27 ก.ย. 2022 เวลา 13:39 • กีฬา
เกิดอะไรขึ้นกับแฮร์รี่ แม็กไกวร์ จากตัวความหวังของทั้งสโมสรและทีมชาติ กลายมาเป็นตัวโจ๊กสุดฮาให้คนแซวเล่นในเวลานี้?
4
ถ้าย้อนกลับไปราวๆ 2 ฤดูกาลก่อน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ คือตัวความหวังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษอย่างแท้จริง ชีวิตของเขาอยู่ในขาขึ้น ทุกอย่างสดใส สวยงาม
แม็กไกวร์ ย้ายจากเลสเตอร์ ด้วยราคาสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติเดิมของเวอร์จิล ฟาน ไดค์ ลงอย่างราบคาบ
ในช่วงที่ย้ายมาใหม่ ก็ไม่มีใครกล้าแซว เพราะถ้าแม็กไกวร์เล่นได้ดีเหมือนฟาน ไดค์ล่ะก็ ราคา 80 ล้านที่จ่ายไป ก็จะดูสมเหตุสมผลขึ้นมาเลย
1
ปีแรกของแม็กไกวร์ (2019-20) เขาพาแมนฯ ยูไนเต็ด จากที่เคยจบอันดับ 6 พุ่งทะยานมาจบอันดับ 3 คว้าสิทธิ์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าเริ่มได้ดีมาก
จากนั้นปีที่สอง (2020-21) เขาพาแมนฯ ยูไนเต็ด อันดับดีขึ้นกว่าเดิมอีก จบอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก แถมเข้าชิงยูฟ่า ยูโรป้าลีกอีกต่างหาก ใกล้มากที่จะได้แชมป์บอลถ้วย
1
ณ เวลานั้น แม็กไกวร์ สำคัญแบบขาดไม่ได้ เขาเป็นผู้เล่นที่ลงตัวจริงทุกนัดทุกนาที "71 เกมติดต่อกัน" ในพรีเมียร์ลีก เป็นสถิติที่มากที่สุดตลอดกาลของสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด เทียบเท่าแกรี่ พัลลิสเตอร์ เซ็นเตอร์แบ็กยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
1
นอกจากนั้นในช่วง 2 ปีแรกของเขากับแมนฯ ยูไนเต็ด แม็กไกวร์ ยังสร้างตัวเลขสถิติ อีกหลายอย่างที่น่าสนใจมากๆ เช่น
- จ่ายบอลเข้าเป้ามากที่สุด อันดับ 2 ของกองหลังในพรีเมียร์ลีก (4,127 ครั้ง)
- แย่งบอลคู่แข่งได้มากที่สุด อันดับ 2 ของกองหลังในพรีเมียร์ลีก (443 ครั้ง)
- ตัดลูกส่งคู่แข่งได้มากที่สุด อันดับ 2 ของกองหลังในพรีเมียร์ลีก (132 ครั้ง)
1
สถิติต่างๆ สวยหรู ดูดีมาก จากนั้นพอจบฤดูกาลปั๊บ แม็กไกวร์ลงเล่นในยูโร 2020 และพาอังกฤษได้รองแชมป์ชนิดที่อีกนิดเดียวจะเป็นแชมป์อยู่แล้ว โดยในนัดชิงกับอิตาลี ตัวเขายิงจุดโทษเข้าด้วย เสียบสามเหลี่ยมอย่างสวย (แต่เจดอน ซานโช่ กับ บูกาโย่ ซาก้า ยิงไม่เข้า ก็เลยแพ้)
1
ณ เวลานั้น ตัวเลข 80 ล้านปอนด์ที่แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายให้เลสเตอร์ ก็ดูจะคุ้มดี แม็กไกวร์เป็นแกนหลักของทั้งสโมสรและทีมชาติ
1
คือคำถามในโลกออนไลน์มีแค่ว่า คนที่มายืนคู่กับเขาควรจะเป็น ราฟาแอล วาราน หรือ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟเท่านั้น เพราะแม็กไกวร์ยังไงก็การันตีตำแหน่งตัวจริงแน่นอน 1 โควต้า
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มของแม็กไกวร์ มาเริ่มย่ำแย่ในฤดูกาลที่ 3 (2021-22) เมื่อเกมรับของทีมปีศาจแดงรั่วแบบสุดๆ เสียประตูทั้งซีซั่น 57 ลูก เป็นการเสียประตูมากที่สุดในรอบ 43 ปีของสโมสร
การเปลี่ยนโค้ชกลางฤดูกาลก็คือเหตุผลหนึ่ง แต่ตัวแม็กไกวร์เองก็ฟอร์มตกด้วย สถิติเผยว่าในปีนี้ เขาเล่นผิดพลาดจนนำไปสู่การเสียประตูถึง 16 ครั้ง บางครั้งเป็นความผิดพลาดใหญ่ บางครั้งเป็นความผิดพลาดเล็กๆ
ฟอร์มที่ถอยหลังลงคลอง บวกกับค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ทำให้เขากลายเป็นมีม ที่โดนแฟนบอลทีมอื่นเอามาล้อเลียน ถ้าหากแม็กไกวร์เล่นอินเตอร์เนตแล้วใจไม่แข็งพอ อาจจะประสาทเสียไปเลยก็ได้
2
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่กดดันให้แม็กไกวร์เล่นแย่ลงไปอีก คือมีแฟนบอลรายหนึ่งส่งจดหมายขู่ว่าเล่นห่วยแบบนี้ จะล้างแค้นด้วยการวางระเบิดบ้านแม็กไกวร์ เมื่อโดนขู่แบบนั้น เขาบอกเลยว่า มันข้ามเส้นเกินไปแล้ว "การโดนด่าทอไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับผมมาก แต่เมื่อเป็นเรื่องการขู่วางระเบิดมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดี เพราะมันเกี่ยวกับครอบครัว เกี่ยวกับคู่หมั้นของผม"
1
เล่นก็ไม่ดีอยู่แล้ว แถมยังมีเรื่องโดนขู่วางระเบิดบ้านอีก ขณะที่ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมก็ดูจะไม่ค่อยดีนัก ดูได้จากการที่เอริค ไบยี่ กองหลังที่ย้ายไปอยู่มาร์กเซย ให้สัมภาษณ์ว่า "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรจะหลีกเลี่ยงการเอาใจให้โอกาสนักเตะอังกฤษก่อนชาติอื่น พวกเขาควรให้เกิดการแข่งขันในห้องแต่งตัว ผมรู้สึกว่าใครก็ตามที่เป็นนักเตะทีมชาติจะถูกให้ความสำคัญก่อน"
2
แม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่ใครก็พอรู้ว่าไบยี่ หมายถึงแม็กไกวร์นั่นแหละ ไบยี่บ่นว่าเวลาเขาไม่เจ็บ ลงสนามได้ ก็มักจะเล่นดีตลอด แต่สโมสรก็มักจะให้โอกาสแม็กไกวร์ก่อน ทั้งๆ ที่เล่นหลุดฟอร์มไปตั้งเยอะ เพียงเพราะเป็นคีย์แมนของทีมชาติอังกฤษแค่นั้น
เช่นเดียวกับเรื่อง คาแรคเตอร์ของการเป็นกัปตัน เขาก็โดนตั้งคำถาม โดยราล์ฟ รังนิกอดีตผู้จัดการทีม ให้สัมภาษณ์ว่า "ที่เยอรมันเราจะมีวิธีการเลือกกัปตัน โดยให้นักเตะเลือกกันเอง ในภาษาเยอรมันใช้คำว่า Spielerrat (สภานักเตะ) ผู้เล่นที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจะได้เป็นกัปตัน นั่นคือวิธีที่ผมจะใช้ จริงๆ ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการทีมต่อ ผมก็จะใช้วิธีนี้หากัปตัน แต่ตอนนี้ตำแหน่งเป็นของเอริค เทน ฮากแล้ว และเขาก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง"
4
รังนิกไม่ได้เอ่ยชื่อแม็กไกวร์ แต่มันก็เหมือนด่าทางอ้อมว่าแม็กไกวร์ไม่เหมาะกับการเป็นกัปตัน จนควรใช้การโหวตเลือกคนใหม่ดีกว่า
แม็กไกวร์โดนรุมเร้าจากทุกอย่าง ไม่มีใครปกป้องเลย แม้แต่แฟนบอลของแมนฯ ยูไนเต็ดเอง ก็ยังเลยตามเลย เอาชื่อเขาไปล้อเลียนเป็นตัวฮาไปด้วย
1
เมื่อเข้าฤดูกาลที่ 4 (2022-23) จากที่เคยเป็นโมเมนต์แย่ๆ คราวนี้เส้นทางฟุตบอลของเขา กลายเป็นหายนะอย่างแท้จริง แม็กไกวร์โดนแย่งตำแหน่งไปอย่างถาวร เซ็นเตอร์แบ็กปีศาจแดงตอนนี้ ก็แบเบอร์แล้วว่า วาราน คู่กับลิซานโดร มาร์ติเนซ
1
ขณะที่กับทีมชาติอังกฤษ ความผิดพลาดสองหนของเขาเมื่อคืนนี้ ทำให้ทีมสิงโตคำรามเสมอเยอรมัน 3-3 จนโดนแกรี ลินิเกอร์ ทวีตบอกว่า ทำไมไม่เปลี่ยนไปใช้กองหลังที่กำลังฟอร์มดีอย่างฟิกาโย่ โทโมริแทน
ในฤดูกาลนี้ แม็กไกวร์ลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมด 8 นัด (ทีมชาติ 5 นัด, พรีเมียร์ลีก 2 นัด, ยูโรป้าลีก 1 นัด) ปรากฏว่า เขาไม่สามารถช่วยทีมคว้าชัยชนะได้เลยแม้แต่เกมเดียว นี่เป็นสถิติที่เหลือเชื่อมาก
5
แน่นอน เรื่องของสภาพจิตใจ และความมั่นใจก็ประเด็นหนึ่ง แต่หลายคนเชื่อว่า การที่แม็กไกวร์ไม่ได้โอกาสเลยจากเอริค เทน ฮาก น่าจะเกี่ยวกับเรื่องสไตล์การเล่นโดยตรง
 
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจแบ็กกราวน์ของแม็กไกวร์ก่อนว่า เขาเป็นกองหลังอังกฤษสไตล์ดั้งเดิม ตัวสูงใหญ่ 194 เซนติเมตร เล่นลูกกลางอากาศดี แข็งแรง บาดเจ็บยาก ถ้าคู่แข่งจะสู้ด้วยการครอสเข้ามาแย่งโหม่ง แม็กไกวร์มักจะทำได้ดีเสมอ
3
ในฤดูกาล 2019-20 แม็กไกวร์เป็นกองหลังอันดับ 3 ในลีกที่โหม่งชนะคู่แข่ง (Aerial Battles Won) ส่วนในฤดูกาล 2020-21 อยู่อันดับ 2 แปลว่า ถ้าโดนคู่แข่งบอมบ์มาล่ะก็ ไว้ใจได้เลย แม็กไกวร์เคลียร์ได้หมด
ส่วนวิธีการขึ้นเกมรุกของแม็กไกวร์ในอดีตนั้น เขาเล่นแบบ Simplicity with the ball นั่นคือเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าใครจำยุคตอนอยู่เลสเตอร์ได้ แม็กไกวร์เมื่อได้บอล จะเล่นสั้นๆ ให้คู่เซ็นเตอร์แบ็ก หรือฟูลแบ็ก เล่นแบบชัวร์ปลอดภัยไว้ก่อน การดันขึ้นสูงแบบอันโตนิโอ รูดิเกอร์ (สังเกตได้ว่าแม็กไกวร์ดันไปทีไรก็มักจะเสียบอล) หรือการวางบอลแทยงให้ปีกวิ่งไปเล่นแบบฟาน ไดค์ ไมใช่จุดแข็งของเขา
1
เชื่อหรือไม่ ว่าบรรดานักเตะในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด ณ เวลานี้ แม็กไกวร์ คือคนที่สัมผัสกับประสบการณ์ การตกชั้นมากที่สุดคือ "4 ครั้ง" ในอาชีพ
1
2010-11 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ตกชั้นจากแชมเปี้ยนชิพ ไปลีกวัน
1
2014-15 ฮัลล์ ซิตี้ ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ไปแชมเปี้ยนชิพ
2014-15 วีแกน (ย้ายแบบยืมตัว) ตกชั้นจากแชมเปี้ยนชิพ ไปลีกวัน
2016-17 ฮัลล์ ซิตี้ ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ไปแชมเปี้ยนชิพ
สิ่งนี้มันสะท้อนให้เห็นว่า แม็กไกวร์ เติบโตมาจากการเล่นกับทีมเล็กๆ ที่ดิ้นรนกับแชมเปี้ยนชิพ และลีกวัน ดังนั้นสกิลของเขาในช่วงเริ่มต้น ก็ซึมซับมาจากลีกล่างๆ เหล่านี้แหละ นั่นคือจะเน้นสกัดกั้น การโดนคู่แข่งโยนบอมบ์ เขาก็มีหน้าที่โหม่งสกัดลูกครอสให้พ้นออกมาให้ได้
ทักษะของแม็กไกวร์ มันจะไม่เหมือนกองหลังแบบ รูดิเกอร์ ที่โตมากับทีมเยาวชนของดอร์ทมุนด์ และ สตุ๊ตการ์ต หรือดาวิด อลาบา ที่โตมากับอะคาเดมี่ของบาเยิร์น คือพวกนี้ เขารู้ว่าเกมรับของทีมเลเวลสูงๆ เล่นยังไง ตั้งแต่เด็กแล้ว
ถ้าเราดูฟุตบอลก็คงจะพอเห็นว่า ทีมใหญ่ๆ จะสอนกองหลังให้ครองบอลดี ออกบอลแม่น แต่แนวคิดของทีมในลีกล่าง จะสอนกองหลังให้เน้นเรื่องพลัง การแย่งโหม่ง การเข้าบอลหนัก คือเป็นหลักการคิดที่ต่างกันแต่แรก
3
ในยุคของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่เกมบุกยังมีความ Direct จ่ายออกปีกแล้วลุย แม็กไกวร์ ยังไม่ต้องใช้สกิลมากนัก เน้นสกัดบอลให้ชัวร์ก็พอ
1
แต่พอเป็นยุคของเอริค เทน ฮาก ที่เล่นฟุตบอลแบบ Possession Game สลับกับการโต้กลับเร็ว กองหลังจำเป็นมากที่ต้องจ่ายบอลได้หลายมิติ สั้นสลับยาว (สั้นสำหรับการต่อบอลกับเพื่อน ยาวสำหรับการโต้กลับ)
นอกจากนั้น เทน ฮาก ยังยืนยันว่า ฟุตบอลของเขาจะเน้นการเพรสซิ่งมากกว่ายุคก่อนๆ เขาให้สัมภาษณ์ว่า "เราต้องการจะเพรส เราจะเพรสทั้งวันทั้งคืน เราจะเล่นฟุตบอลเชิงรุก" ดังนั้นคนที่เป็น เซ็นเตอร์แบ็กต้องมีความเร็วที่จะขึ้นลงตลอดเวลา
1
นั่นคือเหตุผลที่เทน ฮากต้องการได้ตัว ลิซานโดร มาร์ติเนซ ศิษย์เก่าจากอาแจ็กซ์มาเสริมทัพ โดย เว็บไซต์ Whoscored บอกว่าจุดแข็งอันดับหนึ่งของลิซานโดรคือ "Passing" จ่ายบอลได้ดีเยี่ยม ดังนั้น ก็เท่ากับว่า ลิซานโดร คือเซ็นเตอร์แบ็กที่ตรงสเป็กตามที่เขาต้องการ
แม็กไกวร์นั้นยังจ่ายบอลเท้าสู่เท้าไม่คมพอ บางทีจ่ายขวางสนามโดนตัด จางแทงไปตรงกลางโดนแย่ง ซึ่งตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ในมุมของเทน ฮาก คุณพลาดไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อลิซานโดร การันตีตำแหน่งแล้วหนึ่งคน เทน ฮากก็ต้องมาเลือก ว่าอีกคนจะเอาวาราน หรือ แม็กไกวร์
เขาลองใช้แม็กไกวร์สองเกมแรกในซีซั่นนี้ ปรากฏว่า แพ้ไบรท์ตัน 2-1 และแพ้เบรนท์ฟอร์ด 4-0 แม็กไกวร์ไม่สามารถต่อบอลกับเพื่อนได้ แถมยังทำให้กองกลางอย่างคริสเตียน อีริคเซ่นเล่นยากไปด้วย
แต่พอเกมที่ 3 ที่เจอลิเวอร์พูล เปลี่ยนมาใช้วาราน คราวนี้ทุกอย่างโป๊ะเชะทันที แมนฯ ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะได้ และจากนั้นก็เดินหน้าชนะรัวๆ
3
อะไรที่วาราน กับแม็กไกวร์แตกต่างกัน? คำตอบแว้บแรกคือ เซนส์บอล และประสบการณ์ รวมถึงอีกข้อก็ชัดเหมือนกัน นั่นคือเรื่อง สปีด
1
เราลองเทียบค่าพลังจากในเกม Fifa ค่าสปีดต้น (Acceleration) ของวาราน อยู่ที่ 79 ของแม็กไกวร์อยู่ที่ 47 หรือค่าความเร็ว (Sprint Speed) วารานอยู่ที่ 85 แม็กไกวร์อยู่ที่ 53
เกม Fifa อาจจะไม่ใช่อะไรที่ตัดสินได้ขนาดนั้น แต่มันก็พอบอกได้คร่าวๆ ว่าความเร็วของทั้งคู่อยู่ในจุดไหน คนหนึ่งเร็วพอจะตามจังหวะของเพื่อนได้ ส่วนอีกคนช้าไปหนึ่งจังหวะ
ดังนั้น การที่แม็กไกวร์ จ่ายบอลไม่หลากหลาย และมีความเร็วน้อยเกินไป นั่นคือเหตุผลสำคัญที่เทน ฮาก ลดความสำคัญของเขาลงไป
บวกกับการที่ในพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบันนี้ น้อยทีมมาก ที่จะเล่นแบบโยนบอมบ์เข้าไปหน้าโกล์ ส่วนใหญ่พวกเขาก็เล่นบอลสั้น เรียดๆ กันทั้งนั้น แม้แต่ทีมระดับกลางๆ หรือเล็กๆ ก็เล่นเท้าสู่เท้า
มันย่อมแปลว่า จุดแข็งเรื่องการแย่งโหม่งกลางอากาศของแม็กไกวร์ก็ยิ่งกลายเป็นไม่ได้ใช้ มากเข้าไปอีก
ทุกๆ อย่างรวมกัน เราก็เลยเข้าใจได้ ว่าทำไมการดร็อปแม็กไกวร์คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด คือไม่ใช่ว่าเขาแย่ขนาดนั้น แต่การเล่นของทีมปีศาจแดง ณ เวลานี้ ใช้คนอื่นเหมาะกว่า
2
การไม่ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องกับสโมสร มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่จะมีผลไปถึงเกมทีมชาติด้วย เมื่อคืนนี้ แม็กไกวร์ลงเต็มเวลา และมีส่วนที่ทำให้อังกฤษเสีย 2 ประตูแรก
2
ลูกแรกเขาไปหวดจามาล มูเซียล่า ร่วงจนเสียจุดโทษ ลูกสองเขาเสียบอลกลางสนามจนโดนโต้กลับ ก่อนโดนฮาแวตซ์ซัดหายเข้าไป
ฟอร์มที่เกิดขึ้น ว่ากันแฟร์ๆ มันก็เป็นผลพวงมากับสโมสรนั่นแหละ เมื่อเขาไม่ได้ลงเล่นติดต่อกันขนาดนั้น (6 เกมหลังสุดได้ลงตัวจริง 1 เกม) จังหวะต่างๆ ก็หายไป Match Fitness ก็ไม่พอ แล้วแผน ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ 4 เซ็นเตอร์แบ็ก พอปรับมาเล่น 3 เซ็นเตอร์แบ็กกับทีมชาติก็ต้องจูนอีก
ฟอร์มจมดิ่งขนาดนี้ ถามว่าแม็กไกวร์จะได้ไปบอลโลกที่กาตาร์ไหม? คำตอบคือได้ไปอยู่แล้ว เพราะนับจากวันนี้ ก็เหลืออีกแค่สองเดือนบอลโลกจะเริ่ม มันช้าเกินไปแล้วที่จะมาปรับเปลี่ยนอะไรตอนนี้ ซึ่งเซาธ์เกตก็คงได้แต่ภาวนาว่า ช่วงสองเดือนที่เหลือแม็กไกวร์จะเรียกความฟิตได้ และกลับมามั่นใจดังเดิม แม้จะไม่ได้เล่นกับแมนฯ ยูไนเต็ดก็ตาม
2
จริงๆ แล้ว ถ้าถามว่า แม็กไกวร์เป็นผู้เล่นที่แย่ไหม คำตอบคือ ก็ไม่ เขาอาจจะไม่ถึงกับ Great แต่ก็อยู่ในระดับ Good แน่นอน
แต่ปัญหาของแม็กไกวร์นั้น เกิดขึ้นทั้งจากเรื่องนอกสนาม นั่นคือความกดดัน ทั้งจากค่าตัวที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง แถมได้รับปลอกแขนกัปตันอีกต่างหาก จนกลายเป็นมีมล้อเล่น ทุกสิ่งยิ่งเพิ่มความเครียดให้ตัวเองต้องเล่นดีที่สุดในทุกเกม พลาดไม่ได้
3
คือถ้าคิดเร็วๆ เอาตำแหน่งกัปตันออกไปซะ บางทีเขาอาจจะผ่อนคลายกว่านี้ก็ได้
1
รวมถึงเรื่องในสนามก็เกี่ยวเช่นกัน เพราะแท็กติกของโค้ชอย่างเทน ฮาก ดันไม่ตรงกับสกิลที่เขามี คือถ้าเล่น Deep ตั้งรับลึก เน้นโต้กลับเป็นหลัก แบบนี้แม็กไกวร์น่าจะพอเล่นได้ แต่ถ้าในฟุตบอลแบบ Intensity แบบที่กองหลังต้องมีส่วนร่วมตลอดเวลา แม็กไกวร์ก็จะเหนื่อยมาก เพราะการต่อเกม เชื่อมเกม วิ่งเพรส ไม่ใช่จุดแข็งของเขา
1
ยังนึกไม่ออกจริงๆ ว่าอะไรจะดลใจให้เทน ฮาก เลือกแม็กไกวร์กลับมาเป็นตัวจริง อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องก้มหน้าก้มตาซ้อมต่อไป อดทนไว้แม้จะโดนแขวะโดนแซว อดทนไว้แม้จะกลายเป็นตัวโจ๊ก
แล้ววันหนึ่งเมื่อโอกาสมาถึง ถ้าเขาพิสูจน์คุณค่าของตัวเองได้ ก็อาจพลิกสถานการณ์กลายเป็นผู้ชนะในตอนจบแทนก็ได้ ใครจะรู้
1
#KEYMANTODISASTER
โฆษณา