16 ก.ย. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
ปัจจุบันการซื้อของออนไลน์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว และเมื่อมีการซื้อของออนไลน์มากขึ้นเหล่ามิจฉาชีพที่คอยฉกฉวยโอกาสก็มากขึ้นเช่นกัน
11
หลากหลายปัญหาที่พบเจอ เช่น ซื้อของออนไลน์ไม่ได้ของ, สั่งของไปแล้วร้านค้าส่งของไม่ตรงปก, โอนเงินให้ก็บล็อกบัญชีหนีหายไปติดต่อไม่ได้ หากปัญหานี้มาเกิดกับตัวเรา จะมีวิธีจัดการยังไงบ้าง ?
ซื้อของออนไลน์ คือสัญญาแบบไหน
ซื้อของออนไลน์ คือ สัญญาซื้อขาย เป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่ง และวัตถุประสงค์ของสัญญา คือ การโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน(สินค้า)ให้แก่ผู้ซื้อสินค้า ดังนั้นผู้ขายจะต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของสินค้าที่จะขายด้วยนะ โดยแต่ละฝ่ายก็จะมีสิทธิ หน้าที่ที่แตกต่างกัน
  • ผู้ขาย จะต้องรับชำระเงิน โอนกรรมสิทธิ์ ส่งมอบสินค้าที่ซื้อขาย รับผิดชอบความบกพร่องที่เกิดขึ้นจากตัวสินค้า
  • ผู้ซื้อ จะต้องรับมอบสินค้า ชำระเงินค่าสินค้า จัดการรับโอนกรรมสิทธิ์
ดังนั้นถ้าหากจ่ายเงินไปแล้ว ร้านค้าผิดสัญญาไม่ยอมส่งของให้ ลูกค้าก็มีสิทธิ
  • ยกเลิกสัญญาได้
  • เรียกมัดจำคืน
  • เรียกเบี้ยปรับ(ค่าปรับ) ที่ตกลงกันเอาไว้ หรือ
  • เรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการผิดสัญญา
  • เรียกเงินที่จ่ายไปคืนพร้อมดอกเบี้ย หรือ
  • ขอให้ร้านค้าส่งสินค้าให้ตามสัญญา
ซื้อของออนไลน์ ร้านค้าส่งของไม่ตรงปก ลูกค้ามีสิทธิไม่รับ
สั่งของไปแล้วร้านค้าส่งของไม่ตรงปก ส่งไม่ครบ หรือส่งมาเกินที่สั่ง ลูกค้าก็มีสิทธิไม่รับของได้เหมือนกันนะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 465
  • ส่งมอบสินค้าน้อยกว่าที่ตกลงไว้ : ลูกค้าสามารถไม่รับสินค้าได้ทั้งหมด หรือรับแค่บางส่วนแล้วจ่ายเงินแค่เท่าที่ส่งมาก็ได้
  • ส่งมอบสินค้ามากกว่าที่ตกลงไว้ : ลูกค้าสามารถไม่รับสินค้าได้ทั้งหมด หรือรับทั้งหมดเลยแล้วจ่ายเงินเพิ่ม หรือรับไว้แค่เท่าที่ตกลงกันก็ได้
  • ส่งมอบสินค้าอื่น ๆ ปนมานอกจากที่ตกลงไว้ : ลูกค้าสามารถไม่รับสินค้าได้ทั้งหมด หรือรับไว้แค่สินค้าที่ตกลงกันนอกนั้นก็ส่งคืนให้ร้านไปก็ได้
  • เราจะเห็นสัญญาซื้อขายจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงของผู้ซื้อและผู้ขายเป็นหลัก ถึงแม้จะมีปัญหาก็ยังสามารถพูดคุยตกลงกันได้ ว่าจะคืนทั้งหมด หรือรับไว้บางส่วนก็ยังได้ ดังนั้นถ้าหากร้านค้า ทำผิดสัญญา ยังสามารถติดต่อได้เราก็ควรส่งโนติสไปบอกกล่าวทวงถาม หรือแชทไปบอกให้ทำตามที่ตกลงเอาไว้ก่อน
ซื้อของออนไลน์ แบบไหนเข้าข่ายฉ้อโกงหรือผิดสัญญาทางแพ่ง
หากพูดกันโดยทั่วไปเมื่อซื้อของออนไลน์แล้วร้านค้าไม่ส่งของให้ หรือเจอเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายไม่ทำตามที่ตกลง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการผิดสัญญาทั่วไปหรือเป็นการฉ้อโกง ก็มักจะถูกเรียกโกงทั้งหมด ทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่า การผิดสัญญาก็คือการฉ้อโกง แต่ในทางกฎหมาย การผิดสัญญาทางแพ่ง VS การฉ้อโกง ไม่เหมือนกัน
ผิดสัญญาทางแพ่ง คือ ตอนที่ทำสัญญา ทำการตกลงซื้อขายกัน คนขายไม่ได้มีเจตนาจะโกง มีของขายจริง แต่เมื่อส่งของให้ลูกค้าก็เกิดการส่งผิดแบบ ส่งไม่ครบ ส่งเกินมา หรืออาจจะมีเหตุการณ์อื่น ๆ เช่น สั่งผลิตของแล้วของไม่มาส่ง ทำให้ส่งของให้ลูกค้าไม่ทัน
ฉ้อโกง คือ คนขายมีเจตนาโกงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่มีของที่จะขาย อาจใช้บัญชีปลอมมาหลอกขายของ มีการใช้กลอุบายต่าง ๆ ให้เหยื่อหลงเชื่อ เมื่อเหยื่อโอนเงินให้ก็บล็อกบัญชีหนีหายไปติดต่อไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 “ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งและโดยการหลอก ลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สามหรือ ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะดูว่าเป็นการผิดสัญญา หรือ ฉ้อโกง ต้องดูที่เจตนาของอีกฝ่าย ถ้าหากเเป็นการผิดสัญญาต้องฟ้องศาลด้วยตัวเองเท่านั้น แต่หากเป็นการฉ้อโกงจะสามารถแจ้งความดำเนินคดีอาญาได้ หรือฟ้องศาลด้วยตัวเองก็ทำได้เหมือนกัน
ถูกโกง ดำเนินคดีแบบไหนได้บ้าง
พราะการถูกโกงที่เราเข้าใจกันตามภาษาพูดทั่ว ๆ ไป มีทั้งการผิดสัญญาที่เป็นคดีแพ่ง และการฉ้อโกงที่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา ดังนั้น การที่จะบังคับให้อีกฝ่ายคืนเงินให้ก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันไปด้วย
ฟ้องคดีแพ่งผิดสัญญา ซื้อของออนไลน์ไม่ได้ของ ต้องทำยังไง
  • 1.
    เก็บรวบรวมหลักฐาน เช่น ภาพโปรไฟล์ร้านค้า ภาพหน้าเว็บไซต์ประกาศขายสินค้า แชทการสนทนา หลักฐานการโอนเงิน ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น
  • 2.
    ส่งโนติสไปทวงถาม ให้ส่งของให้ หรือคืนเงินให้ภายในเวลาที่กำหนด
  • 3.
    หากคนขายยังเพิกเฉย ไม่สนใจ เราสามารถฟ้องศาลด้วยตัวเอง
  • 4.
    เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย หากตกลงคืนเงินกันได้ศาลจะพิพากษาตามยอม
  • 5.
    หากตกลงกันไม่ได้ คนขายไม่ยอมคืนเงิน จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในศาลชั้นต้นต่อไป
  • 6.
    สืบพยานแล้ว ศาลเห็นว่าอีกฝ่ายผิดจริง ศาลจะพิพากษาให้คืนเงิน
ดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง
  • 1.
    เก็บรวบรวมหลักฐาน เช่น ภาพโปรไฟล์ร้านค้า ภาพหน้าเว็บไซต์ประกาศขายสินค้า แชทการสนทนา หลักฐานการโอนเงิน ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น
  • 2.
    พริ้นท์หลักฐานใส่ A4 ไม่จำเป็นต้องเป็นเอกสารสี ทำเป็นขาวดำก็ได้
  • 3.
    แจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่รู้ตัวว่าถูกโกงและรู้ตัวคนทำผิด
  • 4.
    ตำรวจจะออกหมายเรียกอีกฝ่าย และออกคำสั่งขออายัดเงินในบัญชีธนาคารของคนขาย
  • 5.
    หากอีกฝ่ายมาแล้วไม่ยอมคืนเงินให้ ไม่ยอมรับผิด ตำรวจจะส่งสำนวนให้อัยการเป็นโจทก์ฟ้องศาลต่อไป
  • เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้น โดยอัยการทำหน้าที่เรียกเงินที่ถูกโกงไปคืนให้และขอให้ศาลลงโทษคนทำผิด
  • หากอีกฝ่ายมีความผิดจริงศาลจะพิพากษาให้ได้รับโทษทางอาญาและต้องจ่ายเงินคืนให้ด้วย
หรือฟ้องศาลด้วยตัวเองภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่รู้ตัวว่าถูกโกงและรู้ตัวคนทำผิดก็ทำได้ กรณีที่ฟ้องเองจะมีขั้นตอนการฟ้องคดีอาญา ที่แตกต่างจากการแจ้งความแล้วอัยการเป็นโจทก์ฟ้องเล็กน้อย คือ จะมีการนัดไต่สวนมูลฟ้องก่อนว่าเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงไหม เราจะต้องนำหลักฐานไปอธิบายให้ศาลทราบว่า คนขายมีเจตนาโกงตั้งแต่แรก ศาลจึงจะประทับรับฟ้องให้ และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลชั้นต้นต่อไป เพราะหากไม่มีมูลความผิดทางอาญาศาลที่ดูแลคดีอาญารับฟ้องไว้ไม่ได้ และเราจะต้องไปฟ้องเป็นคดีแพ่งผิดสัญญาแทน
#JusThat บริการปรึกษาเริ่มต้น 1,500 บาท บริการส่งฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญา
  • 1.
    แอดไลน์ @justhatapp
  • 2.
    เริ่มต้นทำแบบประเมิน
  • 3.
    หากต้องการ ส่งฟ้องได้ทันที

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา