การปลดโทมัส ทูเคิลออกจากตำแหน่ง เป็นการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ของท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของใหม่ของเชลซี ที่ไม่ต้องการมรดกเดิมจากยุคโรมัน อบราโมวิช แต่ต้องการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ด้วยแนวทางและด้วยคนของตัวเอง เรื่องราวเป็นอย่างไร เราจะไปไล่เรียงกันตั้งแต่แรก
การปลดทูเคิลนั้น เอาจริงๆ ก็เข้าใจได้ แต่ถ้ามองจากคุณงามความดีที่ทูเคิลสร้างให้เชลซี ก็ต้องยอมรับว่า นี่เป็นการกระทำที่เด็ดขาด และเลือดเย็นอย่างมากทีเดียว
ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2020-21 แฟรงค์ แลมพาร์ดเป็นผู้จัดการทีมเชลซี แต่เล่นไปเล่นมา เขาไม่สามารถยกระดับทีมให้แกร่งไปกว่านี้ได้ จึงถูกเชลซีปลดออก แล้วแต่งตั้งทูเคิล ที่ ณ ตอนนั้นว่างงานพอดี มารับงานเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
ทูเคิลไม่ใช่โค้ชไร้ฝีมือจากไหน เขาต่อยอดโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ของเจอร์เก้น คล็อปป์ ให้อันตรายขึ้น จากนั้นพอย้ายไปเปแอสเช ก็พาทีมเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ความฝันของทูเคิลคือการได้แชมป์ยุโรปสักครั้ง เขาอยากยกระดับตัวเองให้กลายเป็นโค้ช Elite ระดับนั้น ซึ่งมันตรงกับเชลซีพอดี ที่มี Passion ในการยกระดับทีมให้ไปสู่จุดสูงสุดคล้ายๆ กัน
ทูเคิล รื้อระบบ 4-3-3 ของแฟรงค์ แลมพาร์ดออกไป แล้วพิจารณาศักยภาพของผู้เล่นที่มี ก่อนเปลี่ยนมาใช้ 3-4-3 แทน โดยสามแนวรุกตัวบน เขาเลือกใช้งาน นักเตะประเภท False 9 อย่างไค ฮาแวทซ์ ยืนเป็นตัวจริง ไอเดียของทูเคิล มองว่าทีมจะไหลลื่นกว่าถ้าไม่มีกองหน้าตัวเป้าขนานแท้อยู่ในทีม
การเข้ามาของทูเคิล ทำให้อาร์แซน เวนเกอร์ออกมาชื่นชมว่า เชลซีมี Good Cohesion หรือการประสานงานกันที่ดี กลุ่มตัวรุกช่วยกัน ทันกัน บอลบนพื้นอันตราย
ในฤดูกาล 2020-21 ทูเคิล กลายเป็นโค้ชคนเดียวในโลก ที่เอาชนะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, เจอร์เก้น คล็อปป์, ซีเนอดีน ซีดาน, ดีเอโก้ ซิมิโอเน่, คาร์โล อันเชล็อตติ และ โชเซ่ มูรินโญ่ได้พร้อมกันในซีซั่นเดียว
ขณะที่ผลงานในพรีเมียร์ลีก เชลซีประคองตัวจบอันดับ 4 การันตีพื้นที่ชปล. แบบไม่มีปัญหา ส่วนยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทูเคิลสร้างมาสเตอร์พีซเกมแล้วเกมเล่า พวกเขาหักด่านยากๆ มาเรื่อยๆ จากแอตเลติโก้ มาดริด, ปอร์โต้, เรอัล มาดริด จนถึงนัดชิง ที่ต้องปะทะกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ก่อนเกมนัดชิง ใครๆ ก็บอกว่าเชลซีเป็นรองเยอะ แต่พอสู้กันจริงๆ กลายเป็นเชลซีข่มเฉยเลย
ในเกมนัดชิงแมนฯ ซิตี้ ใช้แนวรุก 6 คน ลงตัวจริงพร้อมกัน กะเอาเชลซีให้ตาย (สเตอร์ลิ่ง, มาห์เรซ, เดอ บรอยน์, โฟเด้น, แบร์นาโด้ ซิลวา, กุนโดกัน) แต่ไม่สามารถเจาะเชลซีได้
นัดนั้นทูเคิลวางแท็กติกอย่างบาลานซ์ ยึดมั่น 3-4-3 ที่เขาเชื่อถือมาตลอด และสุดท้ายเชลซีก็ต้านทานเกมรุกของแมนฯ ซิตี้เอาไว้ได้จนตลอดรอดฝั่ง ก่อนเฉือนชนะ 1-0 คว้าแชมป์ยุโรปไปครองเป็นสมัยที่สอง
ระหว่างเกมมีเรื่องให้ทูเคิลต้องแก้ไขปัญหามากมาย เช่นติอาโก้ ซิลวาเจ็บระหว่างเกม เขาเลือกเอาอันเดรียส คริสเตนเซ่นลงแทน และเป็นการตัดสินใจที่ถูก เชลซีเก็บคลีนชีทได้ในนัดชิง
ปกติถ้าคุณไม่แน่จริง เจอทีมของกวาร์ดิโอล่าต้องโดนไล่ต้อนจนยับแล้ว แต่ทูเคิลทำได้ เขาเอาชนะแมนฯ ซิตี้ ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่าด้วยซ้ำ
เราจะเห็นว่าทูเคิลเป็นผู้จัดการทีมที่มีของอยู่ในตัว ว่ากันแฟร์ๆ ในโลกฟุตบอลปัจจุบัน ฝีมือของเขาก็สมควรอยู่ในท็อปเท็นแน่นอน
ซีซั่นแรก (2020-21) เปิดฉากมาด้วยแชมป์ยุโรปทันที จากนั้นเข้าสู่ซีซั่นที่สอง (2021-22) ก็ยังนึกไม่ออกว่า มันแย่ตรงไหน
ทูเคิลพาเชลซี เจอบียาร์เรอัล ในรายการยูฟ่า ซูเปอร์คัพ โดยทั้งสองทีมเสมอกันในเวลา 1-1 ต้องไปวัดกันที่จุดโทษ ซึ่งทูเคิลโชว์ความใจถึง ด้วยการเปลี่ยนเคป้า อาร์ริซาบาลาก้า ลงในนาทีที่ 119 แทนเอดูอาร์ เมนดี้ จุดประสงค์เพื่อเอามาเซฟจุดโทษ และเคป้าทำได้จริงๆ เซฟสองลูก พาเชลซีคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
รวมถึง พาเชลซีคว้าแชมป์ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ที่ผ่านมามีแค่สองทีมในอังกฤษเท่านั้นที่เคยไปถึงเกียรติประวัตินี้ คือแมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล แต่ทูเคิลสามารถนำทีมเชลซีชุดนี้ขึ้นไปทาบสถิติเรื่องนี้ได้
นอกจากนั้นยังพาเชลซีเข้าชิงอีกสองถ้วย (คาราบาวคัพ และ เอฟเอคัพ) ซึ่งก็แพ้จุดโทษลิเวอร์พูลทั้ง 2 รายการ คือทรงเกมไม่ได้เป็นรองเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วการยิงจุดโทษ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการโยนหัวก้อย
ส่วนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่าลืมว่าทีมที่เชลซีแพ้ คือเรอัล มาดริด ซึ่งสุดท้ายก็เรอัล มาดริดทีมนี้ไม่ใช่หรือ ที่ได้แชมป์ยุโรป
สำหรับผลงานในลีก เชลซีจบอันดับ 3 ก็จริงอยู่ว่ามันก็ไม่ได้ลุ้นแชมป์ แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่แย่ขนาดนั้น ทูเคิลทำงานในเงื่อนไขที่ลำบากมากมาย เช่น เขาชอบใช้ระบบ False 9 แต่สโมสรก็ไปซื้อกองหน้าตัวเป้าอย่างโรเมลู ลูกากูมา ในราคาสถิติสโมสร เขาก็ต้องส่งลงอีก แท็กติกที่ตัวเองอยากจะใช้จริงๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปตามนโยบายของสโมสร
ยังไม่นับเรื่องนอกสนามอีก ที่ทูเคิลแยกทางกับภรรยาที่แต่งงานกันมา 13 ปี รวมถึงเหตุการณ์ที่โรมัน อบราโมวิช โดนรัฐบาลอังกฤษสั่งแช่แข็งสโมสร เจอวิบากกรรมมาสารพัด แต่ทูเคิลยังพาเชลซีประคับประคองจบอันดับ 3 ได้ ก็นับว่าสุดยอดแล้ว
เข้าสู่ ซีซั่นที่ 3 ของทูเคิลกับเชลซี (2022-23) เขาต้องสูญเสียนักเตะในทีม ทั้งอันโตนิโอ รูดิเกอร์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ติโม แวร์เนอร์ และ มาร์กอส อลอนโซ่ คือโอเคว่าทีมซื้อผู้เล่นใหม่มาเยอะมาก แต่คำถามคือนักเตะหน้าใหม่ ก็ยังต้องใช้เวลาปรับตัว เช่นเดียวกับทูเคิลก็ต้องเรียนรู้จังหวะของผู้เล่นที่แตกต่างกันออกไป
เรื่องนอกสนาม ทีมบริหารของท็อดด์ โบห์ลี่ ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาทำงานง่ายขึ้นเลย กว่าคุณจะคว้าโฟฟาน่า เข้ามาเป็นกองหลังคนใหม่ก็ต้องรอจนถึงตลาดนักเตะวันสุดท้าย คือถ้ายังไงก็ต้องจ่าย ทำไมไม่ซื้อให้เร็วกว่านี้
เรายังไม่พูดถึงเรื่องจิปาถะเช่น ก่อนเกมไปเยือนลีดส์ ยูไนเต็ด สโมสรดันไม่ได้หาตั๋วเครื่องบินให้สตาฟฟ์โค้ชด้วย ส่งผลให้เขากับสตาฟฟ์คนอื่นๆ ต้องนั่งรถบัสหลายชั่วโมงตามไป คือแทนที่จะไปถึงเร็วๆ เพื่อจะได้คิดวางแผนรับมือลีดส์ พอไปถึงลีดส์ พวกโค้ชก็เหนื่อยกันแล้ว สุดท้ายไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือไม่ แต่จบเกมนั้น ลีดส์ชนะเชลซี 3-0
ถามว่าในภาพรวมเชลซี ย่ำแย่ขนาดนั้นไหม คำตอบคือ ก็ไม่ ในพรีเมียร์ลีกพวกเขาตามหลังจ่าฝูงอาร์เซน่อลแค่ 5 คะแนน ยังมีโอกาสพลิกผันได้ตลอด ส่วนในแชมเปี้ยนส์ลีก แม้จะแพ้ดินาโม ซาเกร็บ แต่มันก็แค่เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ยังไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้น
แต่สุดท้ายทูเคิลก็โดนไล่ออกอยู่ดี เป็นการตัดเยื่อใยที่ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เคยมีร่วมกันเลย ถือเป็นการกระทำที่เด็ดขาดมากๆ ของท็อดด์ โบห์ลี่
ส่วนคำถามว่า "ทำไมถึงปลด" สื่ออังกฤษมีการวิเคราะห์กันไปหลายทิศทาง
--------------------
[ 1- ทีมจ่ายเงินซื้อนักเตะเยอะที่สุดในโลก แต่กลับทำทีมไม่มีทรง ]
ในฤดูกาลนี้ เชลซีใช้เงินซื้อนักเตะทั้งหมด 271.1 ล้านปอนด์ เป็นทีมที่ใช้เงินมากที่สุดในโลก และนักเตะแต่ละคนก็เป็นตัวที่ทูเคิลอยากได้ทั้งนั้น แต่ผลงานกลับสวนทางกัน หลายนัดทูเคิลดูเล่นได้อย่างตื้อตัน แก้เกมไม่เวิร์ก และดูไม่สามารถกระตุ้นลูกทีมให้ฮึดสู้ได้ ถ้าหากเห็นทิศทางแล้วว่าจะเป็นขาลง จะแปลกตรงไหน ถ้าจะเด้งออกไปเลย แล้วไปตามหาโค้ชที่ Fresh กว่า
ถ้าว่ากันตรงๆ หลายนัด ทูเคิลก็วางแท็กติกแบบงงๆ เหมือนกัน เมสัน เมาท์ เล่นได้ย่ำแย่มากๆ ก็ยังได้ลงเล่นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเอดูอาร์ เมนดี้ ถ้าพลาดหน้าโกล์ขนาดนั้น ปกติต้องโดนดร็อปกันแล้ว รวมถึงมีการสลับตำแหน่งผู้เล่นตรงนั้นตรงนี้เยอะไปหมด แถมนักเตะเริ่มดู Unmotivated หรือขาดแรงจูงใจแล้ว
บางคนอาจมองว่าเร็วไป แต่คิดอีกมุมถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อนานกว่านี้ อาจจะตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกเลยก็ได้ ดังนั้นคิดเร็วทำเร็วมันเลยดีกว่า
[ 2- ความขัดแย้งกับบอร์ดบริหาร ]
เดลี่ เมล์ รายงานว่าจุดแตกหักที่สำคัญระหว่างทูเคิล กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ คือการปฏิเสธไม่ยอมรับคริสเตียโน่ โรนัลโด้มาเล่นที่เชลซี ทั้งๆที่ ไม่มีกองหน้าตัวเป้าแล้ว ทุกคนทราบกันว่า โรนัลโด้ต้องการย้ายไปเล่นทีมที่อยู่ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และผู้บริหารก็ต้องการเอาตัวมาด้วย เพื่อผลประโยชน์ทางภาพลักษณ์ แต่ทูเคิลไม่เอา เพราะคิดว่าจะทำให้ทีมเสียระบบ
ทูเคิลมีดีกรีของผู้จัดการทีมแชมป์ยุโรปค้ำคออยู่ การคอนโทรลใดๆ จากผู้บริหารก็ทำได้ยาก ในระยะยาวก็อาจเห็นไม่ตรงกันอีก สู้ตัดทิ้งไปตั้งแต่เนิ่นๆ เลยน่าจะทำงานได้ง่ายกว่า
[ 3- ผู้บริหารต้องการล้างไพ่ใหม่หมด ]
ที่ผ่านมาเชลซีแม้จะเปลี่ยนเจ้าของแล้ว แต่ก็ยังมีภาพทรงจำของโรมัน อบราโมวิชติดอยู่ตลอด ดังนั้นสิ่งที่เจ้าของใหม่ต้องทำ คือกวาดล้างทีมงานชุดเก่าออกไปให้หมด ก่อนหน้านี้ มาริน่า กรานอฟสกาย่า , บรูซ บัค, ปีเตอร์ เช็ก รวมถึงหัวหน้าทีมแมวมองต่างประเทศ สกอตต์ แม็คเอแคลน โดนเด้งไปหมดแล้ว ดังนั้นก็ไม่แปลกอะไรที่ ทูเคิลที่เป็นคนที่อบราโมวิชแต่งตั้ง จะต้องถูกเด้งตามไปอีกคน
[ 4- รีบรุกเข้าหาผู้จัดการทีมคนใหม่ ก่อนที่ทีมอื่นจะไหวตัวทัน ]
แมตต์ ลอว์ ผู้สื่อข่าวจากเดลี่ เทเลกราฟ ซึ่งเป็นอินไซเดอร์ของเชลซีระบุว่า "ผู้บริหารของเชลซี ทั้งท็อดด์ โบห์ลี่ และ กลุ่มทุนเคลียร์เลก แคปิตอล เชื่อว่า ทูเคิลเป็นคนที่ไม่ใช่ และหลังจากไล่ออกก็จะไปทาบทามเกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีมไบรท์ตันแทน หรือไม่ก็อาจไปคุยกับบิ๊กเนมคนอื่นๆ เช่น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ หรือ ซีเนอดีน ซีดาน"
เกรแฮม พอตเตอร์ ที่พาไบรท์ตันมีผลงานยอดเยี่ยม ณ ขณะนี้ อีกไม่นาน เขาจะได้รับความสนใจจากทีมใหญ่ๆ แน่ๆ ดังนั้น ณ เวลานี้ ที่พอตเตอร์ยังไม่มีข้อเสนอจากทีมอื่น ก็เป็นโอกาสดีที่เชลซีจะตัดหน้าคว้าตัวมาได้ ดังนั้นเพื่อเปิดพื้นที่ว่างให้พอตเตอร์เข้ามา ก็ต้องเด้งทูเคิลออกไปก่อน
[ 5- ถ้ายังไงก็ต้องปลดสักวัน ก็ทำวันนี้ไปเลยดีกว่า ]
หากคิดในแง่ว่า ยังไงก็ต้องปลดอยู่แล้ว ช่วงเวลาแบบนี้แหละที่เชลซีกำลังฟอร์มไม่ดี ยังพอหาข้ออ้างได้ว่าปลดเพราะอะไร แต่ถ้าทูเคิลคัมแบ็กกลับมาได้เมื่อไหร่ พาเชลซีทะยานขึ้นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก หรือเข้ารอบน็อกเอาต์แชมเปี้ยนส์ลีก ถ้าจะมาไล่ออกตอนนั้น ก็อาจโดนกระแสต่อต้านจากแฟนบอล ดังนั้นถ้าจะทำ ก็ต้องทำตอนนี้
ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลแท้จริงของการไล่ออกคือข้อไหน แต่สิ่งที่เรายืนยันได้ก็คือ ทูเคิลไม่ได้รับความเชื่อใจจากท็อดด์ โบห์ลี่อีกต่อไปแล้ว เขาอยากเดินร่วมทางไปกับคนอื่นมากกว่า
มีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ท็อดด์ โบห์ลี่นั้น นอกจากจะเป็นเจ้าของสโมสรเชลซีแล้ว เขายังเป็นเจ้าของสโมสรเบสบอล แอลเอ ดอดเจอร์สด้วย โดยในทีมดอดเจอร์ส ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ใช้เฮดโค้ชไปแค่ 2 คนเท่านั้น คือเปลี่ยนแปลงน้อยมากๆ
มันพอจะแปลได้ว่า แนวทางการบริหารของโบห์ลี่นั้น เขาต้องการคนที่ใช่จริงๆ และพอเลือกปั๊บ ก็จะให้โอกาสคนคนนั้น คุมทีมไปยาวๆ หลายปี เชื่อใจกันไปเรื่อยๆ อาจจะต่างกับแนวทางของอบราโมวิชที่เอาผู้จัดการทีมชื่อดังมาก่อน ถ้าไม่ได้แชมป์อะไรก็โดนเด้งทันที
คือถ้าโบห์ลี่ชอบทูเคิล ก็คงให้ทูเคิลอยู่ยาวนั่นแหละ แต่พอคุยไปคุยมา ร่วมงานกันช่วงสั้นๆ แล้วเคมีไม่เข้ากัน ก็ต้องไปหาคนอื่นมาแทนดีกว่า มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เพราะไหนๆ ก็จะต้องร่วมงานกันนานๆ แล้ว เอาคนที่ทำงานแล้วสบายใจที่สุดไปเลยดีกว่า
จากวันนี้ เส้นทางของทูเคิลก็จบลงกับเชลซี เพียงแค่ 20 เดือนเท่านั้น แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สวยงาม มากกว่าเศร้าสร้อย เป็นการแยกจากกันที่ไม่ได้โกรธเคืองอะไร และทูเคิลก็จะยังเป็นหนึ่งในตำนานของทีมเสมอ เป็นโค้ชผู้พาเชลซีคว้าแชมป์ยุโรป และแชมป์สโมสรโลกได้สำเร็จ สิ่งที่เขาสร้างไว้ ไม่มีใครลบเลือนได้แน่นอน
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็คือ ทูเคิลต้องลืมความเจ็บปวดที่โดนไล่ออกให้ไว แล้วไปหาสโมสรใหม่ ที่พร้อมเชื่อใจเขา 100% ทูเคิลเพิ่งอายุ 49 หนทางความสำเร็จยังรอคอยเขาอยู่
ขณะที่สโมสรเชลซีก็จะเริ่ม Move on ไปในโลกใหม่ ที่ไม่มีเศษเสี้ยวของโรมัน อบราโมวิชหลงเหลืออยู่แล้ว น่าสนใจดีว่า ทีมสิงห์บลูส์จะมีรูปโฉมแบบไหนต่อจากนี้ เป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน
#GOODBYETUCHEL
- 11
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
