19 ก.ย. 2022 เวลา 04:54 • คริปโทเคอร์เรนซี
เหรียญคริปโต Web 3.0 เทียบได้กับธุรกิจอะไรในปัจจุบันบ้าง ?
เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยรู้จักกับเหรียญ Web 3.0 กันมาบ้างแล้ว แต่ก็คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังนึกภาพไม่ออกว่า เหรียญ Web 3 ที่เคยเห็นมานั้นสามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง และจริง ๆ แล้วมันดีกว่า Web 2.0 ที่เราใช้งานอยู่กันจริง ๆ มั้ย ?
ดังนั้นเพื่อให้เพื่อน ๆ เห็นภาพที่ชัดมากยิ่งขึ้น วันนี้แอดเลยเอาเหรียญ Web 3 ที่น่าสนใจมาเทียบให้เห็นกันแบบเรียงตัวเลยว่า แต่ละเหรียญนั้นเปรียบได้เหมือนกับธุรกิจ แพลตฟอร์ม หรือสินทรัพย์อะไรที่เรารู้จักกันบ้าง เผื่อสนใจอยากเข้ามาลงทุนในเทรนด์ Web 3.0 จะได้ไม่พลาดกันน
1.หมวดธนาคาร สำหรับเหรียญที่อยู่ในหมวดธนาคารของโลกคริปโต ก็เช่น COMP, AVVE, UNI โดยเหรียญเหล่านี้จะมีหน้าที่ในการคอยให้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญ มีการแจกจ่ายค่า Fee รวมไปถึงการกู้และยืมต่าง ๆ เหมือนกับธนาคารในโลกแห่งความจริง แต่จะแตกต่างกับธนาคารตรงที่ไม่มีตัวกลางคอยควบคุมหรือกำกับดูแลให้
2.หมวดเว็บไซต์จด Domain ถ้าหากใครที่อยากเปิดเว็บไซต์เป็นของตัวเองขึ้นมาเพื่อต้องการทำธุรกิจอะไรสักอย่างละก็ คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจด Domain กันก่อน ซึ่งแน่นอนว่าในโลกคริปโตก็มีเช่นกัน แต่เป็นการจดโดเมนในเรื่องของ Wallet ที่เราสามารถนำชื่อกระเป๋าที่เราตั้งหรือจด Domain มาโอนเหรียญหากันได้เลย โดยที่ไม่ต้องจำเลข Address ให้ยุ่งยาก โดยเหรียญที่เกี่ยวกับหมวดนี้ก็เช่น ENS, SNS ล่าสุดเชนไทยของเราก็มี KNS ด้วย
3.หมวดสตรีมมิ่ง หนึ่งในธุรกิจมาแรงที่ใครใช้อินเทอร์เน็ตจะต้องเห็นอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสตรีมมิ่งเกม การ Live ขายของ หรือการ Live เพื่อทำ Content อะไรบางอย่าง ซึ่งในโลกคริปโตก็มีเหรียญที่ทำเกี่ยวกับด้านนี้เหมือนกัน โดยใครก็ตามที่ไปมีส่วนร่วมในการ Live หรือสตรีมมิ่งกับแพลตฟอร์มของเค้าก็จะได้รับ Rewards เป็นเหรียญนั้น ๆ กลับคืนมาด้วย ตัวอย่างก็เช่น เหรียญ THETA
4.หมวดเว็บ Browser หรือ Search engine เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยในยุคปัจจุบัน และแอดเชื่อว่าเพื่อน ๆ คงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น Google Chrome หรือ FireFox และแน่นอนว่า ในโลกของคริปโตก็มีแพลตฟอร์มแบบนี้เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่เราสามารถได้รับ Rewards มาเก็บสะสมได้ในขณะการใช้งาน Browser ด้วยนั้นเอง ยกตัวอย่างก็เช่นเหรียญ BAT หรือแพลตฟอร์ม Brave
5.หมวดจัดเก็บข้อมูล จะดีแค่ไหนถ้าหากเราสามารถเก็บข้อมูล ไฟล์ หรือเอกสารต่าง ๆ ในไว้บน Blockchain ได้แบบที่ไม่ต้องคอยพึ่งพาตัวกลางอย่าง Google Cloud หรือ Amazon Web service เพราะถ้าหากตัวกลางเกิดมีปัญหาขึ้นมา ไฟล์หรือข้อมูลที่เรามีก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งในโลกคริปโตจะมีเหรียญที่ทำหน้าที่เหล่านี้ได้อยู่ เช่น File และ Flux
6.หมวดแลกเปลี่ยนข้อมูล ในยุคปัจจุบันเราปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Data คือสิ่งสำคัญที่สุด ทุกธุรกิจและหลาย ๆ องค์กรจำเป็นต้องทุ่มงบมหาศาลเพื่อเข้าถึง Data เหล่านี้ และบ่อยครั้งก็มักเอา Data ของเราไปใช้เพื่อผลประโยชน์โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเรา แต่จะดีกว่ามั้ยถ้าหากเพื่อน ๆ สามารถนำ Data มาขาย หรือแลกเปลี่ยนกันได้โดยตรงแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง และนอกจากเราจะได้รายได้เพิ่มแล้ว ยังเป็นการยินยอมการขายข้อมูลจากเราเองด้วย ซึ่งเหรียญที่ทำเกี่ยวกับหมวดนี้ก็เช่น Ocean, DATA
7.หมวดเก็บรักษามูลค่า สินทรัพย์อะไรก็ตามที่จะจัดเก็บมูลค่าได้นั้นจะต้องมีเงื่อนไขหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การมีจำนวนจำกัด การเป็นที่ยอมรับ และการหาได้ยาก ซึ่งที่พูดมานี้เหรียญ BTC มีองค์ประกอบครบทั้งหมด เพราะนอกจากจะจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญแล้ว ยังหาได้ยากมากขึ้นในทุก ๆ 4 ปีด้วย ซึ่งในอนาคตถ้าหาก BTC กลายเป็นที่ยอมรับมากขึ้น เราก็คงอาจได้เห็น BTC ขึ้นมาแทนทองก็เป็นได้
เอาจริง ๆ ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกอีก แอดแนะนำว่าให้ลองจำ Concept ไปใช้ดูคือ อะไรก็ตามที่สามารถสร้างประโยชน์ในโลกแห่งความจริงได้ แล้วมีการนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาประยุกต์ใช้ สิ่งนั้นก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็น Web 3.0 ได้แล้ว ซึ่งแอดก็เชื่อว่าในอนาคตเราน่าจะได้เห็นหลาย ๆ ธุรกิจลงมาเล่นใน Web 3.0 กันมากขึ้น และน่าจะมีผลิตภัณฑ์อะไรเจ๋ง ๆ ออกมาให้เราได้ลองใช้ และตะลึงกันอีกเยอะแน่นอน
นี่ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเองก่อนทุกครั้ง
==========================
ถ้าชอบคอนเทนต์แบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดติดตามเพจไว้นะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดี ๆ จากเพจของเรา
โฆษณา