16 ก.ย. 2022 เวลา 06:44 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“หุ้นหวี” คืออะไร
Image Credit: Nataliya Vaitkevich
“หุ้นหวี” เป็นศัพท์แสลงหุ้นที่นักลงทุนมักใช้ในเชิงเปรียบเทียบประชดประชันกับหุ้นที่ราคาขึ้นลงแค่ 1-2 ช่อง หรือแทบไม่มีการเคลื่อนไหวเลย
โดยให้ลองนึกภาพง่ายๆ ของกราฟราคาหุ้นที่ขึ้นลงเหมือนกับ “แปรงหวีผม” นั่นก็คือวิ่งขึ้นวิ่งลงๆ ไม่ไปไหนกันซักที
ต่อให้มีข่าวดีมากระทบมากน้อยแค่ไหน ราคาหุ้นก็แทบจะไม่ตอบรับสนใจใยดีกับปัจจัยบวกนั้นๆ เลย
ในทางตรงกันข้ามก็ไม่เว้นแม้แต่วันที่ SET Index ปรับตัวลงหนักๆ ก็ไม่หวั่นไหวเช่นกัน จึงทำให้ราคาหุ้นที่ถูกขนานนามว่าเป็น “หุ้นหวี” ยังสามารถยืนยงทรงตัวได้อย่างแข็งเกร่ง (ในกรอบราคาเดิมๆ เสมอ)
## แล้ว “หุ้นหวี” เกิดขึ้นได้อย่างไร? ##
หุ้นหวีอาจจะเกิดขึ้นได้กับหุ้นหลายๆ ตัว ในหลายกลุ่มธุรกิจใน SET Index ที่มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งมีอยู่แนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ หุ้นหวีเกิดจากการฟาดฟันกันระหว่างนักลงทุน 2 กลุ่ม
ได้แก่ กลุ่มนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor: VI) และกลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น (Momentum Investor: MI)
เช่น กลุ่ม VI มองว่าราคาหุ้นตัวนั้นๆ ปรับลงมาในระดับราคาที่น่าซื้อก็จะไล่เก็บเข้าพอร์ต เมื่อกลุ่มนี้ทยอยเก็บไปเรื่อยๆ ราคาก็ขยับขึ้นมาเล็กน้อย
ทีนี้พอกลุ่ม MI เห็นว่า เฮ้ย! ราคาขยับขึ้นนี่หว่า...ก็เลยต่างรีบเทขายทำกำไรออกมาโดยเร็ว เพราะแม้ MI จะมองว่าหุ้นตัวนั้นๆ มี Fundamental (พื้นฐาน/ผลประกอบการที่ดี) แต่ราคาและผลประกอบการคงขึ้นไปได้ (Upside) อย่างจำกัด
สรุปง่ายๆ คือ
--> ราคาหุ้นลง VI ซื้อ เพราะพื้นฐานดี ปันผลดี
--> ราคาหุ้นขึ้น MI (ชิง) ขาย ทำกำไรก่อน กลัว Upside ที่จำกัด
= ผลก็คือหุ้นตัวนั้นๆ เลยกลายเป็น “หุ้นหวี” ไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม หุ้นตัวนั้นๆ อาจจะหลุดพ้นความ “หวี” ไปได้ถ้าหากมีปัจจัยบวกหนักๆ รุนแรงๆ มากระทบให้ราคาพุ่งขึ้นหลุดจากกราฟรูปหวีได้ในที่สุด
ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีปัจจัยลบหนักๆ มากระแทกก็อาจจะเป๋ลงมาหลุดกรอบความหวีไปอยู่ในช่วงพักฐานได้เช่นกัน แต่ไม่นานราคาก็จะกลับมาวนเวียนๆ จุดเดิมๆ หวีอีกอยู่ดี
หุ้นหวีจึงมักไม่ค่อยเป็นที่ชอบพอของนักลงทุนที่ลงทุนมานานๆ และต้องการ Capital Gain (กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น)
Image Credit: Pixabay
เหตุผลอีกประการก็คงเป็นกรณีเรื่องของ Market Cap. ถ้าหุ้นหวีนั้นๆ มีไซส์ใหญ่อุ้ยอ้าย
การที่ราคาจะขยับเคลื่อนไหวตามใจคิดก็คงลำบาก อาจจะต้องอาศัยพลังของเม็ดเงินมหาศาลในการขับเคลื่อน ไม่ว่าจากกองทุนต่างๆ หรือนักลงทุนต่างชาติเองก็ตาม
ในอีกมุมหนึ่ง...บางคนก็ยังชอบที่จะมีหุ้นหวี Yield สัก 4-5% ประดับพอร์ตไว้บ้างให้อุ่นใจ เพราะอาจจะมั่นใจในพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ ที่มีธุรกิจที่ดี ไม่ถูกแทรกแซง หรือล้มหายตายจากไปได้ง่ายๆ
ทั้งนี้ ก็เป็นความชอบส่วนบุคคล และสไตล์การลงทุนของแต่ละท่านว่าต้องการผลตอบแทน และรับความเสี่ยงในสถานการณ์ต่างๆ ได้มากน้อยเพียงใด จะเข้า-ออกหุ้นตัวไหน หรือหวีไม่หวีดีกว่า...
ไม่มีใครตอบได้ดีที่สุดนอกจากตัวคุณเอง ขอจบเรื่อง "หวีๆ" ไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ.
โฆษณา