7 ก.ย. 2022 เวลา 10:00 • หนังสือ
ลองอ่านเรื่องนี้ดูค่ะ
เด็กหญิงถือลูกโป่ง
รักและหวงแหน
เธอรู้ดีว่า
วันหนึ่งลูกโป่งจะเหี่ยว
หรือลอยหลุดมือไป
เธอจับมันไว้แน่น
แน่นจนมั่นใจว่า
มันจะไม่มีวันลอยหลุดไปไหน
กระทั่งวันหนึ่ง
เธอพบว่า
การจับลูกโป่งแน่นขนาดนั้น
มิได้ทำให้ลูกโป่งเป็นของเธอ
แต่เธอกลับกลายเป็นของลูกโป่ง
สิ่งที่รัก
กลายเป็นพันธนาการ
สิ่งมีค่า
กลายเป็นทุกข์
สิ่งเบา
กลายเป็นของหนัก
สิ่งที่อยากได้
กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เธออยากปล่อยลูกโป่ง
แต่ตอนนี้ เธอปล่อยไม่ได้เสียแล้ว
ผ่านผู้เฒ่าซึ่งสองมือว่างเปล่า
เธอเอ่ยถาม
"เราจะปล่อยลูกโป่งได้ยังไงคะ"
ผู้เฒ่ายิ้ม ตอบว่า
"ลูกโป่งนี่หนักไหม"
เด็กหญิงตอบ
"ตอนแรกไม่หนักค่ะ"
ผู้เฒ่ายิ้ม
"อะไรที่ถือนานก็หนักเป็นธรรมดา"
แล้วพูดต่อ
"อะไรที่เราอยากควบคุม
เราก็จะถูกมันควบคุม
อะไรที่เราอยากครอบครอง
เราก็จะถูกมันครอบครอง
อะไรที่เราอยากขังมันไว้
มันก็จะขังเราไว้
เธอคิดว่าเธอพันลูกโป่งไว้กับมือ
แต่คนอื่นเห็นว่า
เธอถูกผูกไว้กับลูกโป่งต่างหาก"
ผู้เฒ่าลูบเคราเบาๆ
"ถ้าแบมือออก เธอจะเหลืออะไร"
"ก็ไม่เหลืออะไรสิคะ"
อาวุโสส่ายหัว แล้วพูด
"เหลือสิ เหลือที่ว่าง
ให้กับอย่างอื่น
ให้กับความเป็นไปได้ใหม่"
เด็กน้อยขมวดคิ้ว
"แล้วลูกโป่งล่ะคะ"
"เด็กน้อย ถ้าเธอแบมือ
ลูกโป่งก็จะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ"
"หนูสิ เป็นฝ่ายปล่อยลูกโป่ง"
ผู้เฒ่าหัวเราะ
"ข้อดีของการไม่มีลูกโป่งคืออะไร รู้ไหม"
เด็กหญิงส่ายหน้า
"คือการไม่มีอะไรให้ถือไงล่ะ"
"แล้วมันดียังไงล่ะคะ"
"ดีที่สุด คือได้รู้ว่า
ไม่มีลูกโป่ง หนูก็มีชีวิตอยู่ได้
แค่มันเป็นชีวิตอีกแบบ"
"เราจะปล่อยลูกโป่งได้ยังไงคะ"
"ฉันไม่รู้หรอกว่า เธอจะปล่อยลูกโป่งได้ยังไง
รู้แค่ว่า ไม่มีทางที่เธอจะจับถือลูกโป่งไว้ได้ตลอดไป
วันหนึ่งเธอก็จะต้องปล่อย
วันนั้นเธอจะได้สัมผัสความว่างเปล่า
แล้วพบว่า...มันเบากว่าลูกโป่ง
เธอจะค่อยๆ เป็นมิตรกับสายลมที่ควบคุมไม่ได้
นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป
ลมไม่ถูกขังไว้ในลูกโป่ง
เช่นกันกับที่มันไม่ได้ผูกเธอไว้
อืม...ฉันคิดออกละ
วิธีปล่อยลูกโป่งก็คือ
เธอต้องหัดวางใจในสายลม"
"วางใจในสายลม?"
"ใช่, วางใจว่า
ชีวิตไม่มีทางที่จะร้อนแล้งตลอด
วันหนึ่งจะมีลมพัดผ่านมา
แต่มันไม่อยู่กับเธอหรอกนะ
มันก็จะพัดผ่านไป
แต่ถ้าเธอผ่านเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอก็จะพบสายลมอีกครั้ง"
"สายลม...คือความสุขที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของ
เราเพียงชื่นชมเมื่อได้พบเจอ
โลกนี้ไม่มีใครครอบครองความสุขหรอก
ผู้ครอบครองความสุขในวันนี้
คือผู้ครอบครองความทุกข์ในวันหน้า
ความสุขที่ถูกมัดไว้กับมือเราคือความทุกข์
ปล่อยลูกโป่ง...ให้ลอยไป
สัมผัสเรื่องดีๆ ที่ผ่านมา
ไม่เฝ้ารอ ไม่คาดคั้น ไม่คาดหวัง
ว่าจะต้องได้ ต้องเป็น ต้องตอนนี้
ผู้ต้องการควบคุมลมคือคนบ้า"
เด็กน้อยน้ำตาคลอ
ลูกโป่งหลุดมือไปตอนไหนก็ไม่ทราบ
ลมยังไม่พัดมาปลอบประโลมเธอ
ผู้เฒ่ายิ้ม บอกกับเธอว่า
"เห็นไหม ไม่มีลูกโป่ง เธอก็ยังหายใจอยู่"
"อย่าคาดหวังว่าลมเย็นจะพัดมา
แต่ขอให้เชื่อว่ามีลมเย็นๆ อยู่บนโลกใบนี้
ตราบที่เธอยังเดินทาง เธอย่อมได้พบ
แล้ววันนั้นเธอจะได้รู้ว่า
เมื่อในมือปราศจากลูกโป่ง
เธอรับรู้ถึงความดีงามของลมได้ชัดยิ่งขึ้น
ความสุขไม่ได้มีแค่ลูกโป่ง
เชื่อสิ และก็ไม่ได้มีแค่ลม"
เด็กน้อยกล่าวคำลาผู้อาวุโส
"เชื่อมั่นในสายลม"
เป็นสิ่งที่เธอข้องใจ
เราจะเชื่อมั่นในสิ่งที่ไม่แน่นอน
ไร้แผนการ และมิอาจครอบครองได้อย่างไร
"หากเธอเชื่อมั่นในความไม่แน่นอนได้
เมื่อนั้นเธอย่อมมีหัวใจที่มั่นคง
เพราะไม่ว่าพรุ่งนี้จะมีลมหรือไม่
เธอก็มีความสุขได้
เพราะความเชื่อในสายลม...ของวันถัดไป
แม้ยังไม่เกิดขึ้น แต่เธอรู้--ว่ามันมีอยู่"
"ลมที่ว่านี่อยู่ไหนเหรอคะ"
"บนเส้นทางของผู้ไม่หยุดเดินทาง
และผู้ไม่พันผูกความสุขของตัวเองไว้
กับลูกโป่งบางลูก
เขาย่อมรับรู้ถึง...สายลม"
แล้วเด็กหญิงก็เดินทางต่อไป
เช่นกันกับผู้เฒ่า
ระหว่างสวนกัน
เธอสัมผัสได้ถึงสายลมเบาๆ...
ลูกโป่งติดอยู่กับกิ่งไม้ตรงนั้นนี่เอง
เธอเอื้อมมือไปจับเชือก
ดึงลงจากต้นไม้
แล้วปล่อย...
CR : Roundfinger
โฆษณา