8 ก.ย. 2022 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
ทำไม อิตาลี เป็นประเทศแห่ง กาแฟ ทั้ง ๆ ที่ปลูกเองไม่ได้
รู้หรือไม่ว่า เครื่องทำกาแฟ Espresso เครื่องแรกของโลก ถือกำเนิดขึ้นที่ อิตาลี
รวมถึง ชื่อเมนูกาแฟอย่าง Cappuccino ก็ตั้งชื่อตาม “นักบวชกาปูชิน” ในอิตาลี
หรือเมนู Latte ที่จริง ๆ แล้ว มาจากภาษาอิตาลี ที่แปลว่า “นม”
และคำศัพท์อื่น ๆ อีกมากมาย ในแวดวงกาแฟ ส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอิตาลีทั้งนั้น
2
นอกจากนี้ อิตาลี ยังเป็นประเทศที่มี มูลค่าการส่งออกกาแฟ สูงติดอันดับ 6 ของโลก หรือคิดเป็น​​เกือบ 6% ของการส่งออกกาแฟทั้งโลก
รวมไปถึง อิตาลียังมีแบรนด์กาแฟ ที่โด่งดังไปทั่วโลก
เช่น illycaffè, Kimbo และ Segafredo Zanetti
หรือจะเป็นแบรนด์ Lavazza เชนกาแฟ ที่มีอายุนับร้อยปี
1
แล้วอะไรที่ทำให้ อิตาลี ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศแห่งกาแฟ ทั้ง ๆ ที่ก็ปลูกเองไม่ได้ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง..
1
ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 15
ยุคแห่งการสำรวจ และเริ่มมีการเดินทางข้ามประเทศเกิดขึ้น
ทำให้กาแฟ ที่ตอนนั้นเป็นที่รู้จักกันเพียงในประเทศเอธิโอเปีย ก็ได้ถูกนำออกสู่สายตาชาวโลก
โดยมีพ่อค้าจากเมือง Berbera ที่อยู่ไม่ไกลจาก เอธิโอเปีย ได้เดินทางเข้ามานำเมล็ดกาแฟ ไปขายยังเมือง Mocha ในประเทศเยเมน
2
เมื่อความต้องการของกาแฟเพิ่มขึ้น
ผู้คนก็เริ่มหาวิธีนำเมล็ดกาแฟมาเพาะปลูก
และขณะเดียวกัน ก็ยังถือเป็นยุคบุกเบิกของการ เริ่มนำกาแฟมาคั่ว และต้มเป็นเครื่องดื่ม
ซึ่งผู้ที่ดื่มกาแฟส่วนใหญ่ในช่วงนั้น
มักจะเป็นกลุ่มนักบวช ลัทธิ Sufi ของศาสนาอิสลาม
เพื่อใช้เป็นเครื่องดื่ม ที่ช่วยให้นักบวชไม่ง่วง และมีสมาธิมากขึ้น ในระหว่างดำเนินพิธีกรรมทางศาสนา
1
แต่ต่อมา ลัทธิ Sufi ก็ได้เผยแพร่ไปยังประเทศต่าง ๆ พร้อมกับ วัฒนธรรมการดื่มกาแฟ
โดยเริ่มจากขยายไปยังแถบเอเชียตะวันตก ตามมาด้วยประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่น ตุรกี อิหร่าน และอิสราเอล
2
จนกระทั่ง ในช่วงศตวรรษที่ 16
กาแฟก็ได้เดินทางจากโลกตะวันออก เข้าสู่โลกตะวันตก
ผ่านทางการค้าขาย ที่ท่าเรือเวนิส ประเทศอิตาลี
และนี่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่ทำให้กาแฟได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วยุโรป
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นยุโรปตะวันตก ยังคงอยู่ในยุคที่ ศาสนจักรเรืองอำนาจ ส่งผลให้กาแฟจากคนอาหรับ ที่นับถือศาสนาอิสลาม ถูกคนยุโรปมองว่าเป็น “เครื่องดื่มของซาตาน”
1
พอเป็นแบบนี้ พ่อค้าชาวเวนิส จึงได้นำกาแฟมาให้พระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 8 ทรงดื่ม เพื่อตัดสินชี้ชะตา
เมื่อพระองค์ได้ดื่มลิ้มรส ก็ทรงติดใจในรสชาติของกาแฟ
และหากจะปล่อยให้กาแฟ เป็นเครื่องดื่มของพวกนอกรีตศาสนา ก็คงจะน่าเสียดาย
5
หลังจากนั้น พระองค์จึงตัดสินใจ ทำพิธีชำระล้างบาปแก่กาแฟ
เพื่อให้กาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มของชาวคริสต์
และนี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรม การดื่มกาแฟในอิตาลี และประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
4
ในช่วงแรก ชาวอิตาลียังคงดื่มกาแฟ แบบสไตล์ตุรกี ที่เรียกว่า Cezve (เชสเว) ซึ่งก็คือ การนำผงกาแฟบด มาต้มในหม้อ และดื่มโดยไม่กรองกากกาแฟ แต่ด้วยวิธีการต้มแบบนี้ ค่อนข้างใช้เวลานาน จึงทำไม่ทันต่อ จำนวนลูกค้า ที่เพิ่มมากขึ้น
ทำให้ต่อมาในปี 1884
อิตาลีจึงได้เกิดนวัตกรรม เครื่อง Espresso เครื่องแรกของโลก
ที่คิดค้นโดยนักประดิษฐ์ ชาวอิตาลี นามว่าคุณ Angelo Moriondo
2
ซึ่งเครื่องชงแบบ Espresso จะใช้แรงดันจากไอน้ำ วิ่งผ่านกาแฟที่บดละเอียด จนได้เป็นกาแฟรสชาติเข้มข้น เรียกว่า Espresso
โดยคำว่า “Espresso” มาจากคำว่า “Esper mere” ในภาษาอิตาลี ที่แปลว่า “กดออก” และแนวคิดของ Espresso ก็คือ การจัดเตรียมเครื่องดื่ม และการชงในเวลาอันรวดเร็ว
2
จากเรื่องนี้จึงกลายมาเป็นรากฐานสำคัญ ของวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ Espresso ของชาวอิตาลี และยังนำมาสู่การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ และการเปลี่ยนแปลง ในวงการกาแฟเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น
ปี 1901 มีการพัฒนาเครื่องชง Espresso ต่อจากคุณ Moriondo
โดยนักประดิษฐ์ ที่ชื่อว่าคุณ Luigi Bezzera เขาพัฒนาให้เครื่องชงมีขนาดที่เล็กลง และเพิ่มแรงดันให้มากขึ้น
ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาในการชงจากเดิมเป็นอย่างมาก
1
ปี 1903 นักประดิษฐ์ อย่างคุณ Desiderio Pavoni พัฒนาเครื่องชง Espresso ต่อจากคุณ Bezzera โดยออกแบบเครื่องชง ให้มีวาล์วควบคุมอุณหภูมิ และการปล่อยแรงดัน
ปี 1906 คุณ Pavoni และคุณ Bezzera ร่วมกันพัฒนาเครื่องชง Espresso และนำออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เป็นครั้งแรกในอิตาลี ภายใต้แบรนด์ LA PAVONI
1
อย่างไรก็ตาม การใช้ไอน้ำในการชงกาแฟ ยังคงมีข้อด้อยคือ รสชาติของกาแฟมีกลิ่นที่ไหม้เกรียม จากผงกาแฟ ที่ถูกความร้อนสูงเกินไป
1
ทำให้ในปี 1938 คุณ Achille Gaggia จึงได้มีการพัฒนาเครื่อง Espresso ที่ใช้แรงดันน้ำ แทนไอน้ำได้สำเร็จ ซึ่งกาแฟที่ออกมาจากเครื่องชงนี้ จะไม่มีกลิ่นไหม้ และมีรสชาติที่สมบูรณ์แบบ
3
ที่สำคัญ คือ นี่ยังเป็นครั้งแรกของโลก ที่กาแฟที่กดออกมาจากเครื่อง Espresso มีชั้นครีมา หรือ Crema ที่มาจากภาษาอิตาลี แปลว่า ครีม ซึ่งในบริบทนี้จะหมายถึง ชั้นโฟมครีม สีน้ำตาล ที่ลอยอยู่ด้านบนสุดเมื่อกดกาแฟ Espresso ออกมา
3
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เครื่องชงกาแฟของคุณ Gaggia ก็ได้กลายเป็นต้นแบบ ในการพัฒนาเครื่องชงกาแฟ ที่พวกเราได้เห็นกัน ตามร้านกาแฟจนถึงทุกวันนี้
1
เรียกได้ว่า หากไม่มีนักประดิษฐ์จากอิตาลี เราคงไม่ได้มีเครื่องดื่ม Espresso อันเป็นเครื่องดื่มพื้นฐาน ของเครื่องดื่มอื่น ๆ มากมาย อย่าง Cappuccino, Latte และ Macchiato ให้เราได้ดื่ม
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างช่วงเวลาแห่งการคิดค้นเครื่องชงกาแฟ
วัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวอิตาลี ก็ได้แบ่งบานไปพร้อม ๆ กัน
โดยชาวอิตาลี ได้รับวัฒนธรรมการดื่มกาแฟตามร้าน มาจากดินแดนตะวันออกกลาง
1
ซึ่งจะเป็นในรูปแบบแหล่งนัดพบปะพูดคุย นั่งพัก หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และวัฒนธรรมดังกล่าว ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน แต่แตกต่างกันไปตามบริบทของสังคม
อย่าง ร้านกาแฟส่วนใหญ่ในอิตาลี ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จะมี 2 ประเภท คือ
บาร์ เป็นร้านกาแฟแบบยืนดื่มที่เคาน์เตอร์ ไม่มีที่นั่ง
จัดเป็นการ “พักเบรก” ชั่วคราว ดื่มหนึ่งช็อต แล้วเดินจากไป
และอีกแบบคือ คาเฟ เป็นการนั่งพักเบรก ที่เน้นบรรยากาศ และเหมาะสำหรับการนั่งพูดคุยกันมากกว่า
2
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงพอจะเห็นที่มาความเป็นเจ้ากาแฟ ของประเทศอิตาลีมากขึ้น
ผ่านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม อันยาวนาน
แต่ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไม ประเทศอิตาลี ถึงปลูกกาแฟเองไม่ได้ ?
ก็ต้องบอกว่า กาแฟเป็นพืชที่สามารถเติบโตได้ดี ในโซนที่เรียกว่า Coffee Belt
ซึ่งเป็นบริเวณ ที่อยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร
ส่งผลให้บริเวณนี้ มีสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้น
2
อย่างประเทศบราซิล เวียดนาม โคลัมเบีย อินโดนีเซีย เอธิโอเปีย หรือฮอนดูรัส
ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟได้มากที่สุด อันดับต้น ๆ ของโลก
ก็ล้วนแล้วแต่มีที่ตั้งอยู่ในโซน Coffee Belt ทั้งสิ้น
ดังนั้น ประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป
ซึ่งอยู่เหนือบริเวณ Coffee Belt อย่างประเทศอิตาลี
จึงมีลักษณะภูมิประเทศ และภูมิอากาศ ที่ไม่เอื้อต่อการเพาะปลูกต้นกาแฟ นั่นเอง
1
ทั้งนี้ แม้ว่าอิตาลีจะไม่ใช่ประเทศต้นกำเนิดกาแฟ และปลูกกาแฟเองไม่ได้
แต่อิตาลีก็ยังคงครองความเป็นเลิศ ในด้านการประดิษฐ์คิดค้น ต่อยอด และสร้างสรรค์ สิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับกาแฟ
รวมไปถึง วัฒนธรรมเรื่องกาแฟ ที่ได้สั่งสมมากว่าร้อยปี
จนกลายเป็นเอกลักษณ์ และเสน่ห์ ที่หาไม่ได้จากประเทศไหน ๆ ในโลก
และถ้าหากจะมีดินแดนใด ที่สมควรได้ชื่อว่าเป็น ประเทศแห่งกาแฟ
หนึ่งในนั้น ก็คงจะต้องเป็นประเทศที่ชื่อว่า “อิตาลี” นั่นเอง..
1
โฆษณา