18 ก.ย. 2022 เวลา 08:35 • ความคิดเห็น
จุดมุ่งหมายสูงสุดของการเกิดเป็นมนุษย์ ?
คำถามนี้ถูกลบ
ลองอ่านบทความนี้ดูค่ะ
6
ความลึกซื้งของคำสอนในพุทธศาสนาที่นับวัน แม้แต่นักควอนตัมฟิสิกซ์ ได้ค้นพบข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความเป็นจริงได้อย่างน่าทึ่ง
2
10 ความจริงสูงสุดที่ทุกคนควรตระหนัก!!!
5
1. แท้จริงแล้วสุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากใครทำ
3
ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก
แต่เกิดจากการกระทบกันของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
1
ปัจจัยภายนอกเป็นเพียงตัวแปร
ปัจจัยภายในได้แก่ สติ คือสาเหตุใหญ่
3
ถ้าสติไม่แข็งแรง
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด
เป็นใครมาจากไหน
ก็มีความทุกข์ได้ทั้งนั้น
1
เมื่อสติแข็งแรง
ย่อมเห็นกระบวนการทำงานของ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
4
เมื่อเห็นกระบวนการดังกล่าว
จิตย่อมไม่เสวยอารมณ์
อันเป็นต้นเหตุของสุข ทุกข์
3
สุขทุกข์จึงถูกปรับสมดุลให้อยู่ในภาวะเป็นกลาง สิ่งนี้เรียกว่า “ความเบิกบาน”
2. ความเป็นเรา เป็นเขา คือ กระบวนการปรุงแต่งของจิต
1
แท้จริงแล้ว ตัวเราไม่มีอยู่
1
คำว่าตัวเราไม่มีอยู่นี้
ไม่ใช่คำอุปมาอุปไมย
แต่เป็นสิ่งที่สามารถตรวจสอบได้เอง
จากการฝึกจิต
1
ความเป็นตัวเรานั้น
เปรียบเหมือนรถยนต์หนึ่งคัน
เมื่อจับล้อไว้ทางหนึ่ง
เครื่องยนต์ไว้ทางหนึ่ง
ประตู ตัวถังไว้ทางหนึ่ง
เมื่อจับแยกส่วนได้เช่นนี้
สภาพความเป็นรถยนต์ก็หมดไป
เมื่อฝึกสติ
จนแยกกาย ความคิด และจิต ออกจากกันได้ ความเป็นตัวเราก็หมดไปด้วย
เมื่อความเป็นตัวเราหมดไป
ผู้ยึดมั่นถือมั่นก็หมดไปด้วย
ความทุกข์ทั้งปวงก็เป็นอันยุติ
1
3. เราทั้งหลายล้วนเกิดมานับล้านล้านล้านชาติ
เป็นจำนวนที่นับไม่ได้
เคยเกิดเป็นคนรวย คนจน ราชา พระ ยาจก
เป็นคนฉลาด
เป็นคนโง่เขลา
เป็นคนพิการ
เป็นคนรูปงาม
เป็นชาย เป็นหญิง
เป็นกระเทย เป็นทอม
เป็นนักบุญ เป็นมหาโจร
1
เคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
สัตว์นรก เปรต อสูรกาย เทวดา
เคยเป็นมาทุกอย่าง
2
ดังนั้น ถ้าชาตินี้เกิดมาดี
ก็ไม่ได้แปลว่าชาติหน้าจะดี
3
ชาตินี้อาจเป็นมหาเศรษฐี
ชาติหน้าอาจเกิดเป็นสัตว์นรก
2
ชาตินี้อาจเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ชาติหน้าอาจเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในตระกูลสูงก็เป็นได้
2
ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิด
จงอย่าลำพองใจว่า เรานั้นดีแล้ว ประเสริฐแล้ว
4
เพราะแท้จริง ไม่มีใครเลยที่ดีกว่าใคร
ทุกคนล้วนอยู่ในความสุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น
4
4. จิตสุดท้ายก่อนตาย เป็นสิ่งชี้วัดว่าชาติหน้าเราจะไปเกิดเป็นอะไร
2
ขณะที่จิตสุดท้าย
เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุด
ในวินาทีสุดท้าย
ความเศร้า ความกลัว ความสงสัย การยึดติด และความเจ็บปวด
7
สิ่งเหล่านี้
จะดึงมนุษย์ให้ไปปฏิสนธิจิตในภูมิเบื้องต่ำ
ได้แก่ นรก เปรต อสูรกาย เดรฉาน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ผู้ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งหลังจากตายไปแล้ว มีเท่าจำนวนเม็ดทรายที่ปลายนิ้ว
4
ส่วนทรายที่เหลือบนปฐพี
เทียบได้กับผู้ที่ตายแล้วไปจุติในอบายภูมิ
10
ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว คงน้อยกว่า 0.00000000000001 เปอร์เซ็นต์
1
นั่นเท่ากับว่า
เป็นไปได้มากเหลือเกินว่า
คนทั้งหมดที่เรารู้จัก
จะไม่มีใครเลยที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ไม่เว้นแม้กระทั้งเราเอง!!!
2
5. ชีวิตที่เราเห็นอยู่ เป็นชีวิตชั่วคราว
5
เมื่อเราตาย
สิ่งที่เราหามาด้วยความลำบาก
สิ่งที่เราเคยมั่นหมายว่าสำคัญ
ทั้งความสามารถ เกียรติภูมิ
ลูก เมีย ผัว ญาติพี่น้อง เพื่อน มิตรสหาย
หน้าที่การงาน สมบัติพัสถาน
เงินทอง บ้านช่อง ที่ดิน ความภาคภูมิใจ
11
ทั้งหมดนี้
ไม่มีอะไรเลยที่เราสามารถนำติดตัวไปได้
2
คำถามสำคัญที่เราควรต้องคิด คือ
"ทุกวันนี้เราใช้เวลาที่มีเพื่อสิ่งใด"
13
แน่นอนว่า
เวลาเกือบทั้งหมดของเรา
มุ่งไปสู่สิ่งที่เราไม่สามารถนำติดตัวไปได้
2
เหล่านี้ คือเรื่องอันตรายที่เราสมควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเร่งด่วน
17
6. บุญบาปเป็นของมีจริง
10
ทุกการกระทำของเรา
ย่อมส่งผลสะท้อนกลับ
ไม่วันนี้ก็วันหน้า
ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า
คำพูด และการกระทำ
จึงเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่เราคิด
11
พูดสิ่งใด ทำสิ่งใดลงไป
มิได้จารึกไว้เพียงโลกนี้
3
หากแต่มันจะจารึกไว้ในสังสารวัฏ
ในจิตของเรา
9
และเราจะต้องเป็นผู้รับผลแห่งการกระทำของตนเอง ตลอดการเวียนว่ายตายเกิด
3
ดังนั้น
จงระวังคำพูด และการกระทำของเราไว้ให้มากกว่าที่เป็นอยู่
1
7. ทุกคนที่เราเห็น
พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ เพื่อนฝูง มิตรสหาย
ผู้คน ทั้งคนที่รู้จัก และไม่รู้จัก
1
ตลอดการเวียนว่ายตายเกิด
2
ไม่มีใครเลยที่ไม่รู้จักกัน
ไม่มีใครเลยที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
1
และตราบใดที่เรายังเวียนว่ายตายเกิด
เราและเขา จะได้พบกันอีก
ไม่ฐานะใดฐานะหนึ่ง
1
ทำดีกับเขาวันนี้
จะพบกันในเส้นทางที่ดี
2
ทำร้ายเขาในวันนี้
ก็จะต้องตามจองเวรกันต่อไป ไม่สิ้นสุด
ดังนั้น
คำว่า "เพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย"
2
จึงเป็นคำที่มีนัยยะสำคัญกว่าที่เราคิดไว้หลายเท่า
จงมองผู้อื่นให้เหมือนครอบครัวของท่าน
นั่นคือ หนทางที่ดีที่สุด
1
8. เมื่อการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง
1
การบริหารจัดการชีวิตของเรา
ก็สมควรเป็นการบริหารจัดการชีวิต
ที่ครอบคลุมทุกมิติ
1
ไม่เน้นหนักในชาติใดชาติหนึ่ง
ชาตินี้ก็ต้องกินต้องใช้
แต่ชาติหน้าก็ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด
กิจกรรมบางอย่าง
อาจส่งผลดีสูงสุดในชาตินี้
แต่ชาติหน้าอาจทำให้ท่านไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่อัตภาพความเป็นมนุษย์
2
ดังนั้น
ในทุกวัน เราควรถามตนเองว่า
1
วันนี้เราได้เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวในชาติหน้าบ้างแล้วหรือยัง
9. เวลาที่เราเห็นตรงหน้า มีเพียงปัจจุบัน
วินาทีต่อวินาที
เมื่อเวลาเคลื่อนเลยไป
ไม่มีใครสามารถนำช่วงเวลานั้นกลับมาใช้ซ้ำได้
อดีต ไม่มีจริง
เพราะอดีต คือภาพจำที่เรานำมาคิดซ้ำในเวลาปัจจุบัน
1
ส่วนอนาคตก็ไม่มีจริง
เพราะอนาคต ก็คือการปรุงแต่งในปัจจุบันของเรา
1
จงจำไว้เสมอ
ชีวิต คือเรื่องสดใหม่
3
ตัวท่านมีอยู่เพียงปัจจุบัน
1
การอยู่กับปัจจุบัน
จะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างในชีวิตของท่านได้
1
และนี่คือ กุญแจเพียงดอกเดียว
ที่จะไขความลับของชีวิต
2
จงอยู่กับปัจจุบันจนถึงที่สุด(มีสติและสัมปชัญญะ) แล้วชีวิตจะเป็นของท่านอย่างแท้จริง
1
10. เป้าหมายของการเกิดเป็นมนุษย์คืออะไร
2
บางคนบอกว่า
ฉันเกิดมาเพื่อมีความสุข
บางคนบอกว่า
ฉันเกิดมาเพื่อสร้างสิ่งดีงามไว้ให้โลก
บางคนบอกว่า
ฉันเกิดมาเพื่อคนที่ฉันรัก
1
นั่นก็เป็นสิ่งที่จะคิดกันไปตามภูมิปัญญา
แต่ละคนก็มีเป้าหมายชีวิตที่แตกต่างกันไป
แต่สำหรับพระพุทธเจ้า
ท่านได้ฝากเป้าหมาย
ไว้ให้มนุษยชาติอย่างชัดเจน
1
เป้าหมายของการเกิดเป็นมนุษย์
ในทัศนะของพระพุทธเจ้า
ก็คือ การดับกิเลส และทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้ง
คือการดับความไม่รู้ หรืออวิชชา
อันเป็นต้นเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
ตลอดการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
ขอให้เชื่อเถอะว่า
เราเคยตั้งเป้าหมายชีวิตมาแล้วนับไม่ถ้วน
2
และขอให้เชื่อเถอะว่า
ทุกเป้าหมาย
ทุกความปราถนา
ทุกความสำเร็จ
ทุกความอยากมี อยากดี อยากได้ อยากเป็น
เราล้วนเคยบรรลุมาแล้วก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น
1
คงเหลือเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น
ที่เรายังไม่เคยบรรลุ
นั่นคือเป้าหมายแห่งการไม่เกิด ไม่ตาย
เช่นนั้นแล้ว
ถ้าชาตินี้เรายังตั้งเป้าหมายเก่าๆ ซ้ำๆ เดิมๆ
ชีวิตของเราคงไม่ต่างอะไรกับนิยายน้ำเน่าที่นำมาเล่าซ้ำๆ
เปลี่ยนแต่เพียงชื่อแซ่ หน้าตา เสื้อผ้า หน้า ผม แต่ทุกอย่างก็ยังวนเวียนอยู่ในวังวนเก่าๆ
เช่นนี้แล้ว การเกิดของเราคงเป็นการเกิดที่ไร้ค่า
จงหยุดคิด พินิจ ใคร่ครวญ
ด้วยสัมปชัญญะของท่าน
1
อัตภาพความเป็นมนุษย์
คือ สิ่งล้ำค่าอันหาที่สุดมิได้
ทุกวันนี้ท่านกำลังใช้สิ่งล้ำค่าที่ว่า
เพื่อแสวงหาสิ่งใดอยู่หรือ!!!
ขออนุโมทนาบุญ
กับพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบแล้วในศาสนาพุทธ..ทุกองค์...
ท่านผู้มีศีลใฝ่ธรรมใฝ่เจริญภาวนา
ในฐานะที่ท่านอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น
ในการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้
1
ใจก็เกิดบุญอันยิ่งใหญ่
Cr: ศูนย์ฝึกอบรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ
โฆษณา