13 ก.ย. 2022 เวลา 01:34 • ไลฟ์สไตล์
ได้เวลาออกล่าหาความจริงของชีวิต
เช้านี้อากาศดี นั่งจิบกาแฟ อาบแดดอุ่นๆหน้าบ้าน คิดถึงความหลังเมื่อครั้งออกจากบ้านครั้งแรกในชีวิต
มุมสวยๆหน้าบ้าน
หลังจากที่เรียนจบ ม.3 แม่ก็ได้พาผมไปสมัครเรียนช่างวิทยุ-โทรทัศน์ ที่ กรมประชาสงเคราะห์ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็น พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แล้วก็รออายุครบ 17ปี ถึงจะได้ไปเรียน
ช่วงที่รอ ผมก็เรียนต่อ กศน.ม.6 และช่วยงานพ่อกับแม่อยู่บ้าน
วันที่รอคอยก็มาถึง ผมก็ทั้งตื่นเต้น ทั้งกังวล ทั้งกลัว เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมต้องห่างจากบ้าน ห่างพ่อแม่ ต้องไปใช้ชีวิตคนเดียว
พ่อกับแม่ก็คงเป็นห่วงผมไม่แพ้กัน แม่ถึงกับน้ำตาไหล ในวันที่ไปส่งผมที่ศูนย์ฟื้นฟูฯ ขอนแก่น
2
แดดจ้า
วันนั้นเป็นวันที่ผมได้เห็นคนพิการเกือบทุกประเภท ผมตกใจเล็กน้อย เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พอได้พูด ได้คุยกัน ทุกคนก็ไม่ต่างคนปกติทั่วไป คนที่แข็งแรงกว่าก็ช่วยคนที่อ่อนแอกว่า
ผมก็มีเพื่อนสนิท มีกลุ่มเดียวกัน ที่ตักอาหารให้ กินข้าวด้วยกัน ล้างจานข้าวช่วยกัน ซักผ้าตากผ้าช่วยกัน เพราะอย่างผมก็ขยี้ผ้าได้ ส่วนเพื่อนบางคนเดินได้ มือไม่ถนัดก็เอาผ้าไปผึ่งที่ราวให้ พวกเราก็จะมีกิจกรรมร่วมกันเหมือนเด็กหอ กลุ่มผมก็มีประมาณ 5-6คน ที่สนิทกัน
บางทีในนั้นก็มีพวกกร่างๆด้วยนะครับ พวกชอบหาเรื่อง ชอบแกล้ง เกย์ รุ่นที่ผมเรียนมีตีกันด้วย ไล่ตีกันเลยกลางคืนแต่ละหอ และมีเกย์เมาเดินเลาะหานอนกับคนอื่น บางทีกลัวน่ากลัวครับ พ่อบ้านก็ดูแลไม่ทั่วถึง โชคดีกลุ่มผมก็มีคนแข็งแรงเยอะ นิสัยดีกันทุกคน ผ่านมา 20 กว่าปี บางคนก็ยังคุยกันอยู่ครับตอนนี้ ผมก็เลยค่อนข้างสบาย มีเพื่อนคอยดูแล ปกป้อง ช่วยเหลือตลอด
วันหยุดพวกเราก็ชวนกันไปหารับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าในหมู่บ้านแถวนั้น หาประสบการณ์ หรือ ไปเดินเล่นตลาดนัดโคกสูง ไปเขื่อนอุบลรัตน์ บางทีก็แอบตกปลาในสระอบต.โคกสูง
เมื่อก่อนผมคิดว่าผมจะเป็นคนพิการที่แข็งแรงที่สุดคนนึง เพราะคิดว่าคนพิการคงเดินไม่ได้ ใช้มือใช้เท้าไม่ค่อยได้ แต่จริงๆแล้วไม่เลยครับ คนพิการที่เคยเป็นคนปกติมาก่อนเช่นมือขาด ขาขาด แขนขาด มือด้วน ขาด้วน กลุ่มนี้แข็งแรงมากครับ ผมเป็นกลุ่มที่ช่วยเหลือตัวเองได้แต่ยังไม่แข็งแรงเท่ากลุ่มแรก
ผมใช้ชีวิตในศูนย์ฟื้นฟูฯ ขอนแก่น 1 ปี เรียนต่อ กศน.ม.6 ไปด้วยจนจบ และเรียนช่างอิเล็คทรอนิกส์จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดขอนแก่น ที่อาจารย์มาสอนที่ศูนย์ฟื้นฟูฯ ขอนแก่น
ผมเรียนจบช่างซ่อมแต่ก็ไม่ค่อยชอบเพราะมือเกร็ง ยกของหนักไม่ไหว กลัวกระแสไฟ กลัวพลาดด้วย ก่อนจะจบอาจารย์ก็มาแนะแนวทางประกอบอาชีพ ใครจะเปิดร้านเอง ใครจะไปอยู่ร้านเพื่อหาประสบการณ์ ใครสนใจจะไปเรียนต่อ ผมก็เลยเลือกที่จะเรียนต่อ จึงสมัครเรียนต่อสาขาคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนอาชีวะพระมหาไถ่ พัทยา
ทางโรงเรียนได้มาสอบคัดเลือก มีข้อเขียนและสัมภาษณ์ ที่ขอนแก่น วันนั้นถือเป็นอีกวันที่สำคัญในชีวิตของผมอีกวัน ที่จะเลือกเส้นทางเดินต่อไป ผมและเพื่อนๆกลุ่มเดียวกันบางคนก็สอบไปเรียนต่อด้วยกัน บางคนก็ต่อสาขาอิเล็คทรอนิกส์ บางคนก็ต่อคอมพิวเตอร์ บางคนก็ต่อโปรแกรมเมอร์
ช่วงเย็นเป็นช่วงประกาศผลผู้สอบผ่าน เป็นช่วงลุ้นระทึกมาก ผมก็รู้สึกมั่นใจแต่ก็ลุ้น ผลปรากฏสอบผ่าน ผมกับแม่ดีใจมาก
แล้วก็กลับมารอเปิดเทอมก็จะได้ไปเรียนหลักสูตรคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ที่พัทยา ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ถ้าผมเรียนจบแต่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ชีวิตจบแน่นอน ไปต่อไม่ได้แน่ๆ
โฆษณา