15 ก.ย. 2022 เวลา 03:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จับจังหวะลงทุน 4 หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นักวิเคราะห์แนะเริ่มทยอยสะสมได้ตั้งแต่ไตรมาส 4นี้
ในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นจังหวะชีวิตที่ยากลำบากของเหล่าหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ไม่รวม DELTA) ที่ราคาหุ้นต่างปรับตัวลดลงจนหมดเสน่ห์ของการที่จะเข้าลงทุนเพราะไม่รู้ว่าทิศทางราคาหุ้นจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้เมื่อไหร่ หลังจากที่ราคาหุ้นโดนกดดันจากผลกระทบของตัวเลขเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยขาขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ Wealthy Thai ได้รวบรวมข้อมูลจากนักวิเคราะห์ถึงโอกาสในการกลับมาของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ว่าจะมีเริ่มดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากเหล่านักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยได้อีกเมื่อไหร่ หลังจากที่ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่กลุ่มดังกล่าวต้องเผชิญนั้นเริ่มจะคลายความกังวล
โดย บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าข้อมูลว่า หุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ใน Coverage ของเราปรับตัวลงราว 25%-55% YTD (ยกเว้น DELTA) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรงจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่กดดันให้หุ้นกลุ่ม Growth ทั่วโลกถูกตลาดปรับลด PE-Band และยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจนว่าอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเมื่อไหร่ ซึ่งทำให้แนวโน้มการเกิด Recession ยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรรอช่วงที่เริ่มเห็นความชัดเจนของแนวโน้มความรุนแรงของ Recessionและสามารถประเมินจุดพีคของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อน ถึงจะเป็นโอกาสสำคัญในการเข้าสะสมอีกครั้ง เบื้องต้นเราคาดหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อาจจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้งในช่วงปลายไตรมาส 4/65 และไตรมาส 1/66
ทั้งนี้ในระยะยาว มองเห็นโอกาสในความเสี่ยง เราเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มมีโอกาสกลับเข้าสู่รอบการเติบโตที่สดใสหากผ่านภาวะ Recession ไปได้ จากความต้องการ Chip และสินค้าในกลุ่มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุค EV Car, 5G, IoTs และ Automation ซึ่งโดยปกติรอบการปรับฐานของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ช่วง Down Cycle จะอยู่ที่ราว 12-18 เดือน ทำให้ความอ่อนแอของกลุ่มในช่วง 1 ปีจากนี้เป็นโอกาสในการสะสมสำหรับนักลงทุนที่หวังผลในระยะยาว
ขณะเดียวกันหากพิจารณาที่ระดับราคาปัจจุบัน KCE และ HANA ถูกซื้อขายที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังแล้ว โดยมุมมองของเราคาดว่าระดับที่ -0.5SD ถึง -1.0SD น่าจะมากเพียงพอรองรับความเสี่ยงของหุ้นได้ ยกเว้นกรณีที่เกิดภาวะสงครามที่รุนแรง หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอย่างยาวนานหุ้นถึงจะมีโอกาสถูกปรับลด PE-Band ไปต่ำกว่า -1.0SDขณะที่ DELTA อุตสาหกรรมยังแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม และมีแรงเก็งกำไรจากโอกาสเข้า SET50ทำให้หุ้นปรับตัวได้เด่นกว่ากลุ่ม
ในแง่ของกลยุทธ์และคำแนะนำ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า หุ้น KCE ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ ” ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้น ปี2566 เป็น 60 บาทต่อหุ้น อิง PER 25 เท่า, -0.25SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีเราปรับ PE Multiple ลงจากเดิมที่ +0.5SD เพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากการมีลูกค้าหลักอยู่ในยุโรป ทำให้มีโอกาสที่คำสั่งซื้ออาจชะลอตัวในภาวะที่เศรษฐกิจยุโรปกำลังอ่อนแอ
อย่างไรก็ดีเรามองว่า KCE มีประเด็นการขยายกำลังการผลิตขนาดใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ดังนั้นเองจึงอาจจะทำให้ตลาดมีโอกาสกลับเข้ามาซื้อขาย สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต หากการขึ้นกำลังผลิตใหม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามแผน
ขณะที่ HANA เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น ปี 2566 ที่48.00 บาทต่อหุ้น อิง PER 17.5เท่า, -0.25SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีเราปรับ PE Multiple ลงจากเดิมให้+0.25SD เพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการมียอดขายในสินค้าฟุ่มเฟือยสูง (Telecom 30%, PC 8%และ Consumer 7%) ทำให้HANA อาจได้รับผลกระทบโดยตรงหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอย่างไรก็ดี หากธุรกิจ SiC มีพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญ เราคาดตลาดพร้อมกลับเข้ามาขยับกรอบซื้อขายของ HANA ขึ้นไปมากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
สำหรับ SMT คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น ปี2566 ที่6.20 บาทต่อหุ้น อิง PER 18 เท่า (PE-Band ของ SMT มีความผันผวน เราจึงอ้างอิงจากตัวเลขค่าเฉลี่ยในอดีตของ HANA และ Discount 10% เพื่อสะท้อน Execution Risk ที่สูงกว่า)
ทั้งนี้ยังชอบแนวโน้มการเติบโตของ SMT ที่เติบโตดีชดเชยผลกระทบจาก Dilution อีกทั้งฐานกำไรยังเล็ก เราคาดยังพอมีโอกาสให้เติบโตได้แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะไม่สดใส ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขาย บน PER66 ที่14.5x เป็นระดับที่ไม่แพง บนประมาณการที่อาจมีUpside Risk หากบริษัททำได้ตามเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้
ส่วน DELTA เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี2566 ที่ 460.00 บาทต่อหุ้น อิง PER 47 เท่า,+0.25SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี(จากเดิมให้ +0.5SD) DELTA เป็นหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ที่เรายังให้ Premium กว่าค่าเฉลี่ยเนื่องจากเรายังชอบธุรกิจหลักของ DELTA ที่เกาะไปกับการเติบโตของ 5G และ EV Car ที่ยังมีความต้องการสูง ทำให้มีความแข็งแกร่งพอเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
รวมไปถึงโอกาสในการกลับเข้า SET50 อีกครั้งในช่วง ธ.ค. 2565 หากตลท. พิจารณาปรับ Turnover Ratio สำหรับการพิจารณาหุ้นในดัชนีSET50/SET100 แต่เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย บน PER66 ที่68 เท่า สูงกว่ากลุ่มอย่างมีนัยสำคัญและไม่เหลือ Upside ให้นักลงทุนทำให้เราปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” ดังนั้นที่นักลงทุนสนใจเข้าลงทุน DELTA ควรรอราคาหุ้นอ่อนตัวและต้องรับความเสี่ยงในกรณีที่หุ้นเกิดความผันผวนได้
ในระยะยาวเราประเมินว่ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยังมีความน่าสนใจ แม้แรงกดดันจากปัจจัยมหภาคอาจทำให้หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่น่าดึงดูดในมุมมองของตลาด แต่ราคาหุ้นปรับลดลงจนอยู่ในระดับ Valuation ที่ไม่แพงแล้ว
อย่างไรก็ดีจังหวะการเข้าลงทุน เราคาดอย่างน้อยตลาดน่าจะรอดูผลลัพธ์ของความพยายามหยุดเงินเฟ้อก่อนกลับมาให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Growth อีกครั้งซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2565 ดังนั้นหุ้นอาจจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้งในปลายไตรมาส 4/65 และไตรมาส 1/66 หากสถานการณ์เงินเฟ้อดีขึ้น และตลาดเริ่มมองข้ามประเด็นกดดันดังกล่าว
โฆษณา