8 ก.ย. 2022 เวลา 08:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Pull back & throw back กลยุทธิ์ดักบาย ดักเซล
Pullback & Throwback Strategy
กลยุทธิ์ดักบาย ดักเซล
มากันอีกแล้ว สำหรับทริคเล็กๆน้อยๆและเทคนิคการเทรด เพื่อสร้างผลกำไรจากตลาดการเงิน วันนี้เรามาทำความรู้จักกับกลยุทธ์การเทรด Pullback และ Throwback กันหากใครยังไม่รู้จักและยังไม่เคยใช้วิธีการเทรดแบบนี้ ก็ลองมาทำความรู้จักกันก่อนครับ อาจจะได้เทคนิคดีๆจากกลยุทธิ์ไปไม่มากก็น้อย
Pullback และ Throwback คืออะไร
Pullback คือการดึงกลับ อาจจะเรียกในหลายๆภาษาเช่น กลับตัว ย่อ เด้ง หรืออะไรต่างๆล้วนแล้วแต่มี คำว่าPullback เป็นส่วนประกอบ โดยส่วนมากจะพบเห็นกันบ่อยๆในตลาดการเงิน
รูปแบบการเคลื่อนไหวส่วนใหญ่เป็นทิศทางต่อเนื่อง หรือที่เราเรียกว่า แนวโน้มเทรนด์ ซึ่งงเป็นลักษณะไต่ขึ้น ไต่ลง ไปทางแนวโน้มหลักนั่นเอง และจากการสวนกระแสคลื่นของราคาในทิศทางตรงกันข้ามนี่เอง เราจึงเรียกว่า Pullback และ Throwback
Pullback และ Throwback บอกอะไรเราได้บ้าง??
เมื่อคลื่นของราคาที่วิ่งสวนแนวโน้มหลักกลับมา บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่นักลงทุนเริ่มปิดสถานะ เช่นปิดเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่ยังถือต่อในระยะยาว โดยทั่วไปเราจะแบ่งรูปแบบการกลับตัวในระยะสั้นๆในกรอบเส้นแนวโน้มออกเป็น 2 แบบ
1. Pullback เกิดขึ้นในตลาดขาลง เน้น SELL โดยเป็นเพียงจังหวะการดีดตัวกลับขึ้นมา ที่ยังอยู่ในแนวโน้มของขาลงอยู่ ทำให้เราสามารถหาจังหวะในการดัก SELL เพิ่ม
2.Throwback เมื่อมี Pullback ของขาลง ก็ต้องมี Throwback ของขาขึ้น เกิดขึ้นในตลาดขาขึ้น เน้น BUY โดยเป็นเพียงจังหวะการดีดตัวกลับลงมา ที่ยังอยู่ในแนวโน้มของขาขึ้นอยู่ ทำให้เราสามารถหาจังหวะในการดัก BUY เพิ่ม
ในเชิงกลยุทธ์ เราจะรู้ว่ามันเป็น Pullback หรือ Throw back ก็ต่อเมื่อ มันไม่สามารถทะลุแนวต้านเดิมหรือ แนวรับเก่าไปได้ และในจังหวะนี้เอง จะเปิดโอกาสให้เราชาวเทรดเดอร์ ได้กลับเข้ามาในเกมส์อีกครั้งเพื่อเปิด position ในการทำกำไรเพิ่มนั่นเอง
วิธีในการเข้าทำกำไรจากกลยุทธิ์ Pullback & Throwback Strategy
1. มองหาเทรนดฺแนวโน้มให้เจอก่อน
2. ตีกรอบเส้นเทรนไลน์ตามแนวโน้มเทรนด์ จะได้ระยะในการสวิงของราคา
3. ตีเส้นแนวรับแนวต้านจากจุด ต่ำสุดและ สูงสุดของเทรนด์ ตามแนวกรอบย่อยๆ
4. หาจุดย่อเพื่อรอจังหวะเข้า ตามแนวโน้มเทรนด์เดิม
ขาขึ้น รอย่อลงมาตามแนวรับเดิม แล้วดัก BUY
ขาลง รอดีดตัวกลับขึ้นไปลงมาตามแนวต้านเดิม แล้วดัก SELL
วิธีสังเกต
- ใช้อินดิเคเตอร์ Volume เข้ามาประกอบในการตัดสินใจเพื่อดูค่าความผันผวน
-ใช้อินดิเคเตอร์ BOLLINGER BAND ร่วมด้วย
- Throwback จะมีลักษณะการยกตัวของราคาที่ทำ High เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้น Throwback จะต้องทำ High ใหม่เสมอ หรือเป็นลักษณะที่เรียกว่า รีบาวด์เพื่อขึ้นต่อ ซึ่งจะเกิดในแนวโน้มขาขึ้น Bullish Trend
- Pullback จะมีลักษณะการยกตัวของราคาที่ทำ Low อย่างต่อเนื่อง ฉะนั้น Pullback จะมีลักษณะที่การยกตัวของราคาจะทำ Low ใหม่เสมอ หรือเป็นลักษณะที่เรียกว่า รีบาวด์เพื่อลงต่อ ซึ่งจะเกิดในแนวโน้ม Bearlish Trend
👉👉👉เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ง่ายๆใช่มั้ยครับ รูแอย่างนี้แล้ว เราก็ได้เทคนิคและกลยุทธิ์เพิ่มเติมเพื่อทำกำไรในอีกระดับหนึ่งแล้ว ลองไปหัดใช้และปรับแต่งตามที่ตัวเองถนัดดูครับ มีประโยชน์สุดๆขอให้โชคดีครับ
ขอบคุณรูปาพจาก admiral market
"สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม ใน Blockdit ของเรา
โฆษณา