18 ก.ย. 2022 เวลา 15:00 • ธุรกิจ
หรือจะโตเร็วเกินไป!!! ทำไมมูลค่าของ Uber จึงร่วงลงสวนทางกับที่นักลงทุนคาดหวังไว้
เมื่อพูดถึง Startup เปลี่ยนโลก ชื่อที่ผู้คนมักจะนึกถึงอันดับต้นๆ คงจะเป็น Uber กับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่จะมาเปลี่ยนแปลงวิธีการเดินทางสาธารณะแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ปัจจุบันมูลค่าของยูนิคอร์นระดับโลกรายนี้กำลังตกลงอย่างพลิกความคาดหมาย อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ Uber มาถึงจุดนี้ เราไปดูกันครับ
จุดเริ่มต้นแห่งยูนิคอร์นระดับโลก
บริษัท Uber Technologies, Inc หรือชื่อเดิมคือ Ubercab ก่อตั้งโดยคุณ Garrett Camp และคุณ Travis Kalanick โดยในปี 2009 พวกเขาทั้งคู่ได้พบปัญหาการคมนาคมในเมืองใหญ่ที่คนไม่มีรถส่วนตัวต้องนั่ง Taxi แต่จำนวน Taxi ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และถ้าโชคดีได้ Taxi คนขับก็มักจะเรียกค่าโดยสารแพงมาก
เพื่อหาทางให้คนธรรมดาสามารถเข้าถึงการคมนาคมอย่างกว้างขวางในราคาที่ยุติธรรม พวกเขาจึงได้นำแนวคิดการแชร์รถยนต์แล้วใช้เดินทางไปด้วยกันเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายซึ่งหลักการดังกล่าวกลายเป็นแผนธุรกิจสำคัญของ Uber ในเวลาต่อมา
พวกเขาเริ่มทำ application สำหรับมือถือเพื่อให้ประชาชนสามารถเรียกรถโดยสารสีดำสุดหรู (Black Luxury Car) ให้ไปส่งตามจุดหมายที่ลูกค้าต้องการ โดยเริ่มคิดราคาประมาณ 1.5 เท่าของราคาค่าบริการของ Taxi ในนครนิวยอร์ก ถึงแม้ว่าราคาจะแพงกว่าราคามาตรฐานถึง 50% ลูกค้าก็ยินดีที่จะจ่ายเพราะมั่นใจว่าไม่โดยปฏิเสธเป็นแน่แท้ อีกทั้งคนขับ Taxi มักจะเรียกค่าโดยสารเกินราคาอยู่แล้ว ในช่วงเทศกาลสำคัญคนขับ Taxi บางคันคิดราคาแพงกว่าค่าโดยสาร Uber ถึง 6 เท่าก็มี
การขยายตัวไปทั่วโลก หรือว่าเร็วเกินไป
แผนธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ทำให้ทาง Uber เริ่มมองหาหนทางที่จะตอบความต้องการมากขึ้น โดยเริ่มให้เจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นรถธรรมดา (non-luxury) สามารถนำรถของตนมาร่วมขับขนส่งโดยมี Uber เป็นตัวกลาง (Platform) เจ้าของรถก็สามารถนำรถมาสร้างรายได้ ส่วนผู้โดยสารก็มีตัวเลือกในราคาที่ย่อมเยาว์มากขึ้น นอกจากนี้ Uber ก็ให้การสนับสนุนค่าบริการ (Subsidy) ให้กับผู้โดยสารเพื่อให้พวกเขาเปิดใจเข้ามาลองเลือกใช้บริการ
ทาง Uber ได้ขยายการให้บริการดังกล่าวไปหลายเมืองใหญ่ทั่วทุกมุมโลก ซึ่งตอนแรกผลตอบรับออกมาในเชิงบวกมากๆ แต่ปัญหาที่ Uber คิดไม่ถึงก็เริ่มเผยออกมา เมื่อมีการรายงานว่าคนขับ Uber ได้ก่อเหตุร้ายกับผู้โดยสาร ทำให้เกิดข้อสงสัยในเรื่องความปลอดภัยของผู้ขับจาก Uber มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมองย้อนไปกับบริการรถ Taxi หรือการขนส่งสาธารณะอื่นๆ จะพบว่ามีกฏหมายและระเบียบขั้นตอนมากมายที่ใช้ในการควบคุมและการเฝ้าระวัง ตลอดจนการลงทะเบียนและค่าธรรมเนียมต่างๆ มากมายเพื่อสร้างมาตรฐานและความปลอดภัยในการให้บริการ แต่ Uber ได้ข้ามขั้นตอนดังกล่าวไปจนทำให้เกิดคำถามที่ว่า Uber
ถูกกฏหมายใช่หรือไม่?
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือประเทศอินเดียโดยเฉพาะกรณีคนขับ Uber ได้กระทำอนาจารผู้โดยสารที่กรุงเดลี ทำให้เกิดกระแสต่อต้านและแบน Uber ไปพักใหญ่ ทาง Uber ได้พยายามพัฒนาระบบยืนยันตัวตนของผู้ขับตลอดจนระบบอื่นๆ ถูกนำเข้ามาใช้เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร แต่ความกังวลก็ยังมีอยู่
การลงทุนเพื่อการแก้ปัญหาที่ไม่ออกผล
เมื่อการขยายตัวของ Uber มีปัญหาจากความปลอดภัย วิธีการแก้ปัญหาที่ทาง Uber พิจารณาไว้คือการนำคนออกจากระบบและพัฒนาระบบรถไร้คนขับเข้ามาแทนที่ Uber ได้ตั้งหน่วยงานพัฒนาระบบขับเคลื่อนยานพาหนะอัติโนมัติในชื่อ Advanced Technology Group เพื่อทดสอบแนวทางการขนส่งผู้โดยสารโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ เปิดรถยนต์ไร้คนขับรุ่นทดสอบออกมาในปี 2016 โดย Uber คาดว่าระบบขับเคลื่อนดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงมากกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามแนวความคิดดังกล่างต้องพับตัวลงไปเพราะรถยนต์ทดสอบได้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับคนข้ามถนน แม้จะมีการพิสูจน์แล้วว่าคนที่ข้ามถนนดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติตามกฏหมายเพราะเขาข้ามในที่อันตรายและมีแสงสว่างไม่เพียงพอ แต่ปัญหาที่เกิดจขึ้นไปแล้วส่งผลอย่างหนักต่อความน่าเชื่อถือของระบบของ Uber และท้ายที่สุด Uber ก็ต้องขายระบบที่ตนเองลงทุนไปกว่า 1 พันล้านเหรียญให้กับบริษัท Aurora มารับช่วงต่อไปในที่สุด
ปัจจัยภายนอกกับปัญหาเศรษฐกิจที่ยังรุมเร้า
ปัญหาอีกประการสำคัญคือการระบาดของ COVID-19 ไวรัสมรณะที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของคนทั่วโลก การระบาดของไวรัสดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงกับการคมนาคม ประชากรโลกเปลี่ยนวิธีการทำงานให้ผ่านระบบ online มากขึ้นเพื่อรักษาระยะห่างและลดการแพร่เชื้อ การเดินทางไปทำงานที่สำนักงานถูกแทนที่ด้วยการ work from home ผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์หลายๆ ชนิด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ให้บริการทั้ง Uber Grab และ Didi และทำให้มูลค่าของหุ้นของบริษัทเหล่านี้ย่ำแย่ลงไปจากที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้การ subsidy ให้กับลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้บริการของตนยังเป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้ Uber และหลายบริษัทยังประสบปัญหาอยู่ หากยังมีการแข่งขันในตลาดอย่างดุเดือดและลูกค้ายังมีสิทธิเลือกใช้บริการ ผู้ให้บริการก็ต้องหาวิธีการที่จะดึงดูดให้ลุกค้าใช้บริการของตนต่อไป
โฆษณา