26 ก.ย. 2022 เวลา 15:26 • การตลาด
ขายของในจีนให้ปังด้วยแอพ Xiaohongshu
คุณคงรู้จัก Instagram , Lazada และ Shopee กันดีอยู่แล้ว
Instagram เป็นโซเชียลมีเดียที่เน้นให้คนมาโพสต์รูปสวยๆ ส่วนลาซาด้าก็เป็นเว็บช้อปปิ้งเต็มรูปแบบ โดยทั่วไปหากเราเจอเสื้อผ้าสวยๆใน Instagram เราก็มักจะไปคอมเม้นท์ใต้รูปแล้วไปจบลงที่ไลน์ หรือไม่คุณก็อาจไปเจอเสื้อตัวนั้นใน Lazada/Shopee แต่ไม่ว่ายังไง Instagram กับ Lazada/Shopee ก็ไม่ได้เชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกันอยู่ดี
ต่างจาก Xiaohongshu ที่สามารถรวมเอาจุดเด่นของทั้ง 2 แพลตฟอร์มมารวมกันคือทั้งภาพสวยและซื้อของง่ายด้วย ซึ่งสิ่งนี้มันถูกจริตลูกค้าชาวจีนอย่างมาก (จริงๆคนไทยก็น่าชอบเหมือนกันนะง่ายดี)
Xiaohongshu เปิดใช้งานครั้งแรกในปี 2013 ด้วยแนวคิดโซเชียลคอมเมิร์ซ คือพูดคุย ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ไลค์ คอมเม้นต์ แชร์ได้ แล้วก็ซื้อสินค้าได้ด้วย ด้วยความบรรเจิดนี้ทำให้ Xiaohongshu มีจำนวนผู้ใช้ทะลุ 200 ล้านคนไปเรียบร้อยตั้งแต่ต้นปี 2019
เราขอบอกเอาไว้เลยว่าหากคุณอยู่ในสายงานการตลาดหรือมีความสนใจที่จะนำสินค้าไปขายที่จีนแล้วหล่ะก็ คุณจำเป็นต้องศึกษาวิธีการว่าทำไม Xiaohongshu ถึงสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดได้เร็วขนาดนี้
ความสำเร็จของ Xiaohongshu ในการสร้าง Social Platform
ในปี 2013 มิรันด้า ชู (Miranda Qu) และ ชาลวิน เหมา (Charlwin Mao) ได้ให้กำเนิด เสี่ยวหงซู XiaoHongShu มีความหมายว่า สมุดพกปกแดง (Little Red Book) เพื่อให้ผู้ใช้งานแชร์ประสบการณ์หรือรีวิวเกี่ยวกับเรื่องราวที่ได้ไปซื้อของหรือท่องเที่ยวในต่างแดนกับผู้ใช้งานคนอื่นๆ
เนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่เรื่องความสวยความงามและของแฟชั่น เรื่องที่คนส่วนนิยมโพสต์กัน จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคนิคการซื้อของ หรือรีวิวสินค้าที่ซื้อมาว่าดีไม่ดีอย่างไร
แน่นอนว่าที่ใดมีรีวิว ที่นั่นย่อมมีคนถูกป้ายยา (อยากซื้อสินค้า) XiaoHongShu ก็มีระบบให้สามารถกดซื้อสินค้าได้จากร้าน Red Store ที่เชื่อมกับร้านค้าจากแบรนด์ระดับโลกมากมายให้สามารถซื้อสินค้าได้จากที่ร้านนี้ได้โดยตรง ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีแบรนด์ดังระดับมากมายที่อยู่ในแพลตฟอร์มนี้ อย่างเช่น ลังโคม (Lancôme) , สวิส (Swisse) และ อินนิสฟรี (Innisfree) เป็นต้น
จากการวางโมเดลธุรกิจแบบนี้ ทำให้ XiaoHongShu เติบโตอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2015 พวกเค้าสามารถเพิ่มยอดขาย 100 เท่า จาก 1 ล้านหยวน (ประมาณ 4.5 ล้านบาท) เป็น 100 ล้านหยวน (ประมาณ 450 ล้านบาท) โดยใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น
XiaoHongShu ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และประเมินว่าน่าจะทำยอดขายรวมได้ประมาณ 3 พันล้านหยวน (ประมาณ 13,500 ล้านบาท)
ทำไมคุณถึงควรสนใจ XiaoHongShu?
1.วัยรุ่นกำลังซื้อสูง
จากข้อมูลที่เราได้มาจาก website ของ Xiaohongshu มียอดผู้ใช้งานประมาณ 200 ล้านคน (เดือนมกราคม 2019) กว่า 50% เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี และ 85% ของกลุ่มนี้เป็นผู้หญิง
ด้วยเหตุนี้สินค้ากลุ่ม สกินแคร์ , เครื่องสำอาง และ สินค้าแฟชั่น จึงได้รับความนิยมมากที่สุด ถ้าคุณขายสินค้ากลุ่มนี้อยู่และฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณก็เป็นเด็กรุ่น Gen Z ลงมา นี่คือแพลตฟอร์มที่คุณไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง
2.เป็นชุมชนออนไลน์ที่เติบโตเร็วมาก
XiaoHongShu ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำให้ผู้ใช้งาน แชร์เรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่รีวิวของใช้ใหม่ๆ , การแต่งกายในชีวิตประจำวัน (OOTDs) หรือเทคนิคการแต่งหน้า เป็นต้น
การใช้งานส่วนใหญ่จะคล้ายๆกับอินสตาแกรม คือสามารถโพสต์ได้ บันทึกโพสต์ที่ชอบได้ หรือจะไลค์ จะคอมเม้นต์ จะกดติดตามก็สามารถทำได้เช่นกัน
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่า XiaoHongShu ใจปล้ำมากๆ คือการอนุญาตให้ผู้ใช้แชร์โพสต์ภายนอกผ่าน Weibo/Wechat ได้ด้วย (เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ยากมากในจีนที่จะแต่ละแพลตฟอร์มจะยอมให้แชร์เนื้อหาจากแพลตฟอร์มอื่นมา)
XiaoHongShu พยายามรักษาคุณภาพของเนื้อหาให้ดี ด้วยการไม่อนุญาตให้ผู้ใช้งานโฆษณาด้วยตนเองหรือการใช้คำพูด การสื่อสาร ที่เกินจริงหรือส่อเค้าไปทางการหลอกลวง เช่น "อันดับ 1 ... " หรือ "ดีที่สุด ... " ถูกห้ามใช้ในการโฆษณาอย่างเด็ดขาด
นอกจากการแชร์และการแสดงความคิดเห็นแล้ว Xiaohongshu ยังมีฟังค์ขั่นการสำรวจ หรือ Explore แบบเดียวกับอินสตาแกรม ที่ช่วยให้เราเห็นโพสต์จากผู้ใช้งานคนอื่นๆที่เราไม่ได้กดติดตามแต่คิดว่าคุณน่าจะชอบหรือสนใจ โดยใช้อัลกอริทึมช่วยประเมินจากความชอบที่คุณเคยกดติดตามมาก่อนหน้านี้
และยังมีฟังค์ชั่น ค้นหาประเด็นโพสต์ที่ได้รับความนิยมแถวๆพื้นที่ที่เราอยู่ด้วยการใช้ Nearby ได้อีกด้วย
ด้วยคุณสมบัติที่น่าดึงดูดเหล่านี้ ทำให้ XiaoHongShu ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานแฟนผู้ใช้งานที่มีความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นว่า เสี่ยวหงสู่ 小紅薯 หรือมันหวานน้อย ซึ่งเป็นการเล่นคำเลียนเสียงกับชื่อแพลตฟอร์ม เสี่ยวหงซู นั่นเอง
3.การตลาดแบบปากต่อปากที่โตเร็วแบบก้าวกระโดด
จากแพลตฟอร์มที่สร้างเนื้อหาด้วยตัวเองนำไปสู่การก่อกำเนิดของผู้นำทางความคิดที่มีผลช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นเรานิยมเรียกกันติดปากว่า Key Opinion Leader (KOLs) ถึงแม้ KOL จะเป็นศัพท์ใหม่แต่ก็มีความหมายคล้ายกันกับอินฟลูเอ็นเซอร์ (Influencer) หรือ บล็อกเกอร์ (Blogger) แม้คำเรียกจะเปลี่ยนไปตามสมัยนิยม
แต่หัวใจของการใช้งานยังเหมือนเดิมนั่นคือ การเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิด สามารถชี้นำให้เกิดการซื้อผ่านการแบ่งปันเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์และเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับความงามและไลฟ์สไตล์ KOLs เหล่านี้ ทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ติดตามทำให้เกิดการรับรู้ถึงแบรนด์เพิ่มความผูกพันของผู้ใช้และผู้ติดตาม
เราขอยกตัวอย่างของผู้ที่มีอิทธิพลต่อ XiaoHongShu คนนึงนั่นคือ Austin Li หรือหลี่เจียฉี หลายๆคนจะเรียกเขาในชื่อเล่นว่า โข่วหงเกอ 口紅哥 หรือพี่ชายลิปสติก มักจลองลิปสติกแบรนด์หรู เช่น Gucci และ MAC ปัจจุบันเขาได้มีผู้ติดตามมากกว่า 3,100,000 คน และคำพูดของเค้าก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมากเลยหล่ะ
นอกจากนี้ยังมีคนดังอีกหลายที่มาเข้าร่วม XiaoHongShu เช่น ฟ่านปิงปิง FanBingBing และ นานะ อูหยาง Nana Ou-Yang สาวน้อยนักเชลโล่จากไต้หวัน ยังได้เปิดบัญชีของตนเองใน XiaoHongShu ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเข้าชมและความน่าเชื่อถือของแอพให้ดียิ่งขึ้น
แล้ว KOLs ทำให้เกิดการตลาดแบบปากต่อปากได้อย่างไร จริง ๆ แล้วการแชร์เพียงครั้งเดียวจากผู้ใช้บน XiaoHongShu จากนั้นมันก็จะเริ่มแพร่กระจายออกไปให้ผู้ใช้คนอื่นๆเห็น เมื่อผู้ใช้คนอื่นๆเห็นและแชร์ต่อออกไปอีกก็จะมีคนเห็นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคุณ และพวกเค้าก็จะเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับจุเด่น คุณสมบัติ ราคา และความน่าใช้ของสินค้า
สิ่งสำคัญก่อนที่จะเกิดการแชร์ต่อได้คือเนื้อหาต้องน่าสนใจจนพวกเขาอยากแบ่งปันต่อ หากจับจุดตรงนี้ได้แบรนด์ของคุณก็จะเป็นที่รู้จัก แต่ถ้าอยากให้ได้ลูกค้าด้วย ก็จำเป็นต้องมีจุดเด่นบางอย่างที่จำได้ง่ายๆ เพื่อให้ลูกค้าชาวจีนจดจำคุณได้และเลือกที่ซื้อสินค้าของคุณ
เราขอยกตัวอย่าง อีกซักคนนึง นั่นคือ ฟ่านปิงปิง เธอถูกขนานนามว่าเป็น ราชินีแห่งการขาย และเธอมีผู้ติดตามมากกว่า 10 ล้านคนใน XiaoHongShu สิ่งที่ฟ่านปิงปิงทำ เธอมักจะแบ่งปันเคล็ดลับความงามของเธอกับแฟน ๆ
บ่อยครั้งที่ฐานแฟนของเธอพร้อมจะไปเหมาสินค้าเหล่านั้นให้เกลี้ยงแผงจนผลิตไม่ทันกันเลยทีเดียว ยังไม่พอแค่นั้น สินค้าใดที่ได้ไปอยู่ในมือของเธอ จะได้รับการติดแท็กจากเหล่าฐานแฟนของเธอว่า FanBingBing TongKuan ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์เดียวกับที่ฟ่านปิงปิงใช้
จะเห็นได้ว่าการนำเสนอสินค้าหรือกิจกรรมบางอย่างของฟ่านปิงปิง ผ่านการใช้งาน Xiaohongshu นั้นมีผลถึงสะเทือนภูเขาทั้งลูกได้สบายๆ และนี่คือตัวอย่างที่เราอยากจะบอกว่า KOL ที่ดีมีผลกับตลาดจีนมากขนาดไหน
4.เชื่อมโยงไปที่ร้านค้าได้โดยตรง
XiaohongShu ยังก้าวนำต่อไปอีกอีกระดับด้วยการเปิดตัวแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เรียกว่า ร้านแดง Red Store ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อผลิตภัณฑ์โดยตรงจากร้านค้าหลังจากอ่านรีวิวและถูกใจ และมั่นใจว่าได้ของแท้แน่ๆ (เป็นสิ่งคนจีนกังวลมากๆ)
ซึ่งวิธีการนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ เพราะนอกจากจะลดความยุ่งยากที่ลูกค้าจะต้องไปค้นหาร้านเพื่อซื้อเองแล้ว บางทีช่วงที่กำลังค้นหาสินค้าอยู่นั้น ความต้องการสินค้าอาจจะลดลงจนสุดท้ายอาจเปลี่ยนใจไม่ซื้อสินค้าก็ได้ แต่วงจร ดู-ถูกใจ-ซื้อ ช่วยให้สามารถปิดการขายดีขึ้นอย่างมาก
โฆษณา