9 ก.ย. 2022 เวลา 16:25 • หนังสือ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ฉบับหัวขบถ [โหมดเอาจริง]
Ch04: ลิลี่ พอตเตอร์
ไม่ใช่นักบุญหรือนางฟ้า ก็แค่เด็กสาวคนหนึ่ง
สเนป: ขอบใจที่ปลอบนะลิล.. แต่มึงถ่ายรูปทำไมวะ?
แฟนๆ มากมายที่มักมีทัศนะต่อลิลี่ว่าคนดีมาก แต่ก็มีบางคนก็มองว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดี ซึ่งเราไม่สามารถสรุปได้ JK Rowling ก็เพียงระบุว่าเธอเป็นคนใจดีและอบอุ่นก็จริงแต่ไม่เคยพูดซักนิดว่าเธอเป็นคนดี!
ตรงนี้บางคนอาจจะงงว่า 'ลิลี่เป็นคนใจดีและอบอุ่นมันก็เพียงพอที่จะสรุปว่าเธอเป็นคนดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องบอกว่า JK ไม่เคยพูดว่าลิลี่เป็นคนดี นี่จะด้อยค่าลิลี่รึไง?' ตรงนี้ผมจึงก็ต้องชี้ให้เห็นก่อนเลยว่าดัมเบิลดอร์เองก็เป็นคนที่มีบุคลิกใจดีและอบอุ่นใช่มั้ย แต่เป็นไงพอเราลองประเมินตัวละครแบบจริงจัง
ความเป็นคนใจดีและอบอุ่นไม่ได้เท่ากับการเป็นคนดีในจักรวาลของ JK Rowling ผู้ที่ชอบให้ตัวละครโปรดของเธอเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง เธอเผยเบาะแสเกี่ยวกับลิลี่ในหนังสือเล่มแรกว่า "turned teacups into rats" ซึ่งผมแคปมาแปะแล้วใน Ch02 และ JK Rowling ก็ใจดีพอชี้ให้เราเห็นด้วยว่าสภาพจิตใจของเพ็ตทูเนียย่ำแย่จากมันมาก
ลิลี่ก็เหมือนแฮร์รี่ที่ต้องการลองดูว่าเธอสามารถท้าทายกฎได้แค่ไหน เรารู้เธอทำมากกว่าหนึ่งครั้งเพราะมีจดหมายมาถึงเธอมากกว่าหนึ่งฉบับ สิ่งที่เธอทำไม่ได้น่ารักซักนิดหากสมมติว่าเหตุการณ์นี้เกิดกับเราบ้าง จากมุมมองของเพ็ตทูเนียลิลี่เป็นคนกวนตีนทีเดียว! ซึ่งเบื้องต้นตามที่ JK Rowling อธิบาย ลิลี่ไม่ใช่คนใจคอโหดร้ายแบบฝาแฝดที่ตั้งใจทำร้ายเพ็ตทูเนียแต่แค่คิดอะไรตื้นเขินไปหน่อย และเธอบอกให้เรารู้ซ้ำๆ หลายครั้งในบทสัมภาษณ์ ตัวอย่างเช่นอันนี้
JK Rowling อธิบายเกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ปกป้องแฮร์รี่
เห็นมั้ย.. ผมไม่ได้พูดเล่นๆ! ลิลี่เป็นคนตื้นเขินมาก--อิงจากบทสัมภาษณ์ของ JK Rowling ลิลี่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากสิ่งที่เธอทำ ใช่ เธอเป็นวีรสตรีที่ยอมสละชีวิตเพื่อลูกชาย แต่ลองคิดดูว่าเมื่อโวลเดอร์มอร์มาถึงแทนที่เธอจะรีบออกจากบ้านทางประตูหลัง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกเป็นหลัก เธอวิ่งขึ้นบันไดแล้วล๊อคห้องเหมือนตัวละครหญิงในหนังสยองขวัญ!? ขณะกอดลูกด้วยความกลัวโวลเดอร์มอร์ก็พังประตูขึ้นมา
ลิลี่น่าจะเชี่ยวชาญด้านคาถาถ้าอิงจากไม้กายสิทธิ์ของเธอ หากเธอเป็นผู้หญิงฉลาดและกล้าหาญก็คงหาวิธีหลอกล่อและหลบหนีเหมือนที่เคยทำได้มาก่อน หรือถ้าเก่งแต่โง่ก็จะยอมแลกเพื่อลูก--สู้จนตัวตาย แต่นี่ "ฆ่าฉัน! อย่าฆ่าแฮร์รี่!"
คือเธอคาดหวังอะไร? หวังว่าความเสียสละของเธอจะปลุกความเป็นมนุษย์ในตัวโวลเดอร์มอร์ ทำให้เขาสงสารแล้วปล่อยแฮร์รี่ไปรึ? เราคาดหวังสิ่งนี้ในชีวิตจริงได้มั้ยเนี่ย!?
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ฉลาดเลยซักนิด!!
และใช่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดเหี้ยขึ้นนอกจากไม่อยากดูลูกตายเลยขอตายก่อน ก็ถ้ามันเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็รู้กันทั่วหน้าโวลเดอร์มอร์คงแพ้ก่อนหน้านั้นหลายปี เพราะเชื่อเถอะว่ามีพ่อแม่อีกมากมายที่ตายเพื่อลูกได้ แม้แต่ลูเซียสและนาซิสซ่าก็ทำสิ่งนี้ให้เดรโกได้ ไม่ต้องรอให้ลิลี่เป็นคนแรกที่มาทำแบบนี้ด้วยซ้ำ
แต่นั่นแหละ ไม่เคยมีคนทำโง่ๆ แบบนี้มาก่อนไง แฮร์รี่จึงกลายเป็นตัวละครติดบั๊กตัวแรก
เรารู้จากดัมเบิลดอร์ในท้ายเล่มแรกว่าลิลี่ตายเพื่อปกป้องแฮร์รี่ และการเสียสละของเธอกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้โวลเดอร์มอร์แตะต้องแฮร์รี่ไม่ได้ และมันถูกทำซ้ำในเล่ม2เมื่อแฮร์รี่ประกาศต่อหน้าทอมแคทอย่างภาคภูมิว่าแม่ตายเพื่อปกป้องเขา พอเล่ม3 เราก็รู้จากลูปินว่าลิลี่เป็นผู้หญิงที่ใจดีและอบอุ่นอย่างไร พอเล่มสี่เธอก็ปรากฏจากไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอร์มอร์ ทั้งหมดวาดภาพเธอให้เป็นยอดหญิงและนักบุญ
แต่กี่คนที่จะตั้งข้อสังเกตว่านอกเหนือจากที่ไล่ๆ มานี่มันมีช่องว่างมหาศาล! เรามีแต่คำพูดจากไม่กี่คนที่ว่าเธอเป็นคนดี แต่นอกนั้นไม่มีใครสนใจพูดถึงเธอ!? มันแปลกมากจริงๆ ถ้าลองคิด ผู้หญิงที่สวยและแสนดีขนาดนั้นและเป็นแม่ของวีรบุรุษ ไม่มีใครในฮอกมีดส์สนใจจะคว้าคอแฮร์รี่มานั่งแล้วพล่ามเรื่องลิลี่เหรอ!?ไม่มีใครอยากลงรายละเอียดเกี่ยวกับเธอบ้างเหรอ!?
ราวกับไม่มีความดีอะไรให้เล่า!!
 
แต่เอาจริงๆ แฮร์รี่ก็มีส่วนผิดเรื่องนี้ เพราะขณะทอม แคท ริดเดิ้ล ยังสืบประวัติครอบครัวตัวเองอย่างจริงจัง แล้วแฮร์รี่มัวทำอะไรอยู่!? มีเวลาตั้งมากมายทำไมไม่สนใจจะไปหาหนังสือรุ่นมาดู!!? ขนาดว่าคนที่รู้จักและชื่นชอบแม่ตัวเองอย่างสลักซ์ฮอร์นมาเดินลอยชายอยู่รอบๆ แฮร์รี่ยังไม่สนใจที่จะสอบถามอะไรเลย ดังนั้นน่าทุบกบาลแยกมั้ยที่มันทำโวยวายว่าไม่มีใครบอก ก็มึงไม่ขวนขวายเองนี่!!
แฮกริดก็เล่าเกี่ยวกับสงครามครั้งแรกโดยบอกว่าเธอและผัวเธอเป็นประธานนักเรียนที่ทำหน้าที่รับสมัครคนเพื่อต่อสู้กับโวลเดอร์มอร์ซึ่งฟังๆ ดูเหมือนจะเก่งมาก ซึ่งก็จริงเพราะ JK Rowling ก็บอกเราว่าโวลเดอร์มอร์ต้องการให้ทั้งคู่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้เสพความตาย ตามที่ผมแคปแปะไว้ใน Ch01
แต่ทั้งคู่กลับล้มเหลวในการรับสมัครผู้คนทั้งที่กำลังโบกธงคุณธรรม ทั้งที่พวกเขาป๊อปปูล่ามาก ทำไมเป็นงั้น?
มาดูว่ามีอะไรพอเป็นเบาะแสให้เราได้บ้าง...
ในตอนที่8 ของภาคศิลานักปราชญ์ ศาสตราจารย์สเนปก็สารภาพถึงความโศกเศร้าอันลึกล้ำว่า "ฉันจะได้อะไรหากนำผงจากรากของอัลโฟเดลผสมกับกับน้ำแช่จากต้นบอระเพ็ด... สิ่งที่ได้คือจิบแห่งความตายทั้งเป็น" ซึ่งไม่เพียงหมายถึง "ความตายของลิลี่ทำความโศกเศร้าขมขื่นเหมือนตายทั้งเป็น" เท่านั้น แต่ยังหมายถึง "ฉันตายทั้งเป็นเนื่องจากการสิ้นสุดของมิตรภาพ" ด้วย เนื่องจากอัลโฟเดล(พืชตระกูลลิลี่)หมายถึงมิตรภาพที่ล้ำลึก ส่วนเวิร์มวูด(บอระเพ็ด)ก็หมายถึงหัวใจสลาย
เกือบโรแมนติกแล้วถ้าไม่มีภาคต่อว่า "มองฮูดกับวูฟเบนส์ต่างกันยังไง... มันคือพืชชนิดเดียวกันที่เรียกอีกอย่างว่าอะโคไนท์" งานนี้ใครรู้ภาษดอกไม้วิกตอเรียคงมีสะดุ้งเพราะมองฮูดหมายถึง "ผู้หญิงที่ฉันรักและเทิดทูล" วูฟเบนส์หมายถึง "คนขี้โกง" และอะโคไนท์คือ "หญิงที่มีพิษร้าย" แต่ทำไมสเนปเจาะจงใช้ "Aconite" เมื่อพืชชนิดนี้มีชื่อมากมายถึง 9 ชื่อ เขารักเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาไม่เลือกใช้  Fighter, Leopard, Rockget ซึ่งมีความหมายที่ดีกว่า?
แล้วนี่ยิ่งถ้ายิ่งมีความรู้เกี่ยวกับไบเบิลด้วยยิ่งสะดุ้งขึ้นไปอีกเพราะ James มาจากคำว่า Jacobs แปลว่า 'จับส้นเท้า' อันเป็นวลีในภาษาฮิบรูที่หมายถึง 'คนขี้โกง' นั่นเอง ความหมายเดียวกับวูฟเบนส์เลยดังนั้นแปลอีกนิด "ผู้หญิงที่ฉันรักกับเจมส์แม่งต่างกันยังไงวะ... ก็เหมือนกันนั่น แม่งรวมหัวกันฆ่ากู!"
คือตอนกลับมาอ่านอีกครั้งหลังหนังสือจบนี่แทบเอาหัวโขกเสาเลย! ไอสัสเอ้ย!
บอกโต้งๆ ขนาดนี้กูพลาดได้ไงวะ!? (-*-)
ดังนั้นผมอยากให้ผู้อ่านกลับไปดูเล่ม5: ภาคีนกฟินิกซ์ ตอน ความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดของสเนป ซึ่งเรามีความเชื่อและความเข้าใจร่วมกันว่า "เหตุผลที่มันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายที่สุด เพราะเขาได้หลุดปากเรียกเธอด้วยคำต้องห้ามอันเป็นเหตุให้มิตรภาพสิ้นสุดลง" แต่ตอนนี้ถ้อยคำของสเนปที่บอกเกี่ยวกับลิลี่ในเล่มแรกกำลังทำให้เราต้องพิจารณาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ใหม่ว่าอะไรทำให้มันเลวร้ายที่สุด
เหตุการณ์เริ่มเมื่อซิเรียสบอกว่าเบื่อและเริ่มต้นรังแกสเนป ลิลี่เข้ามาช่วย สเนปลื่นหลุดคำต้องห้ามทำให้ลิลี่โกรธแล้วเรียกเขาด้วยคำดูหมิ่น แล้วทิ้งให้เขาถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่สาธารณะ ดูผ่านๆ เหมือนสเนปทำตัวเองให้เสียลิลี่ไปแท้ๆ
แต่คราวนี้ผมอยากให้ท่านเก็บทุกรายละเอียดด้วยกัน อย่างแรก... ลิลี่ไม่ได้เข้ามาแทรกทันทีเมื่อสเนปถูกปลดอาวุธ ถูกทำให้ล้มและถูกดูหมิ่น เธอเข้ามาเมื่อเจมส์ร่ายคาถา "สกอจิฟาย"
ลองหลับตาแล้วจินตนาการครับฟองสบู่สีชมพูที่ไหลออกจากปากและจมูกของสเนป แฮร์รี่เกลียดสเนปและไม่เคยแคร์ว่าจะสเนปจะถูกทำร้ายยังไง แต่ตอนนี้เขาเห็นว่า "ฟองสบู่กำลังปิดทางเดินหายใจ ทำให้สเนปหายใจไม่ออกและสำลัก" เรารู้ว่าแฮร์รี่ไม่มีความละเอียดอ่อนแต่กลับเก็บรายละเอียดนี้ได้แปลว่ามันต้องชัดเจนมาก! สเนปไม่ได้แค่พ่นน้ำสีชมพูมีฟองออกมา เขากำลังดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศ! หน้าคงเขียวไปหมดแล้วแฮร์รี่ถึงดูออก!!
ดังนั้นลิลี่จึงออกมา! เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ต้องมีใครสะกิด "เฮ้ย แก ไอ้เหี้ยนั่นกำลังจะฆ่าเพื่อนแก!" เพราะถ้ามาได้โดยไม่ต้องมีใครสะกิดก็คงเข้ามาแทรกตั้งแต่สเนปล้มลงกับพื้น
แล้วเธอมาอย่างเท่เลยครับ "ปล่อยเขาไปนะ" และรีแอ็คชั่นของแฮร์รี่ สังเกตรูปร่างลักษณะแล้วก็ตระหนักว่านี่คือแม่ แน่นอนว่าเป็นฉากที่ใช้เวลาเมื่อคิดว่าแฮร์รี่เป็นคนซื่อบื้อต้องใช้เวลาเพื่อตระหนักบ้าง เจมส์ก็เก๊กครับ "มีอะไรเหรอเอฟเวนส์" ลิลี่จึงตอบว่า "ปล่อยเขาไป เขาทำอะไรให้เธอ"
ผม: ไม่ต้องไปถามมัน! ช่วยสเนปก่อน!!
เจมส์ก็คิดว่าสเนปทำอะไรให้ มีการใคร่ครวญ ฉากเหล่านี้ต้องใช้เวลา ยิ่งพูดจีบสาวต้องมีลีลาในการพูด ฉะนั้นตามหลักความจริงไม่ได้รวดเร็วเลยแต่อ้อยอิ่งมาก ถ้าเป็นจักรวาลมักเกิ้ลคือแบบเจมส์จับหัวสเนปกดน้ำชักโครกแล้วเหยียบหัวค้างไว้ ยืนเท่คุยกับลิลี่ขณะที่สเนปจะจมน้ำส้วมตายอยู่รอมร่อ ดังนั้นเราคงต้องสงสารสเนปที่ตอนนี้ชักกระแด่วๆ ขณะที่เจมส์พล่ามว่าเหตุผลที่เขาทำเพราะสเนปมีตัวตนอยู่
ลิลี่--แทนที่เธอจะจัดการตามลำดับความสำคัญคือการช่วยชีวิตคนเป็นเบื้องต้น แค่ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่สเนปแล้วตะโกนว่า "ไฟไนท์ อินคันคาเท็ม" ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย-ไม่มีใครสามารถตำหนิเธอได้อีก แต่เธอกลับต่อปากต่อคำกับเจมส์ต่อว่าเขาเป็นแค่คนเย่อหยิ่งที่ชอบรังแกคนอื่นแล้วบอกให้เขาปล่อยสเนปไว้ตามลำพัง ตอนนี้ท่านสมมติตัวเองเป็นสเนปซะ แค่น้ำสบู่เข้าจมูกหรือปากก็แสบทรมาณจะแย่แล้ว นี่โดนเพื่อนสนิททิ้งไว้หน้าประตูยมโลกอย่างไม่ใยดี!!?
ต้องรอจนเจมส์จบประโยคการชวนลิลี่ออกเดทเวทมนตร์จึงเริ่มหมดฤทธิ์ อารมณ์เหมือนเจมส์เผลอยกเท้าออกจากหัวของสเนปทำให้สเนปเอาหน้าออกจากน้ำชักโครกได้และรอดตายหวุดหวิด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่ชวนตะลึงมาก เพราะถ้าเวทมนตร์หมดช้ากว่านี้ซักหน่อยสเนปอาจจะตายอนาจเลย ระหว่างนั้นลิลี่ไม่สนใจเพื่อนของเธอด้วยซ้ำแต่ต่อปากต่อคำกับเจมส์ต่อไป
ยัยนี่สติดีรึเปล่า??
ถ้าอยู่ๆ เราถูกอันธพาลข่มขู่ริมถนนแล้วอีเพื่อนเราวิ่งมาชนเราล้มไปกลางถนน รถบรรทุกที่วิ่งมาเกือบจะเหยียบหัวแต่โชคดีเบรกทัน หันไปอีกทีอีเพื่อนเรายังต่อปากต่อคำกับอันธพาลอยู่ไม่สนใจเรา ผมว่าร้อยทั้งร้อยคงด่าอีเพื่อนด้วยคำที่หยาบที่สุดเท่าที่จะคิดออกตอนนั้น คงไม่ได้มีความรู้สึกว่าเพื่อนมาช่วยหรอก แต่ตรงข้ามเลยต่างหาก "มึงเกือบทำกูตายแล้วอิห่า!!"
ดังนั้นสเนปก็เหมือนกับเรา--ด่าเพื่อนด้วยคำที่แรงที่สุดเท่าที่จะคิดออก แล้วคนที่เกือบทำเพื่อนตายเอาไงดี ต้องขอโทษใช่มั้ย!?
แต่นี่ลิลี่! แทนที่จะสำนึกว่าทำอะไรลงไป! นางบอกจะไม่ช่วยอีกแล้วสนิฟเวลลัสแล้วไล่ไปซักกางเกงใน เดี๋ยว!! ทำไมคนที่เกือบตายแล้วยังถูกทิ้งให้โดนถอดกางเกงในในที่สาธารณะ ต้องเป็นฝ่ายคลานไปขอโทษคนที่เกือบฆ่าตัวเองด้วยวะ!!? (คือในความรู้สึกนี่ชีวิตไม่เหลือเหี้ยอะไรแล้วนะ)
ไม่ต้องสงสัยว่าสิ่งเหล่านี้อยู่ในสายตาของคนทั้งโรงเรียน แล้วถ้าหญิงชั่วชายเลวคู่นี้โบกธงคุณธรรมใครจะอยากเข้าร่วม!?
สิ่งที่ผมอึดอัดมากจริงๆ คือลิลี่ไม่เคยรู้ตัวได้ไงว่าตัวเองทำอะไรลงไป สำคัญคือเธอไม่รู้สึกผิดที่เข้าไปเรียกความสนใจจากเจมส์จนเกือบทำให้สเนปขิตได้เหรอ นี่ยังไม่นับข้อเท็จจริงที่ว่าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยเปลี่ยนตัวละครเป็นเดรโกที่ถูกรังแกและเฮอร์ไมโอนี่เป็นคนช่วย เฮอร์ไมโอนี่จะไม่ทิ้งเดรโกแน่ๆ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเพื่อนกัน เห็นได้ชัดว่าคุณธรรมลิลี่ไม่ถึงขี้ตีนเฮอร์ไมโอนี่ด้วยซ้ำ
หรือถ้าลิลี่รังแกซิเรียสเพื่อให้เลิกคบซิเรียสแล้วมาหาเธอ เจมส์จะทิ้งเพื่อนเพื่อเห็นแก่ลิลี่รึไม่? คำตอบคือไม่!!
ผมจึงไม่เห็นด้วยมากๆ เวลาที่ใครพูดว่า "เจมส์ไม่ใช่คนดี" แต่เสือกพูดว่า "ลิลี่เป็นคนดีมาก" เพราะความจริงหลักฐานค่อนข้างชี้ว่าข้อบกพร่องของเจมส์มีราวๆ 20% คือเย่อหยิ่งและใจร้ายกับสเนปนอกนั้นเขาเป็นคนดี ถ้าใครบอกว่าเจมส์ไม่ใช่คนดีคุณจะบอกลิลี่เป็นคนดีไม่ได้เพราะคุณธรรมเธอไม่อาจเทียบเท่าเจมส์ได้
แต่ทำไมลิลี่เป็นไปได้ขนาดนั้น คำตอบน่าจะอยู่ตรงนี้ครับ...
JK Rowling เยาะเย้ยลิลี่ให้แฟนๆ ฟัง
ถ้าคุณไปถามทางใครสักคนแล้วเขาบอกว่า "ไปหน้าถนนจะเห็นยามคนผมดำดกปกหัวไหล่นั่งอยู่ ถามคนนั้นนะ 555+" ถ้าคุณมีสามัญสำนึกแบบมนุษย์ปกติย่อมต้องคิดออกใช่มั้ยว่าจะได้เจอคนหัวล้าน! นี่ก็เช่นกัน เมื่อมีคนถามว่าลิลี่เกลียดเจมส์ JK Rowling ตอบด้วยสามัญสำนึกแบบมนุษย์ว่า "เธอทำจริงอะเปล่า? คุณก็เป็นผู้หญิง น่าจะเข้าใจว่าฉันบอกอาราย(หุๆๆ)" เจตนาของเธอจึงชัดเจนว่า "ลิลี่กำลังเพ้อฝันถึงเจมส์อยู่"
เราจำเป็นต้องพูดกันตรงๆ นะครับว่าการที่ลิลี่เพ้อฝันถึงผู้ชายไม่ได้ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี ถ้าท่านคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีเพราะเธออยากจับเจมส์ท่านจะพบผู้หญิงไม่ดีเต็มไปหมด อาทิเช่น จินนี่ วิสลี่ย์, เฟลอร์ เดอ ลากูร์, นิมฟาเดอเรล่า ท้องค์, และอีกมากมาย ดังนั้นโปรดเข้าใจว่าวัฒนธรรมตะวันตกนี่เป็นคือผู้หญิงที่กล้าหาญที่พร้อมเลือกชีวิตและรับผิดชอบผลของการเลือกของตนเอง
*อารมณ์เดียวกับที่ออโรร่าบอกเจ้าชายว่าบ้านเธออยู่ในกระท่อมกลางหุบเขานั่นแหละ
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อให้ลิลี่แค่เพราะท่านชอบผู้หญิงรักนวลสงวนตัว JK Rowling ได้ทำให้ชัดเจนแล้วว่าที่เธอลืมเกี่ยวกับสเนปเพราะเธอกำลังจีบกับเจมส์ ตามหลักจิตวิทยาก็คงไม่แปลกที่เด็กสาวที่กำลังคุยกับผู้ชายที่ตัวเองเพ้อฝันถึงจะลืมสิ่งสำคัญรอบๆ ตัว บางคนอาจจะงงว่าถ้าเขาแย่กับเพื่อนสนิทเธอขนาดนี้เธอมีอารมณ์ไปจีบเขาได้ไง? คำตอบคือเธออาจมีอาการ Hybristophilia
JK Rowling แฉ! เอ้ย! อธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ลิลี่ตัดสินใจเดทกับเจมส์เพราะเขา "เลิกทำผมยุ่ง" และ JK Rowling ก็มองว่ามันดีต่อเจมส์เพราะลิลี่จะไม่ทนต่อพฤติกรรมที่เธอไม่ชอบ นี่ชัดเจนว่าเป็นจิตวิทยาของบุคคลที่มีอาการ Hybristophilia กล่าวคือลิลี่หลงใหลพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของเขานั่นทำให้เธอเผลอยิ้มเมื่อเขาเริ่มล่วงละเมิดทางเพศต่อสเนป เธอเชื่อว่าเธอสามารถเอาชนะและเปลี่ยนเขาให้เป็นคนดีได้ และการที่เขาทำเลิกทำผมยุ่งเพื่อเธอก็คือหลักฐานว่าเธอคิดถูก
JK Rowling บอกเราว่าลิลี่เป็นคนใจดีอันนี้ผมก็เชื่อนะ แต่เข้าใจว่าลิลี่น่าจะใจดีแบบฉาบฉวย--ชอบคิดว่าเธอประเมินความสัมพันธ์ของผู้คนและพลวัตของสิ่งอย่างๆ อย่างครอบคลุมทั้งที่จริงๆ มีปัญหาที่จะยอมรับภูมิหลังอันซับซ้อนของบางกลุ่มก้อน อาทิเช่นเธอไม่ชอบที่สเนปไปไหนกับพวกมัลซิเบอร์ แต่พวกเขานอนห้องเดียวกันนะ! ถ้ามัลซิเบอร์เป็นอันธพาลอย่างที่เธอเชื่อ ทำไมเธอคิดไม่ออกว่าสเนปจำเป็นต้องวางตัวให้เหมาะเพื่อจะไม่ถูกรังแก?
ลิลี่ไม่ได้มีวัวผสมเลย ไม่งั้นไม่ตั้งคำถามว่าทำไมสเนปหมกมุ่นเรื่องเจมส์ (ก็เห็นอยู่ว่าเขาถูกรังแก) เธอยังประเมินเพื่อนผิดๆ อีกครั้งตอนตัดสัมพันธ์ว่าเขาต้องการเป็นผู้เสพความตายใจจะขาด ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ว่าเขาปลีกตัว ตอนที่เจมส์รังแกไม่เห็นมีพวกมัลซิเบอร์มาช่วย  ตอนนี้บางคนอาจจะโกรธผมใหญ่ว่าทำไมผมกล้าพูดว่าลิลี่ตัดขาดสเนปเพราะโดยไม่สนใจบริบท โวยวายแน่ๆ ว่าผมกำลังหาว่าที่สเนปเป็นผู้เสพความตายเพราะลิลี่ใช่มั้ย?
คำตอบคือไม่ใช่เพราะสถานการณ์ของสเนปไม่เกี่ยวกะลิลี่ แต่ท่านต้องยอมรับว่ามันชัดเจนว่าลิลี่ไม่ได้คิดอย่างรอบคอบแล้วถึงตัดความสัมพันธ์กับสเนป เพราะถ้าเธอทำ "ท่านต้องอธิบายความอำมหิตของเธอที่ริมทะเลสาบ จะบอกว่าเธอไม่สังเกตไม่ได้เพราะคนรอบคอบต้องเห็น!" ไม่ต้องพูดว่าเจมส์ไม่เห็นสน เพราะเจมส์ไม่สนใจอยู่แล้ว ไม่ต้องโวยด้วยว่าทีคนอื่นก็ไม่เห็นช่วย เพราะพวกชอบมุงดูความหายนะของคนอื่นแล้ววิจารณ์แต่ไม่เข้าไปช่วยนั้นมันมีทุกที่
คำตอบเดียวที่จะรักษาสภาพนางฟ้าของลิลี่ไว้ได้คือยอมรับความจริงว่าเธอโง่และขาดความละเอียดอ่อน และเมื่อยอมรับมันก็จะเข้าใจว่าทำไมเธอยิงแสกหน้าเขาว่าเขาเนรคุณ "ฉันรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น เขาช่วยชีวิตเธอ" หลังการสนทนาทั้งหมดที่เห็นได้ว่าเธอไม่ได้พูดคุยถามไถ่เขาเลยจนกว่าเขาจะตำหนิเจมส์ต่อหน้าเธอ แล้วทีนี้มันก็จะอธิบายพฤติกรรมที่ขาดความรอบคอบทั้งหมดที่ปรากฏใน "เรื่องเล่าของเจ้าชาย" และได้ข้อสรุปว่าทำไมเธอไม่รู้ว่าสเนปถูกพ่อทารุณกรรม
เรารู้แล้วใช่มั้ยว่าทำไมลิลี่ทำเหมือนสเนปเป็นสิ่งของ--ไม่สนใจหัวจิตหัวใจของเขา ทั้งๆ ที่เธอ "รักเขาสุดหัวใจในฐานะเพื่อน" ตามที่ JK Rowling บอกเราที่ Bloombury Live Chat 2007 นั่นเพราะเธอเป็นคนขาดความละเอียดอ่อน และความที่เธอเป็นคนไม่รอบคอบพอ เธอเลยไม่พบวิธีฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเพ็ตทูเนียทั้งๆ ที่มันอาจจะไม่ได้ยากขนาดนั้น ซึ่งอันนี้แฮร์รี่ก็ได้รับจากเธอมาเต็มๆ
แนวคิดที่ว่าลิลี่เป็นผู้หญิงฉลาดเหมือนเฮอร์ไมโอนี่เป็นเพียงheadcanonล้วนๆ ไม่มีตรงไหนในหนังสือที่ยกย่องว่าลิลี่เป็นแม่มดที่ฉลาดที่สุดในชั้นปีของเธอ JK Rowling ไม่เคยบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาด และการที่สลักซ์ฮอร์นชื่นชมเธอในวิชาปรุงยาก็น่าเชื่อว่าเป็นช่วงปี 1-5 ซึ่งเธอได้รับความช่วยเหลือจากสเนป เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานว่าเธอเรียนปรุงยาระดับสูงด้วยซ้ำ
ในมุมมองของผมลิลี่เป็นคนกล้าหาญ โผงผาง ใจดี ในฐานะผู้หญิงน่าเชื่อว่าการโอบกอด-เคียงข้าง-ให้กำลังใจ เป็นสิ่งเธอน่าจะทำกับทุกคน เธอพร้อมที่จะมองสิ่งดีๆ ที่คนอื่นมีและช่วยเหลือตามความเหมาะสม หรือพูดให้ชัด เธอเป็นคนดีเท่าที่ผู้หญิงธรรมดาจะสามารถเป็นคนดีได้ แต่ไม่ใช่นักบุญหรือนางฟ้า ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาที่อาจมีทิฐิหรือข้อบกพร่องบ้าง และแน่นอนว่าครั้งหนึ่งในชีวิตทุกคนต้องเคยทำผิดพลาด เหตุการณ์ริมทะเลสาบคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเธอซึ่งเธอก็อาจจะลืมไปแล้ว
แต่สเนปมีแผลใจตลอดชีวิต ("- -)
โฆษณา