หุ้นไทยเริ่มไร้เสน่ห์ ? ...ส่องครอบครัว “ดร.นิเวศน์” หลังปรับพอร์ตครั้งสำคัญในตลาดหุ้นไทย
Wealthy Thai พานักลงทุนไปอัปเดตพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของกลุ่มครอบครัว ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เซียนหุ้นชื่อดังของไทย โดยล่าสุดสมาชิกในครอบครัวของ ดร.นิเวศน์ ที่ปรากฏในรายชื่อติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกประกอบไปด้วย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และลูกสาวอย่างนางสาวพิสชา เหมวชิรวรากร ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ข้อมูลที่ปรากฏทางตลาดหลักทรัพย์เคยพบรายชื่อคู่สมรสของดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร คือนางเพาพิลาส เหมวชิรวราการ
สำหรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของทางดร.นิเวศน์ ล่าสุดยังคงมีรายชื่อติดอันดับเป็น 1 ใน 10 หุ้นใหญ่ของบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH และบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ซึ่งมีมูลค่าพอร์ตล่าสุดรวมอยู่ที่ 614 ล้านบาท
โดย ดร.นิเวศน์ ถือหุ้น QH ที่จำนวน 250,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.33% มีรายชื่อติดอันดับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ QH ในอันดับที่ 3 ส่วนหุ้น EASTW พบว่าดร.นิเวศน์ ถือหุ้นอยู่จำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.60% ติดอันดับผู้ถือหุ้นรายที่ 7
ด้านนางสาวพิสชา เหมวชิรวรากร ลูกสาวดร.นิเวศน์ ล่าสุดพบว่าได้มีการปรับพอร์ตเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น QH มากขึ้น จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่จำนวน 60 ล้านหุ้น และปรับเพิ่มไปเป็น 100 ล้านหุ้น และล่าสุดถือหุ้น QH ในระดับ 150 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือครองอยู่ที่ 1.40% มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 7
ขณะที่ล่าสุดพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของนางเพาพิลาส เหมวชิรวราการ คู่สมรสของดร.นิเวศน์ ไม่ปรากฎในรายชื่อติดอันดับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทใด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นางเพาพิลาส เคยปรากฏรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของหุ้น MC ด้วยจำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.25%
ก่อนหน้านี้ ดร.นิเวศน์ ได้ให้มุมมองไว้ว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะเริ่มใกล้จบลงแล้วด้วยความน่าสนใจที่จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากขาดปัจจัยที่จะมาทำให้ตลาดคึกคักและสามารถปรับตัวขึ้นได้แรง ซึ่งก็ยังเป็นตลาดที่สามารถลงทุนได้ แต่โอกาสที่จะคาดหวังผลตอบแทนสูงเหมือนในอดีต หรือโอกาสที่บริษัทจะสามารถทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้อย่างหวือหวาจนสร้างกำไรได้สูงและถือได้ในระยะยาว เป็นไปได้ยาก
1
ขณะเดียวกันถ้าสังเกตตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่บริษัทที่มีรายได้มหาศาลจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ยิ่งบริษัทรายใหม่ๆ ที่มีการเติบโตได้เร็วและมาแซงผู้เล่นรายเก่ายิ่งไม่มีเลย จึงเป็นเหมือนสังคมคนแก่ ที่ลงทุนหวังผลตอบแทนได้ราว 5-6% ต่อปี
ทั้งนี้ พอร์ตลงของดร.นิเวศน์ ในปัจจุบันมีหุ้นไทย อยู่ที่ 60% “หุ้นเวียดนาม” อยู่ที่ 30% และในช่วง 5-10 ปีข้างหน้าก็อาจจะปรับลดสัดส่วนหุ้นไทยลง ด้วยความน่าสนใจและความเคลื่อนไหวของตลาดที่ค่อนข้างนิ่งซึ่งหากย้อนหลัง 9 ปีดัชนีตลาดก็ไม่ได้ไปไหนเลยหรืออยู่ที่ 1,600 จุด หากครบ 10 ปีก็จะกลายเป็น “ทศวรรษที่สูญหาย” (Lost Decade) ไป
6 ถูกใจ
2 แชร์
1K รับชม
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
  • 6
    โฆษณา