ชายที่หมกมุ่นในการทำประตู ฟิลิปโป้ อินซากี้
ในความจริงของโลกฟุตบอล ผู้คนมักจะจดจำกองหน้าที่มีสไตล์การเล่นที่โดดเด่น มีลีลาการกระชากลากเลื้อย การเลี้ยงกินตัวหลอกล่อให้กองหลังของฝ่ายตรงข้ามหัวหมุน หรือแม้กระทั่งการจบสกอร์ที่สวยงาม ปฎิเสธไม่ได้ว่าสไตล์เหล่านี้มันช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเหล่ากองหน้าเปรียบเสมือนเป็นเครื่องหมายการค้าอย่างหนึ่ง เพราะอย่างนี้นักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่, หรือแม้กระทั่ง เนย์มาร์ จึงถูกพูดถึงในเรื่องของสไตล์การเล่นและเป็นไอดอลของเด็กๆ ที่ฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอล
แน่นอนว่าในขณะที่ทุกคนต่างชื่นชมนักเตะที่มีสไตล์การเล่นน่าจดจำ จนบางทีอาจจะหลงลืมไปว่าในโลกของฟุตบอลแห่งนี้ยังมีกองหน้าอีกหนึ่งคนที่ไม่มีสไตล์การเล่นที่หวือหวา แต่เป็นสไตล์การเล่นที่ไม่มีชื่อเรียกเพราะว่าในสิ่งต่างๆ ที่เขาได้ทำกับโลกของฟุตบอลเหมือนกับเขาได้สร้างวิถีการเล่นของกองหน้าในแบบของตัวเองขึ้นมา จนหลายคนขนานนามว่ามันคือ สไตล์ของ “ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ”
ฟิลิฟโป้ อินซากี้ แทบจะเป็นนักบอลที่ทำลายทุกปรัชญาฟุตบอล ปรมาจารย์ทางด้านเทคนิคหลายคนต่างปวดหัวกับวิธีการเล่นของเขา ถึงขั้นที่ โยฮัน ครัฟฟ์ ยังเคยบอกว่า การเล่นของ อินซากี้ นั้นเหมือนกับผู้ชายที่เล่นฟุตบอลไม่เป็น สิ่งที่เขาทำเหมือนกับว่าตัวเขาอยู่ถูกที่และถูกเวลาเพียงเท่านั้น
เกือบ 200 ประตูตลอดชีวิตการค้าแข้งของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ทั้งในนามสโมสรหรือในนาม ทีมชาติอิตาลี แต่หากจะให้จัดหมวดหมู่หรือจะให้บอกว่าตัวของเขาเองเป็นนักเตะสไตล์ไหนหลายคนคงจะคิดหนักจนถึงขั้นกุมขมับ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีเทคนิคในการเล่นทีดีมากมายเหมือนอย่างที่ โยฮัน ครัฟฟ์ ได้เคยกล่าวเอาไว้ แต่คนอย่างเขาเองก็มีเครื่องหมายการค้าที่มักจะถูกพูดถึงอยู่เสมอนั่นก็คือ เขาสามารถทำลายกับดักล้ำหน้าของกองหลังฝ่ายตรงข้ามได้จนย่อยยับ
อินซากี้ รู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์โดดเด่นและมีทักษะทางฟุตบอลเท่ากับกองหน้า นักบอลอิตาลีหล่อ เพื่อนร่วมชาติอย่าง เดล ปิเอโร่ หรือ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ แต่สิ่งที่เขามีคือพรแสวงที่จะสรรหาวิธีที่ทำให้เขาหลบหนีกองหลังอีกฝั่งเข้าไปทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ มันคือรูปแบบการเล่นที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาชนิดที่ว่าในโลกใบนี้ไม่มีกองหน้าแบบไหนทำได้แน่นอน คนอย่างเขาเหมือนกับรู้อนาคตล่วงหน้าว่าบอลจะมาในทิศทางไหนอยู่เสมอ
ว่ากันว่าในหลักวิทยาศาสตร์สมองของมนุษย์เราถูกแบ่งออกเป็นซีกซ้ายและขวา ทั้งสองฝั่งนั้นทำงานต่างกัน ฝั่งซ้ายมีหน้าที่ควบคุมทักษะต่างๆ ของร่างกาย ส่วนฝั่งขวามีหน้าที่ตีความเข้าใจของมนุษย์เราให้ออกมาเป็นภาพ ซึ่งแน่นอนว่า อินซากี้ คงจะถนัดใช้สมองทางฝั่งขวาได้เต็มที่เพราะในทุกๆ ครั้งที่เขาขยับตัว สมองฝั่งขวานั้นจะสร้างภาพขึ้นมาในหัวหรือที่เราเรียกมันว่าจินตนาการ มันจึงทำให้เขา
เหมือนกับว่ารับรู้อนาคตของกองหลังว่าจะขยับตัวไปทางไหนและเขาเองก็ควรที่จะเอาตัวเองไปอยู่ทางไหนเพื่อให้หลุดเข้าไปทำประตูได้ หากพรสวรรค์ของ นักบอลอิตาลีหล่อ อย่าง เดล ปิเอโร่ และ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ คือการพาบอลลากเลื้อยเข้าไปทำประตู พรสวรรค์ของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ก็คือการอ่านเกมและการใช้จินตนาการเพื่อเอาชนะกับดักล้ำหน้าของกองหลัง
แน่นอนว่ากองหลังรู้ดีว่าเขาคือตัวจบสกอร์ชั้นยอด ดังนั้นก็ไม่แปลกที่ตลอดทั้งเกมจะถูกจับตามองจนแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้ แต่นั่นมันก็ไม่ใช่อุปสรรคไม่มีอะไรมาหยุดให้ อินซากี้ ทำประตูได้เลย เพราะว่าตลอดเวลาเขาไม่เคยหยุดนิ่ง เขาเลือกที่จะใช้วิธีวิ่งไปมาตลอดทั้งเกมเพื่อเปิดช่องและสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมส่งบอลมาแบบพอเหมาะพอเจาะ ใน 90 นาทีเราจะได้เห็นความพยายามของเขาหลายๆ ครั้งผ่านการยกธงล้ำหน้าของกรรมการริมเส้น มันคือความพยายามผสมกับความกระหายในการทำประตู
เหมือนจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ในโลกฟุตบอลหากคนๆ นึงที่เรามองด้วยสายตาอาจจะดูว่าไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก เราไม่เคยเห็น อินซากี้ โชว์ลีลากระชากลากเลื้อย บางครั้งก็มีจังหวะที่เขารับบอลกระเฉาะห่างเป็นวาจนถูกแซวว่าเหมือนเด็กเพิ่งหัดเล่นบอลด้วยซ้ำ แต่เบื้องหลังการมีชื่อบนสกอร์บอร์ดในแทบจะทุกนัดที่ลงแข่งของเขา มันคือความเพียรพยายามที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวอ้างข้างบน
เป็นเรื่องดีที่ ฟิลิปโป้ อินซากี้ รู้ตัวเองได้เร็วว่าเขาไม่ใช่คนเก่งอะไรนัก แต่เขามีวิธีรับมือกับปัญหาด้วยความขยันหมั่นเพียร เจนนาโร กัตตูโซ่ เพื่อนร่วม ทีมเอซี มิลาน เคยให้สัมภาษณ์ว่า คนอย่าง ฟิลิปโป้ อินซากี้
เรียกได้ว่าคลั่งไคล้และถึงขั้นหมกมุ่นในการทำประตูเป็นอย่างมาก ในทุกๆ ครั้งเขาจะนั่งดูวิดีโอของคู่แข่งยาวนานเป็นชั่วโมง ดูซ้ำไปซ้ำมาเพื่อวิเคราะห์การเล่นของกองหลังฝั่งตรงข้าม ไม่พอแค่นั้นความโหยหาในการล่าตาข่ายมันก็ทำให้เขาจำเป็นต้องศึกษาประวัติและสไตล์การเล่นเฉพาะตัวบุคคลอีกด้วย นี่คือคำตอบว่าทำไมเขาถึงสามารถรับรู้อนาคตล่วงหน้าว่ากองหลังคนนี้จะขยับไปทางไหนอยู่เสมอ
ยกตัวอย่างในเกม ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก นัดที่เข้าชิงกับทีมดังอย่าง ลิเวอร์พูล ในเกมนั้นจบลงด้วยสกอร์ 2 - 0 และ เอซี มิลาน ก็คว้าแชมป์มาครองโดยมีชื่อของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ขึ้นอยู่บนสกอร์บอร์ดทั้ง 2 ประตู แน่นอนว่าในจังหวะประตูแรกหลายคนอาจจะมองว่ามันฟลุ๊ค เมื่อตัวของเขาพาตัวเองวิ่งฝ่าแนวกำแพงเข้าไปโดนบอลที่ อังเดร ปีร์โล่ ปั่นฟรีคิกจนไปกระทบกับลำตัวเป็นประตู
แต่ประตูที่ 2 ในนาทีที่ ริคาร์โด้ กาก้า เลี้ยงกินตัวกองหลังเข้ามาเรื่อยๆ แน่นอนว่า เจมี่ คาราเกอร์ ต้องรู้ถึงสรรพคุณของ อินซากี้ เป็นอย่างดีเขาจ้องสิ่งที่เรียกว่า “ ตัวจบสกอร์ ” อย่างที่ไม่ให้คลาดสายตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจจะทันได้
เพราะคนอย่าง อินซากี้ รู้ดีว่าใครจะทำอะไร เพียงระยะเวลาห่างกันแค่ 1 ก้าว ตัวของเขาก็ได้พาตัวเองวิ่งสอดเข้ามาในกรอบประตู สามารถสลัดกับดักล้ำหน้าของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ได้อย่างหมดจดจนเป็นภาพที่จำติดตัว ถึงขั้นที่ คาราร์เกอร์ เองต้องกุมเข่าและถอนหายใจจะวิ่งตามไปยังไงก็ไม่ทันซะแล้ว สุดท้ายเกมวันนั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของ ทีมเอซีมิลาน และมันก็เหมือนกับเป็นชัยชนะของ ผู้ชายที่ชื่อว่า ฟิลิปโป้ อินซากี้ เช่นกัน
ชายคนนี้สามารถทำประตูได้จากทุกส่วนของร่างกายตามที่เราจะนึกขึ้นได้ มีครั้งหนึ่ง เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงขั้นพูดเอาไว้ว่า ชายคนนี้เกิดมาเพื่อล้ำหน้า แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญอะไร ต่อให้ในเกม อินซากี้ จะล้ำหน้าเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่หากได้มีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวที่หลุดเข้าไปโดยที่ไม่มีธงยกขึ้นมา มันก็เป็นการการันตีได้เลยว่าชื่อของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ จะต้องปรากฎขึ้นมาบนสกอร์บอร์ดอย่างแน่นอน
จริงอยู่ที่หลายคนบอกไว้ว่าชายคนนี้หลงรักการทำประตูเป็นอย่างมากจาการแสดงท่าดีใจอย่างสุดเหวี่ยงในทุกเกมที่ยิงได้ แต่เมื่อเรามาลองทบทวนสิ่งต่างๆ ผ่านเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา จะให้บอกว่าชายคนนี้นั้นหลงรักการทำประตูเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ถูกนัก บางครั้งประตูต่างหากที่หลงรักเขาคนนี้ด้วย.
เขียนโดย : นักเตะจากโลกคู่ขนาน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
