7 สาเหตุที่ทำให้คนเรานั้น “ล้มเหลว” (พร้อมวิธีการรับมือ!)
ก่อนที่ใครหลายคนจะกลายมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาต่างเคยล้มเหลวมาก่อนทั้งนั้น ซึ่งทุกความล้มเหลวที่เราทุกคนเคยเผชิญ มักมาพร้อมกับบทเรียนสำคัญ 2 ประการ
ประการแรก
คุณจะได้เรียนรู้ว่าอะไรเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวครั้งนั้น และแน่นอนว่าต้องมีอย่างน้อยหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดความล้มเหลวขึ้น
ประการที่สอง
คุณจะได้เรียนรู้ว่าคุณต้องทำอย่างไร ถึงจะได้ไม่กลับไปล้มเหลวแบบเดิมอีกซ้ำสอง
ถึงตรงนี้คุณก็คงอยากรู้คำตอบแล้วว่า ทำไมคนเราต้องล้มเหลว? แล้วสาเหตุมันมาจากอะไร หรือพอจะมีวิธีรับมือกับมันบ้างหรือไม่ เรามาชมพร้อม ๆ กันเลย!
1. ขาดความสม่ำเสมอ
เชื่อหรือไม่ว่าสาเหตุของความล้มเหลว ของคนส่วนใหญ่นั้นไม่ได้เกิดเพราะพวกเขาไม่ฉลาดหรือขาดพรสรรค์ แต่เพราะพวกเขายอมแพ้ง่ายเกินไปต่างหาก ขอให้คุณจำให้ขึ้นใจไว้เลยว่า “ความสม่ำเสมอ” และ “ความอดทน” เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ สม่ำเสมอในหน้าที่ที่ต้องทำ และอดทนต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ
อย่างไรก็ตามแม้ความสม่ำเสมอในสิ่งที่ต้องทำจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่คุณจะไม่มีทางบรรลุเป้าหมายได้เลย ถ้าคุณมัวทำสิ่งเดิมซ้ำๆและเอาแต่หวังว่าครั้งนี้คงไม่พลาดอีก มองย้อนไปถึงความล้มเหลวที่ผ่านมาแล้วลองพิจารณาว่ามีอะไรอีกบ้างที่คุณต้องเปลี่ยน ลองวิธีใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวคุณที่สุด ส่วนไหนที่ไม่ดีก็แก้ไขโดยใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เป็นประโยชน์
2. ขาดความมั่นใจ
คนที่ขาดความมั่นใจมักทำอะไรตามกระแสสังคม ไม่กล้าออกจากกรอบ พวกเขาไม่มั่นใจในตัวเองเอาซะเลย เพราะกลัวจะถูกสังคมตัดสิน แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งตัวเองทำอยู่นั้นผิด การต้องทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเองเช่นนี้แทนที่จะส่งผลดี กลับเป็นการเพิ่มภาระให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว
จงหาให้เจอว่าอะไรที่สำคัญกับคุณจริงๆ หากว่ามันช่วยให้ชีวิตคุณพัฒนาขึ้น ก็อย่ารีรอที่จะทำให้สำเร็จ และแม้ว่าสิ่งนั้นจะยากแค่ไหนก็อย่าปล่อยให้มันมาทำลายความตั้งใจของคุณ ความสำเร็จเป็นเรื่องของความพยายามก็จริง แต่การเป็นตัวของตัวเองย่อมสำคัญเช่นกัน
3. ชอบหาข้ออ้าง
ความแตกต่างระหว่างผู้ชนะกับพวกขี้แพ้ก็คือ พวกขี้แพ้จะมีลักษณะอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือชอบหาข้ออ้าง หากคุณมีโอกาสได้พบเจอคนเหล่านี้ พวกเขามักมีเหตุผลดีๆมารองรับความล้มเหลวเสมอ ในขณะที่เหล่าผู้ชนะจะพยายามอย่ายิ่งเพื่อหาต้นตอของความล้มเหลว แล้วแก้ไขเพื่อไม่ให้กลับไปล้มเหลวแบบเดิมอีก
ปรับทัศนคติของคุณเสียใหม่หากพบว่าตัวเองเข้าข่ายพวกขี้แพ้ อย่าตัดสินว่าตัวเองล้มเหลวเพียงเพราะไม่สามารถทำเป้าหมายให้สำเร็จ น้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ความพยายามเท่านั้นที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ พยายามให้เต็มที่ ไม่ว่าท้ายที่สุดคุณจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตามเพราะอย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นบทเรียนให้คุณได้เรียนรู้
4. ไม่เรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต
บางคนเกิดมาเพื่อเรียนรู้ ในขณะที่บางคนเกิดมาเพียงเพื่อใช้ชีวิตให้หมดไปเป็นวันๆ หากเรามีทัศนคติที่ถูกต้อง คำกล่าวที่ว่า “ผิดเป็นครู” ก็คงจะไม่เป็นสิ่งที่เกินจริงจนเกินไปเพราะเราสามารถเรียนรู้ได้จากทุกความผิดพลาดเสมอ ถ้าโลกเรามีแต่สีขาวแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสีดำหน้าตาเป็นอย่างไร จริงไหม? ความผิดพลาดก็เช่นกัน ถ้าทุกคนทำถูกหมดก็คงจะไม่เหลืออะไรให้เราเรียนรู้อีกต่อไป
แก้ปัญหาให้ถูกจุด หาให้เจอว่าอะไรคือสิ่งที่คุณอยากทำให้สำเร็จ ทำอย่างไรถึงจะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ เพราะอะไรถึงทำไม่สำเร็จ แน่ใจแล้วหรือไม่ว่าคุณมาถูกทางแล้ว เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจน ยกตัวอย่าง หากคุณมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งและต้องการให้เงินเพิ่ม สิ่งจำเป็นที่สุดที่ต้องทำก่อนใครก็คือ ตัดค่าใช้จ่ายในส่วนไม่จำเป็นออกไป แทนที่จะเอาแต่หาช่องทางทำเงินเพิ่ม
5. ไร้วินัย
ความสำเร็จในชีวิต ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะวินัยในตัวเอง การจะมีวินัยได้ต้องอาศัยความอดทนและความพยายามอย่างยิ่งต่อสิ่งยั่วยุทั้งหลาย ซึ่งสร้างได้ง่ายๆด้วยการมีสมาธิในสิ่งที่กำลังทำอยู่
อย่าเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ เพราะการที่คุณวาดฝันให้ความสำเร็จออกมาสวยหรูจนเกินไป จริงอยู่ที่มันเป็นกำลังใจอย่างดี แต่ในทางปฏิบัติ มันอาจเป็นไปไม่ได้และทำให้คุณเสียกำลังใจเปล่าๆ การบรรลุเป้าหมายอะไรสักอย่างไม่ได้หมายความว่าอุปสรรคทั้งหลายจะหมดไป ดังนั้นตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและอย่าเสียเวลากับสิ่งที่ไม่จำเป็น
6. ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง
การไม่เห็นค่าในตัวเองเปรียบได้กับการไม่เคารพตัวเอง อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินไป แม้ว่าคุณจะไม่ประสบความสำเร็จ ก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตคุณล้มเหลว คุณจะล้มเหลวก็ต่อเมื่อคุณหยุดพยายาม จงมองเป้าหมายให้เป็นเรื่องท้าทาย มันจะทำให้คุณอดทนและพยายามมากขึ้นเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
7. เชื่อเรื่องโชคลาง
การเชื่อเรื่องโชคลาง ทำให้การรับรู้ความเป็นจริงบิดเบือนไป เชื่อว่าโชคลางมีส่วนในความสำเร็จและความผิดพลาด การปล่อยให้เรื่องของโชคลางมามีบทบาทมากเกินไปในชีวิตโดยเชื่อว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดส่งผลให้คนเราไม่ยอมใช้ความพยายาม
ทุก ๆ เช้าที่คุณส่องกระจกลองบอกตัวเองว่า “ฉันต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง” แม้คุณจะไม่สามารถควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าการบอกตัวเองทุกเช้าเช่นนี้ ทำให้คุณสามารถจัดการชีวิตได้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่โชคลางที่ทำให้คุณมีความสุขหรือประสบความสำเร็จ แต่เป็นตัวคุณเองต่างหาก
และขอให้จำไว้ว่าทัศนคติเป็นสิ่งที่กำหนดว่าคุณจะมีชีวิตแบบไหน จะยากลำบากหรือสุขสบายก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิดของคุณทั้งสิ้น
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
