26 ก.ย. 2022 เวลา 13:16 • ไลฟ์สไตล์
“ไม่มีใครมีความสุขบนซากปรักหักพัง”
“ … พวกเรากำลังอยู่ในยุคที่เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง เกิดความแตกแยกกันมากทีเดียว
ความไม่เข้าใจกัน ความไม่ไว้วางใจกัน การกระทบกระทั่งซึ่งกันและกัน
ตั้งแต่ระดับครอบครัว สามีภรรยาทะเลาะกัน กระทบกระทั่งกันบ้าง
พ่อแม่กระทบกระทั่งกับลูกบ้าง เกิดความไม่เข้าใจกัน
เกิดความผิดใจต่อกัน เกิดการหวาดระแวงต่อกันบ้าง
เกิดการทะเลาะเบาะแว้งบ้าง
บางทีก็พูดจาทิ่มแทง กระทบกระทั่งต่อกันบ้าง
เวลาที่เกิดการกระทบกระทั่งกัน กระแทกกระทั้น แดกดันกัน มันจะเกิดรอยร้าว เกิดลิ่มภายในใจนั่นเอง
แล้วเมื่อลิ่มมันถูกตอกย้ำไปเรื่อย ๆ เกิดรอยร้าวไปจนถึงจุดหนึ่ง มันก็เหมือนแก้วที่มันแตกออก ที่เรียกว่าใจมันสลายนั่นเอง
ก็ไม่มีใครหรอก มีความสุขบนซากปรักหักพัง มันมีแต่ความเจ็บปวด มันมีแต่ความเสียหาย
ยุคนี้จึงเป็นปัญหาที่เกิดปัญหาการหย่าร้างกันมากทีเดียว ถ้าเราย้อนไปในสมัยก่อน บ้านเมืองเรา ครอบครัวอยู่กันจนแก่จนเฒ่า แต่สมัยนี้หายาก ไม่นานก็เลิกรากันไป
จากการกระทบกระทั่งกัน การไม่เข้าใจกัน การทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกัน ยิ่งมีลูกเสียแล้ว ปัญหามันก็ตามมา เป็นปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม
ลูกก็มีปมด้อย ลูกก็มีบาดแผล ขาดความอบอุ่นต่าง ๆ
มันก็มีแต่ความเจ็บปวด มีแต่ความทุกข์ทรมาน
ไม่มีใครมีความสุขบนซากปรักหักพัง
ความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะทำให้พวกเราอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก สามัคคีคือพลัง ความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน
ใคร ๆ ก็รู้ ไม่มีใครชอบหรอก การทะเลาะเบาะแว้ง แต่ว่า … มันไหลไป มันห้ามใจตัวเองไม่ได้ มันไหลไป
บางทียังไม่เจอหน้า อารมณ์มันก็พุ่งพล่านเสียแล้ว
บางทีก็พูดจาไปไม่ทันคิดก็กระทบกระทั่งกันแล้ว
มันไหลไปนั่นเอง
แล้วเราจะดึงกลับสู่ความกลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างไร
ก็จะให้วิธีการที่จะดึงกลับไว้ 3 วิธีด้วยกัน ในการที่เราจะนำไปใช้ในการฝึกฝนเพื่อดึงกลับ สู่ความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
🌿 ข้อแรก ก็คือ การสื่อสารนั่นเอง พูดจา ปรับจูนกันอยู่เนือง ๆ
บางทีเราไม่พูดคุยกัน ไม่ปรับความเข้าใจกัน บางทีต่างคนต่างคิดกันไปคนละทาง บางทีคิดกันคนละเรื่องเลยทีเดียว
เอ๊ะ เขาไม่พอใจเราหรือเปล่า
เอ๊ะ เขาไม่ชอบอย่างนี้หรือเปล่า
ก็ไม่พูดคุยถามไถ่กันให้รู้เรื่อง สื่อสาร ปรับจูนกันเนือง ๆ ให้เข้าใจกัน ไม่อย่างนั้นบางทีคนเรา ก็คิดกันไปคนละทาง
ลดอีโก้ ลดการถือตัวถือตน ลดตัวเองเป็นที่ตั้ง
พูดคุยปรับจูนกันเนือง ๆ
🌿 ข้อที่สอง ก็เข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ใจเขาใจเรา ให้การโอบอุ้มประคับประคองซึ่งกันและกัน
ถ้าเราวางใจที่จะโอบอุ้ม ประคองซึ่งกันและกัน มันก็จะมองกันด้วยความเป็นมิตร ด้วยความอ่อนโยนนั่นเอง
มีปัญหาอะไรก็อยากจะร่วมทุกข์ร่วมสุข
อยากจะคลี่คลายปัญหาออกไป
เมื่อเรามีการสื่อสาร ปรับจูนกันเนือง ๆ มีความเอาใจใส่ เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ให้การโอบอุ้มประคับประคองซึ่งกันและกัน
🌿 ข้อที่สาม ก็คือ การให้อภัย
อะไรที่มันกระทบกระทั่งไปแล้ว มันผ่านไปแล้ว ก็ให้อภัย ให้อภัยทั้งต่อตัวเอง บางทีเราก็เคยพูดจาไม่ดี เคยทำผิดพลาดไป มันค้างอยู่ในใจ ก็รู้จักที่จะให้อภัยต่อตัวเอง
บางทีคนอื่นเขามาพูดจาทำให้เรากระแทกเข้าไปถึงใจเลย บางทีก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่ว่าบางครั้งมันทิ่มไปทะลุถึงใจ เราจะรู้สึกได้เลยทีเดียว ก็ให้อภัยเขา ใจเขาใจเรา
รู้จักที่จะให้อภัย อย่าไปเก็บไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดลิ่ม เกิดรอยร้าว ทิ่มแทงอยู่ในใจ
เมื่อรู้ตัว เอาออก ก็คือสื่อสาร
ปรับจูน ปรับความเข้าใจ เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน
แล้วก็ให้อภัย ให้อภัยทั้งต่อตัวเอง ให้อภัยทั้งต่อผู้อื่น
ให้อภัยต่อเรื่องราว ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านไปแล้ว
นำ 3 วิธีนี้ ไปฝึกฝนอยู่เนือง ๆ การสื่อสาร พูดคุยปรับจูนกัน ความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ให้การโอบอุ้มประคับประคองซึ่งกันและกัน แล้วก็การให้อภัย
3 สิ่งนี้ ถ้าท่านทั้งหลายทำอยู่เนือง ๆ ท่านทั้งหลายจะสามารถดึงกลับสู่ความกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งอันเดียว ใจเดียวกันได้
เพราะฉะนั้นในธรรมทั้ง 7 ประการ ท่านอาจจะเลือกข้อใดข้อหนึ่ง ที่มันตอบโจทย์การใช้ชีวิตเราก่อนก็ได้ จากนั้นก็ค่อย ๆ เก็บไป
จนสุดท้ายก็มีธรรมทั้ง 7 ประการ มาเป็นหลักของใจ มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต แล้วท่านทั้งหลายจะคลี่คลายปัญหาชีวิตได้มากทีเดียว
แล้วชีวิตของท่านทั้งหลายจะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ก้าวเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง จนสามารถคืนสู่ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติได้ …”
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา