคว่โส่ว (Kuaishou) สูงถึง5% ส่วนอัตราการมีส่วนร่วมของแอพโต่วอิน (Douyin) จะอยู่ที่ 2% เท่านั้น
การแสดงคอนเทนต์ไลฟ์
ไคว่โส่ว (Kuaishou) จะแสดงคอนเทนต์ไลฟ์ส่วน 50% ของหน้าฟีด
โต่วอิน (Douyin) มีเพียง 25% ของหน้าฟีด ทั้งนี้เพราะนิสัยของผู้ใช้งานไคว่โส่ว (Kuaishou) ชอบดูไลฟ์มากกว่า
ไคว่โส่ว (Kuaishou) ให้ความสำคัญกับการกระจายคนดู ทำให้ KOL ที่มีอันดับๆสูงเวลาไลฟ์สดอาจไม่ได้มีคนเยอะอย่างที่คิด และพบว่าบ่อยครั้งที่อาจมีคนดูไม่ถึง 5 คนด้วยซ้ำ
วิธีการกระจายคนแบบนี้อาจไม่ส่งผลดีกับ KOL ที่มีผู้ติดตามเยอะ แต่ส่งผลดีกับผู้ชมไลฟ์ เพราะช่วยให้พวกเค้ามีโอกาสได้ใกล้ชิดพูดคุยกับ KOL เหล่านั้นได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ ไคว่โส่ว (Kuaishou) ยังมีฟีเจอร์ที่รองรับการไลฟ์อีกมากมายตัวอย่างเช่น คุณสามารถร้องเพลงคาราโอเกะกับผู้ชมจากเมืองของคุณที่กำลังฟังอยู่
หรือการเปิดให้ผู้ชมสามารถโทรเข้าห้องสนทนา บางไลฟ์กลายเป็นห้องสนทนาของคนแปลกหน้า 2 คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็มี
ไคว่โส่ว (Kuaishou) เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าห้องสนทนาได้สูงสุด 6 คน แต่ละห้องมีอำนาจในการกำหนดสิทธิ์ให้ผู้ร่วมห้องได้อย่างอิสระ ซึ่งมักเห็นคนส่งของขวัญ (คล้ายๆกับการส่งดาวใน Facebook Live) เพื่อแลกกับการขอให้เจ้าของห้องเปิดสิทธิ์ต่างๆให้ เช่น สามารถร้องเพลงได้ , แชร์บัญชี WeChat หรือส่งข้อความส่วนตัวก็ได้
โอกาสการขายออนไลน์
ไคว่โส่ว (Kuaishou) เป็นแพลตฟอร์มที่เก่งในการสร้างและใช้ความสัมพันธ์ให้เกิดประโยชน์ ดังนั้นอัตราการปิดการขายช่องทาง ไคว่โส่ว (Kuaishou) จะสูงกว่าในโต่วอิน (Douyin)
จากข้อมูลของ Frees Fund พบว่าโอกาสปิดการในไคว่โส่ว (Kuaishou) นั้นสูงกว่าโต่วอิน (Douyin) 5-10เท่า และในปี 2019 พวกเค้าสามารถสร้างสร้างยอดขายรวมต่อเดือนได้ถึง 5 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ข้อมูลจากการไลฟ์ขายของในช่วงวัน 11.11 ยังพบกว่า KOL 10 อันดับแรกที่ทำยอดขายสูงสุด มีถึง 9 คนที่มาจากไคว่โส่ว (Kuaishou) ส่วนอีก 1 คนมาจากโต่วอิน (Douyin)
เมื่อเราเจาะลึกลงไปอีกจะพบว่ากลุ่ม KOL ที่ทำยอดขายสูงๆจะเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆหรือเจ้าของโรงงานขนาดย่อม พวกเค้ามักจะสร้างเนื้อหาจากชีวิตประจำวัน ให้ดูการทำงานในแต่ละวัน อย่างเช่น ให้ดูขั้นตอนการผลิต ตอนกำลังรบรรจุสินค้า เนื้อหาประเภทนี้ช่วยทำให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจและช่วยการขายทำได้ง่ายขึ้น
ไคว่โส่ว (Kuaishou) ไม่ได้มีแต่ด้านที่สวยงาม
ถึงแม้ KOL หลายๆคนจะสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ไม่ใช่ว่าสินค้าทุกชนิดจะขายดีในแอพไคว่โส่ว (Kuaishou) กลุ่มสินค้าที่ขายดี 3 อันดับแรกคือ เครื่องสำอางราคาถูก เสื้อผ้า และอาหาร
ไคว่โส่ว (Kuaishou) พยายามผลักดันตัวเองให้เป็นแอพด้านอีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ โดยทำงานร่วมกับยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ 6 ราย ซึ่งก็รวมถึงการแบ่งกันข้อมูลด้านการขายกันด้วย
แต่อาลีบาบา (Alibaba) ที่เป็น 1 ใน 6 พาร์ทเนอร์ กลับปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลการจัดซื้อให้กับ ไคว่โส่ว (Kuaishou) เพราะมองว่าในอนาคตอาจกลายเป็นคู่แข่งกัน
ไคว่โส่ว (Kuaishou) ก็พยายามบล็อกไม่ให้ผู้ใช้งานในแอพออกไปยังแอพอื่นที่อาจเป็นคู่แข่ง เช่น หาก KOL ที่กำลังไลฟ์สดอยู่บอกหมายเลข WeChat ของตัวเองออกไป ไลฟ์ก็อาจถูกปิดไปดื้อๆเลย อาจถูกจำกัดไลฟ์ไม่ได้ช่วงนึง
ในทางกลับกันเถาเป่า (Taobao) ได้ลงนามในข้อตกลงพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับโต่วอิน (Douyin) โดยจ่าย เงินค่าโฆษณาถึง7 พันล้านหยวน (ประมาณ 35,000 ล้านบาท)
ถึงแม้ไคว่โส่ว (Kuaishou) จะแข็งแกร่งในด้านการขายออนไลน์ แต่ในด้านการให้บริการโฆษณาในแอพกลับด้อยกว่าโต่วอิน (Douyin) มากๆ
โดยรายได้ของไคว่โส่ว (Kuaishou) ทำได้ประมาณ 10,000 ล้านหยวน (ประมาณ 50,000 ล้านบาท) ส่วนโต่วอิน (Douyin) มีรายได้จากโฆษณาถึง 50,000 ล้านหยวน (ประมาณ 250,000 ล้านบาท)
บทสรุป
ไคว่โส่ว (Kuaishou) เก่งเรื่องการทำให้ผู้ใช้งานทีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน โอกาสการไลฟ์ที่ดีกว่า โอกาสปิดการขายสูงกว่า มีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลายทำให้มีส่วนร่วมกับผู้ใช้มากขึ้น แต่ในการสร้างรายได้จากโฆษณาจะด้อยกว่าโต่วอิน (Douyin) มาก
ความแตกต่างเหล่านี้ จุดเด่น จุดด้อย ของแอพ ทำให้เจ้าของแบรนด์ที่คิดเข้ามาเล่นในแพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องพิจารณาให้ดีว่าแบรนด์ของเรามีกลุ่มเป้าหมายแบบไหน เพื่อจะได้เลือกแพลตฟอร์มให้ตรงกับเป้าหมายและยอดขายได้ตามต้องการในท้ายที่สุด
โฆษณา