Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กระทรวงการต่างประเทศ
•
ติดตาม
20 ก.ย. 2022 เวลา 01:48 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
การสร้างเสริมศักยภาพความเป็นผู้นำแก่บุคลากรวิจัยรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเปค
เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสได้ร่วมวงสนทนากับท่านรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นายณัฐภาณุ นพคุณ หรือ ท่านรองนิ้ง แห่งกรมสารนิเทศ โดยระหว่างการสนทนาท่านรองนิ้งเล่าว่า การประชุมเอเปคในปีนี้ ได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วนมาก ไม่จำกัดเพียงแต่ภาคธุรกิจหรือภาคการระหว่างประเทศเท่านั้น กลุ่มงานวิชาการโดยเฉพาะ “นักวิจัย” ก็เป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่ให้ความสนใจกับการประชุมเอเปคที่ประเทศไทยของเราเป็นเจ้าภาพของไทยอย่างมากด้วยเช่นกัน
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้จัดกิจกรรม 'ประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างเสริมศักยภาพความเป็นผู้นำแก่บุคลากรวิจัยรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเปค' (Inclusive Science Leadership Program for Early-to Mid-Career Researchers in APEC) ซึ่งท่านรองนิ้งได้รับเชิญจาก สวทช. ไปร่วมบรรยายพิเศษ เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยมีนักวิจัยรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเปค จำนวน ๒๔ คน จาก ๑๔ เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ชิลี มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น บรูไนดารุซซาลาม เปรู ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน รัสเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และไทย เข้าร่วม
รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศขณะบรรยายพิเศษถึงโมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG ที่มา : นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ
ท่านรองนิ้งได้ให้ภาพเกี่ยวกับโมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG ว่า เป็นรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจที่คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ประกอบด้วย ๓ แนวทาง ได้แก่ ๑) B หรือ Bio Economy คือ ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า ๒) C หรือ Circular Economy คือ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน มุ่งคำนึงถึงการนำทรัพยากรต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และ ๓) G หรือ Green Economy หรือ ระบบเศรษฐกิจสีเขียว ที่มุ่งลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนตราสัญลักษณ์การประชุมเอเปคประจำปีนี้ คือ ‘ชะลอม’ ที่สะท้อนให้เห็นถึงการอนุรักษ์และนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งยังสอดคล้องกับหัวข้อหลักการประชุมในปีนี้ คือ “Open. Connect. Balance.”
โดยชะลอมนอกจากจะสื่อถึงการค้าที่เปิดกว้าง (Open) เพราะเป็นได้ทั้งภาชนะบรรจุสินค้า หรือเป็นหีบห่อบรรจุสิ่งของสำหรับใช้ในการเดินทางแล้ว ยังสื่อถึงความเชื่อมโยง (Connect) เพราะชะลอมเป็นตัวอย่างของความสมดุลระหว่างการแลกเปลี่ยนสินค้ากับการรักษาธรรมชาติ (Balance) เนื่องจากเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุทางธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจแบบ BCG นั่นเอง
ตราสัญลักษณ์การประชุมเอเปค พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่มา : บางจาก
แน่นอนว่าการรักษาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องไกลตัวของพวกเราเลย ไม่ว่าใครก็มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ เราในฐานะผู้บริโภคเองก็สามารถเลือกใช้สินค้าและบริการที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ โดยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์หรือวัสดุที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ หรือวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีงานวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) ของบรรดานักวิจัยมือฉมังเหล่านี้
การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของนักวิจัยจึงถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของเอเปค โดยเอเปคได้พัฒนากรอบความร่วมมือความเป็นหุ้นส่วนด้านนโยบาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (APEC’s Policy Partnership for Science, Technology and Innovation. PPSTI) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการดำเนินงานของนักวิจัยรุ่นใหม่ของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยหน่วยงานหลักของไทยที่รับหน้าที่ช่วยดูแลและส่งเสริมกรอบความร่วมมือ PPSTI คือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
บทบาทและหน้าที่ของ PPSTI ที่มา : กรมประชาสัมพันธ์
ท่านรองนิ้งบอกกับผมว่า การพัฒนาเครือข่ายของนักวิจัยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะก่อให้เกิดบทสนทนาและการแลกเปลี่ยนความรู้และข้อคิดเห็นจนนำไปสู่การพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมอีกมากมายหลายสาขาในอนาคต อีกทั้งช่วยสร้างความหลากหลาย ความคิดริเริ่ม หรือกิจกรรมดี ๆ ให้กับประเทศ และประชาคมวิจัยและพัฒนาในเวทีนานาชาติด้วย
ทาง อว. นำโดย สวทช. ได้ร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ สมาคมนักวิจัยไทยรุ่นใหม่ (Thai Young Scientists Academy: TYSA) เครือข่ายนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่อาเซียน (ASEAN Young Scientists Network) องค์กรเครือข่ายนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์โลก (Global Young Academy) และองค์กรอื่น ๆ สร้างเครือข่ายนักวิจัยทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน และนักวิจัยนานาชาติ มาร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านการศึกษาวิจัยและการพัฒนาในประเทศไทย
ภาพกิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพความเป็นผู้นำแก่บุคลากรวิจัยรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเปค ที่มา : ASEAN Young Scientists Network
ก่อนจะจบบทสนทนา ท่านรองนิ้งกล่าวว่า สำหรับประเทศไทย บทบาทของนักวิจัยอาจยังไม่เป็นที่รับรู้ของผู้คนในสังคมมากนัก แต่ก็หวังว่า การเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ จะสามารถช่วยประชาสัมพันธ์บทบาทและความสำคัญของนักวิจัยไทยให้เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปได้มากขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย เพราะเขาและเธอเหล่านี้ ล้วนเป็นหนึ่งในกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศ สร้างองค์ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะมาช่วยเปิดโลกทัศน์ของพวกเราในแง่มุมที่แตกต่างและหลากหลายมากขึ้น
นายเอกวิทย์ ซอหะซัน
เจ้าหน้าที่ติดตามและวิเคราะห์ข่าว
กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
ความรู้
apec
เทคโนโลยี
1 บันทึก
10
1
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย