1. อะลีซาทำการอัศจรรย์ในการเยียวยารักษาผู้อื่นอย่างศักดิ์สิทธิ์ แต่ในน้ำพระทัยของพระเจ้านั้น ตัวของเขาเองกลับไม่ได้รับการเยียวยารักษาด้วยการอัศจรรย์; นี่ก็เป็นประสบการณ์ของเปาโลกับผู้ร่วมงานของเขา — 2พกษ.13:14:
(1) เปาโลละโตรฟีโมที่ยังป่วยอยู่ไว้ที่เมืองมีเลโต โดยไม่ได้อธิษฐานรักษาโรคให้เขา และไม่ได้ใช้ของประทานในการรักษาโรคของเขามารักษาติโมเธียวให้หายจากโรคกระเพาะ — 2ตธ.4:20; 1ตธ.5:23; กจ.19:11–12.
(1) ในช่วงเวลาที่ทนทุกข์นี้ อัครทูตและบรรดาผู้ร่วมงานได้อยู่ภายใต้การควบคุมของชีวิตที่อยู่ภายใน ไม่ได้อยู่ภายใต้ฤทธิ์เดชแห่งของประทานที่อยู่ภายนอก:
ก. เรื่องแรกเป็นเรื่องของพระคุณในชีวิต ส่วนเรื่องหลังเป็นเรื่องของของประทานแห่งฤทธิ์เดชที่อัศจรรย์.
ข. ในท่ามกลางความเสื่อมถอยของคริสตจักรและในช่วงเวลาที่ทนทุกข์เพื่อคริสตจักรเช่นนี้ ของประทานแห่งฤทธิ์เดชไม่มีความจำเป็นเหมือนกับพระคุณในชีวิต — 2ตธ.4:22.
2. แม้ว่าร่างกายของอะลีซาจะตายแล้ว แต่เขาก็ยังคงทำการปฏิบัติในวิญญาณของเขา โดยการชุบชีพคนตายให้เป็นขึ้น — 2พกษ.13:21:
(1) กระทั่งอะลีซาที่ตายแล้วก็ยังสามารถชุบชีพผู้คนได้.
(2) นี่คือรูปภาพของพระคริสต์ที่อยู่ในการเป็นขึ้น — ยฮ.11:25;กจ.2:24; ฟป.3:10:
ก. ทุกคนที่สัมผัสกับพระองค์ก็จะได้รับการชุบชีพ.
ข. การบังเกิดใหม่ก็คือคนตายฝ่ายวิญญาณได้สัมผัสกับพระคริสต์ที่ได้ตายและเป็นขึ้น แล้วได้ถูกชุบชีพขึ้นมา — เทียบ ยฮ.5:25; อฟ.2:1–6ก.
วันพุธ - การบำรุงเลี้ยงห่งการฟื้นฟูยามเช้า
2พงศาวดารกษัตริย์ บทที่ 13 ข้อ 14เมื่ออะลีซาล้มป่วยด้วยโรคที่จะต้องสิ้นชีวิต โยอาศกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ลงไปหาท่าน และร้องไห้ต่อหน้าท่านกล่าวว่า บิดาของข้า! บิดาของข้า!...
2พงศาวดารกษัตริย์ บทที่ 13 ข้อ 21...เมื่อเขากำลังฝังศพคนหนึ่ง...เขาจึงโยนศพชายคนนั้นลงไปในอุโมงค์ฝังศพของอะลีซา. พอศพชายคนนั้นแตะต้องกระดูกของอะลีซา ชายนั้นก็กลับมีชีวิตเป็นขึ้นลุกขึ้นยืน.