19 ก.ย. 2022 เวลา 08:26 • การ์ตูน
ใครเป็นคอนิทาน วรรณกรรมเด็ก นอกจาก Winnie the Pooh ยังมีหมีอีกตัวหนึ่งที่โลดเล่นในโลกอันอ่อนโยนของเด็กๆ นั่นคือเจ้าหมีแพดดิงตัน หมีน้อยที่สวมเสื้อโค้ตสีน้ำเงินกับหมวกสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์
.
แพดดิงตันเป็นหมีน้อยไร้ชื่อที่เดินทางมาจากป่าลึก ประเทศเปรู มาตามหาบ้านและหลงทางอยู่ที่สถานีรถไฟแพดดิงตันที่ลอนดอน เขาได้รับการอุปการะจากครอบครัวบราวน์ นำโดยมิสเตอร์แอนด์มิสซิสบราวน์ และลูกๆ ทั้งสามที่เดินผ่านสถานีและอดสงสารเจ้าหมีไม่ได้ และหมีไร้ชื่อวันนั้น ก็กลายเป็น Peddington Brown หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวบราวน์ในที่สุด
.
เดิมที หมีน้อยแพดดิงตันนั้นเป็นวรรณกรรมสำหรับเด็ก เขียนขึ้นโดยนายไมเคิล บอนด์ ชื่อว่า A Bear Called Paddington ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ปี 1958 จุดเด่นของหมีน้อยจากเปรู นอกจากเครื่องแต่งกายแล้ว แพดดิงตันเป็นหมีที่สุภาพอย่างมาก เขาจะเรียกขานทุกคนพร้อมคำนำหน้าชื่อทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Mr. ,
Miss หรือ Mrs. และด้วยความไร้เดียงสา หลายครั้งจึงสร้างความป่วนโดยไม่ตั้งใจ อีกมุมหนึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้อพยพที่ความเจริญเข้าไปไม่ถึง จึงทำอะไรก็ดูผิดไปหมด แต่เขาก็ตั้งมั่นเสมอว่าเขาจะต้อง “พยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ทุกอย่างถูกต้อง”
.
ตัวผู้เขียนนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครหมีแพดดิงตันมาจากการไปซื้อของขวัญให้ภรรยา ในร้านขายของใกล้ๆ กับสถานีแพดดิงตัน และมองเห็นตุ๊กตาหมีเท็ดดี้วางอยู่ลำพังบนชั้น มันทำให้เขาย้อนไปถึงช่วงเวลาสงครามโลกที่เด็กๆ ชาวยิว อพยพมาอยู่ที่อังกฤษ และเด็กๆ จำนวนมากในลอนดอนถูกแยกให้ย้ายไปอยู่ที่ชนบทห่างไกลเมืองหลวงในช่วงสงครามโลก แรงบันดาลใจนี้ทำให้ไมเคิลเขียนเรื่องหมีแพดดิงตันเสร็จภายใน 10 วัน
.
หมีน้อยแพดดิงตันครองใจเด็กๆ ชาวอังกฤษและเด็กๆ ทั่วโลก จนมีภาพยนตร์ของตัวเองถึง 2 ภาค แพดดิงตันเป็นมากกว่าหมีเท็ดดี้แบร์ แต่คือตัวแทนของเด็กที่ต้องเป็นกำพร้า เป็นผู้ลี้ภัย จากบ้านจากครอบครัวตัวเองมา ในความอบอุ่นที่ครอบครัวบราวน์มอบให้ หมีน้อยพลัดถิ่นก็ยังคงไม่ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวตัวเอง และยังคงต้องใช้ความพยายามเพื่อ Fit in กับประเทศปลายทาง บ้านหลังใหม่ให้ได้
.
แม้สงครามโลกจะสงบไปนานแล้ว แต่โลกก็ไม่ได้สงบสุข ยังคงมีสงครามกระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุในแอฟริกา สงครามแย่งชิงอำนาจภายในประเทศ สงครามแบ่งแยกดินแดน เหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาผู้ลี้ภัย รวมถึงเด็กกำพร้ามากมาย และยังมีผลพวงจากสงคราม
ที่ทำให้เกิดสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ เด็กๆ ในครอบครัวยากจนไม่ได้รับการศึกษา แต่ต้องออกมาเร่ร่อนขายของ หรือแม้กระทั่งขายบริการ บ้านเราเองก็มีปัญหาเยาวชนถูกทอดทิ้งอยู่เป็นระยะ ความเมตตาที่แพดดิ้งตันได้รับจึงเป็นเสมือนสิ่งเตือนใจผู้ใหญ่ทั้งหลายว่า ไม่ว่าพวกเด็กๆ จะผ่านสิ่งเลวร้ายจนเขาสร้างเกราะปกป้องจิตใจตัวเองให้ดูเข้มแข็งเพียงไร แต่
ภายใน … พวกเขาล้วนยังคงเป็นเด็ก ไร้เดียงสา เปราะบาง พยายามปรับตัวเข้ากับสถานะใหม่ และที่สำคัญ - ต้องได้รับการดูแล เช่นเดียวกับป้ายเล็กๆ - Please look after this bear. Thank you. - ที่ห้อยอยู่ด้านหลังตุ๊กตาหมีตัวนั้น ตัวที่ไมเคิลหยิบมาจากร้านขายของเล็กๆ ข้างสถานีแพดดิงตัน
.
หมีแพดดิงตันมีอนุสาวรีย์ของตัวเอง ขนาดเท่าสัดส่วนจริง หล่อขึ้นมาจากบรอนซ์ที่สถานีแพดดิงตัน ดีไซน์โดยนักปั้น มิสเตอร์มาร์คัส คอร์นิช โดยมี ไมเคิล บอนด์ เป็นผู้มาเปิดอนุสาวรีย์แห่งนี้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2000
.
ดังที่รู้กันดีว่า ควีนเอลิซาเบธนั้น ทรงมีพระทัยกว้างต่อการปรับตัวของราชวงศ์ นอกจากจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีเปิดโอลิมปิคปี 2012 ร่วมกับเจมส์ บอนด์ ซึ่งรับบทโดยแดเนียล เครก เมื่องานฉลองครองราชย์ครบ 70 ปีที่ผ่านมา BBC ได้ออกหนังสั้นความยาว 2 นาทีครึ่ง โดย
เป็นการพบกันของควีนเอลิซาเบท กับเจ้าหมีที่มาเข้าเฝ้าที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม แพตดิงตันเดินทางมาแสดงความยินดีกับพระองค์ ที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี (Platinum Jubilee) พระองค์จึงพระราชทานเลี้ยงน้ำชายามบ่าย แพตดิงตันดีอกดีใจ ตื่นเต้นจนเผลอดื่มชาจากพวยกาโดยตรง พอรู้ตัวก็กล่าวขออภัยแล้วก็พยายามแก้เก้อเอื้อมไปรินชาจากกานั้นให้สมเด็จพระราชินี แต่ชาหมดเกลี้ยง พระองค์จึงตรัสว่าไม่เป็นไร
.
บังเอิญว่า กาน้ำชาเจ้าปัญหานั้นหลุดมืออี๊ก คุณหมีแพดดิงตันผู้มารยาทแสนดี (แต่ซุ่มซ่าม) รีบตะครุบจ้าละหวั่น แล้วมือก็พลาดไปทับแซนวิชบนโต๊ะจนบี้แบน แพดดิงตันแก้เขินด้วนการหยิบขนมปังแซนด์วิชแยมส้มออกจากหมวก เชื้อเชิญพระองค์เสวยด้วยกัน ควีนตรัสตอบอย่างอ่อนโยนว่า "ข้าพเจ้าก็มีเหมือนกัน เก็บไว้ในกระเป๋านี้" พลางทรงหยิบแซนด์วิชออกมาจากกระเป๋าของพระองค์ พร้อมแย้มพระสรวลอย่างมีพระเมตตา
.
ระหว่างนั้น มหาดเล็กผู้ดูแลทูลว่า งานฉลองครบการครองสิริราชสมบัติ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าหมีแพดดิงตันจึงทูลว่า "Happy Jubilee, Ma'am. And thank you for everything." จากนั้นตัดเข้าสู่เวทีงานแสดงคอนเสิร์ตฉลองวันสำคัญ The Palace Jubilee Concert 4 มิถุนายน 2565 โดยศิลปินแนวหน้ามากมาย ซึ่งภายหลังจากออนไป คลิปนี้ก็กลายเป็นไวรัล มีคนดูหลายล้านวิว ด้วยความน่ารักของหมีและความเป็นกันเองและอ่อนโยนของใบหน้าควีนเอลิซาเบธ
.
นอกจากนี้ การถ่ายทำคลิปนี้เป็นความลับและเป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่ของงาน แม้กระทั่งสมาชิกของราชวงศ์ก็ไม่รู้มาก่อน เจ้าชายจอร์จกับเจ้าหญิงชาร์ลอต พระโอรสและพระธิดาของเจ้าชายวิลเลียมเห็นแล้วก็หัวเราะตื่นเต้นที่เสด็จทวดได้นั่งสนทนากับหมีเซเลบ
.
ซึ่งหลังจากที่มีข่าวสวรรคต ทวิตเตอร์ของหมีแพดดิงตั้นได้กล่าวอำลาพระองค์ด้วยประโยคเดียวกันนี้ "Thank you Ma'am, for everything," 🐝
โฆษณา