21 ก.ย. 2022 เวลา 02:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
นอร์เวย์ ประเทศส่งออกน้ำมันดิบ แต่คนชอบขับ รถยนต์ไฟฟ้า
รู้ไหมว่า “นอร์เวย์” เป็นประเทศที่มีทรัพยากรที่สำคัญอย่าง น้ำมันดิบ
แถมยังไม่ได้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
แต่กลับเป็นประเทศที่มี “การใช้รถยนต์ไฟฟ้า” มากเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก
แล้วอะไรกันที่ทำให้นอร์เวย์
เป็นประเทศแห่งการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
นอร์เวย์ เป็นประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย หรือตั้งอยู่บริเวณยุโรปเหนือ
มีจำนวนประชากรราว 5.4 ล้านคน และมีขนาดพื้นที่ 3.9 แสนตารางกิโลเมตร
ซึ่งเล็กกว่าประเทศไทยที่มีพื้นที่ 5.1 แสนตารางกิโลเมตร
สินค้าส่งออกสำคัญของประเทศนอร์เวย์ คือ น้ำมันดิบ โดยคิดเป็น 26% ของมูลค่าสินค้าส่งออก
ส่วนสินค้าที่นำเข้ามากที่สุด คือ รถยนต์ ซึ่งคิดเป็น 6% ของมูลค่าสินค้านำเข้า
แม้นอร์เวย์จะมีทรัพยากรสำคัญอย่าง “น้ำมันดิบ” และไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
แต่กลับเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อ เรื่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
สะท้อนจาก สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า เทียบกับยอดขายรถยนต์ใหม่
ปี 2018 มีสัดส่วน 31% ของยอดขายรถยนต์ใหม่
ปี 2019 มีสัดส่วน 42% ของยอดขายรถยนต์ใหม่
ปี 2020 มีสัดส่วน 54% ของยอดขายรถยนต์ใหม่
ปี 2021 มีสัดส่วน 65% ของยอดขายรถยนต์ใหม่
จะเห็นได้ว่า สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้ามีการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแซงรถยนต์ใช้น้ำมันเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2020
หากเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางนอร์เวย์วางไว้
ในปี 2025 เราน่าจะได้เห็นประเทศนี้ มียอดขายรถยนต์ใหม่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด
แล้วอะไรกัน ที่ทำให้นอร์เวย์เป็นประเทศแห่งการใช้ รถยนต์ไฟฟ้า ?
นอร์เวย์นับเป็นประเทศที่ตื่นตัว กับเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ
ซึ่งได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรก ๆ จากปัญหาอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น
3
เรื่องนี้ส่งผลให้ นอร์เวย์มีการผลักดันมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า มาตั้งแต่ปี 1990
หรือเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว และมีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งการที่จะสร้างแรงจูงใจ ให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
ก็คงหนีไม่พ้น “การสนับสนุนจากรัฐบาล”
 
แล้วรัฐบาลนอร์เวย์ สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่างไร ?
เริ่มตั้งแต่ ไม่เก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม
บวกกับลดการเก็บภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ก็ยังมีการเก็บภาษีรถยนต์ ตามปริมาณการปล่อยมลพิษ
อีกทั้งยังมีการลดภาษี ให้กับผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอีกด้วย
การปรับโครงสร้างทางภาษีแบบนี้ จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น มีราคาถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ชาวนอร์เวย์จึงหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น
- ส่วนลดค่าบริการทางด่วน เรือเฟอร์รีข้ามฟาก และค่าจอดรถ
- สามารถวิ่งในช่องทางของรถบัสได้อีกด้วย
2
ต่อมาก็คือ “โครงสร้างพื้นฐาน” สำคัญ ของรถยนต์ไฟฟ้า
1
ด้วยความที่นอร์เวย์เป็นประเทศที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก แถมมีลักษณะเป็นแนวยาวและแคบ
ลักษณะภูมิประเทศแบบนี้ ทำให้การวางเส้นทางถนนทำได้ง่าย ส่งผลให้การติดตั้งสถานีอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้า สามารถครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่
ปัจจุบันนอร์เวย์มีหัวจ่ายอัดประจุรถยนต์ไฟฟ้าเกือบ 19,000 แห่งทั่วประเทศ
คิดเป็นอัตราส่วน 1 หัวจ่าย ต่อรถยนต์ไฟฟ้าชนิด BEV จำนวน 23 คันเลยทีเดียว
1
และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ก็คือ “ค่าไฟฟ้า”
รู้ไหมว่า แหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้า เกือบทั้งหมดของประเทศนอร์เวย์
มาจากพลังงานทดแทน โดยมากกว่า 90% มาจากพลังงานน้ำ
นอร์เวย์จึงเป็นประเทศที่มีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่ำ
ค่าไฟฟ้าของนอร์เวย์ จึงมีราคาถูกเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
ส่งผลให้ประชาชนมีการตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นด้วย
ถึงตรงนี้ เราน่าจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมนอร์เวย์ จึงเป็นประเทศที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า แซงหน้ารถยนต์สันดาป เป็นที่เรียบร้อย
ก็ต้องบอกว่าที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่จริง ๆ แล้ว มันเกิดขึ้นมาจาก “วิสัยทัศน์ของประเทศ” ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว
ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นเรื่องใหม่ และยังไม่ได้แพร่หลายอย่างทุกวันนี้
และก็ได้มีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบัน
และด้วยความสม่ำเสมอ ก็ได้ทำให้นอร์เวย์ ประเทศที่ส่งออกน้ำมันดิบ
กลายมาเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่า มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อย่างทุกวันนี้..
หนังสือ BRANDING THE NATION หนังสือที่เล่าถึงการสร้างแบรนด์ของแต่ละประเทศที่ทำให้ แต่ละประเทศเป็นแบบทุกวันนี้
1
เช่น ทำไมเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ ทำไมฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งแบรนด์หรู สั่งซื้อเลยที่
โฆษณา