30 ก.ย. 2022 เวลา 12:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ
EV จีนน่าลงทุนไหม?
เราเคยเขียนบทความกับ EV จีนและหุ้น NIO ไปตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว วันนี้อยากลองกลับมาดูอีกครั้งว่า EV จีนยังน่าลงทุนไหม
สิ่งที่ได้จากบทความนี้
- ทำไมกลุ่ม EV ถึงน่าสนใจ
- รถ EV มีกี่ประเภท
- EV จีนน่าสนใจยังไง
- ตัวเลขที่น่าสนใจของ EV ในจีน
- EV ในจีนแต่ละค่ายมีอะไรบ้าง
- หุ้น NIO ที่มาเป็นยังไง
ทำไมกลุ่ม EV ถึงน่าสนใจ
EV จีนอยู่ในกลุ่ม Mega trends ของโลก โดย BlackRock ได้ทำ Research เรื่อง Mega Trends ของโลก และพบว่า Trends หลักๆ มีทั้งหมด 5 อัน และโอกาสในการลงทุนในเทรนด์นั้น
- Shifting economic power การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก เช่น จีนและอินเดีย
- Technological breakthrough การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น AI, Robotics, Cybersecurity
- Demographics and social change การเปลี่ยนแปลงของสังคมและโครงสร้างประชากร เช่น Healthcare
- Climate change and resource scarcity การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น Clean Energy, EV & Battery
- Rapid urbanisation การขยายตัวของเมือง เช่น โครงสร้างพื้นฐาน
แน่นอนว่า EV เป็น 1 ใน 5 Mega trends
แล้วรถ EV มีกี่ประเภท?
รถยนต์แบบสันดาบ ขับเคลื่อนด้วย้นำมันคือ Internal combustion engine vehicales เรียกสั้นๆ ICE ขณะที่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย Battery ได้ด้วยคือ Hybrid Vehicles (HV)
ขณะที่ถ้าอีกอันคือ Battery ใหญ่ขึ้นมาหน่อยถ้าเทียบกับ Hybrid ยังเป็น ICE ด้วย แต่มีช่องให้เสียบ Plug-in recharge ตัวนี้เรียกว่า Plug-in hybrid vehicles (PHEV)
ส่วนแน่นอนว่าอีกแบบคือที่ทุกคนพูดถึงกันมากที่สุด เวลาเราพูดถึง EV นั่นก็คือ BEV หรือ Battery electric vehicles ที่ขับเคลื่อนด้วย Battery อย่างเดียว ไม่มีน้ำมันใดๆ
เวลาเราอ่านข่าวเห็นชอบพูดกันถึง EV ส่วนใหญ่แล้วคือ BEV!
ทำไม EV ถึงพึ่งมาบูมมากๆ ไม่กี่ปีมานี้?
ต้นทุน Battery ที่ลดลงมากจากปี 2013 ที่อยู่ราว USD700 per Kwh มาเป็น ต่ำ USD200 ในปี 2021-2022 ขณะที่ต้นทนที่ลดลง ตลาด EV กับเติบโตแบบก้าวกระโดด เรียกได้ว่าถ้าทำมาเป็น Bar chart ก็เป็นชาร์จที่สวนทางกันเลย ตลาด EV ที่เติบโตนั้น หลักๆ มาจากตลาดที่จีนที่กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรม EV ของโลกอยู่ รองลงมาเป็น USA ชณะที่แนวโนร้มการเติบโตในอนาคตนั้น IEA ตาดว่าสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงถึง 60% ภายในปี 2030 กรณีที่หลายประเภทเริ่มมาใช้นโยบาย Carbon neutral กันมากขึ้น เรียกได้ว่าตลาดนี้โอกาสเติบโตมีสูงมาก
สำหรับ BEV เจ้าที่มี Market share 1H22 มากที่สุดแบ่งเป็น
TESLA 19%, BYD 11%, SAIC 10.8%, Volkswagen 7.30%, Hyundai 5.60%
สำหรับ Plug-in เจ้าที่มี Market share 1H22 มากที่สุดแบ่งเป็น
BYD 15%, Tesla 14%, SAIC 8.6%, Volkswagen 8%, Geely-Volvo 5.6%
ทำไมต้อง EV จีน?
รัฐบาลจีนมีนโยบายที่สนับสนุนอุตสาหกรรมนี้มาก ในปัจจุบันเองก็มีการ Subsidy ให้ราว 8,000-10,000RMB สำหรับรถที่มีมูลค่าไม่าถึง 300,000RMB หรือถ้าสูงกว่าแต่เป็น Battery Swap ก็มีสิทธิได้เช่นกัน ปัจจุบันได้ขยายตัวนี้ไปถึงปีหน้า ซึ่งตอนแรกเป็นปัจจัยกดดันว่าจะหมดสิ้นปีนี้
ระยะยาวยังอยู่ในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลจีน ตั้งใจสนับสนุน เพราะอยู่ในนโยบาย Made in China 2025 ซึ่งมีหลายอุตสาหรรมในนั้นชเ่น IT, Aerospace Equipment, Railway Equipment, Medical devices อื่นๆ และพลาดไม่ได้ก็คือ Energy saving และ New EV !!!
ตัวเลขที่น่าสนใจของ EV ในจีน
ประเทศจีนมียอดขายรถ EV ราว 3 ล้านคันในปี 2021 คิดเป็น 13% ของรถทั้งหมด
มูลค่าตลาด EV คิดเป็น USD124.2bn สูงเทียบเท่า GDP ในหลายประเทศ
สัดส่วนการตลาดของโลก มากกว่า 50%
ตลาดคาดเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี
ประเทศจีนส่งออก EV คิดเป็น 60% ของโลกในปี 2021
ตลาดจีนยังเติบโตได้อีกเยอะ หลาย House คาดการณ์ว่า EV จะคิดเป็น 40-60% ภายใน 5 ปีข้างหน้าเลยด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าตลาดยังโตได้อีกถึง 2-3 เท่าจากตอนนี้
ตัวอย่าง EV ในจีนมีอะไรบ้าง?
Start-up
1. NIO ราคารถ 300,000+ หยวน, มีจุดเด่นที่ Battery as a service (BaaS) คือเปลี่ยนได้ อัพเกรดได้ เพียงไปที่ Swapping station ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที ก็เต็มเลย ดีกว่าการไป Plug-in เพื่อ Charge ให้นาน
2. Li Auto ราคารถ 300,000+ หยวน, จุดเด่นคือเติมน้ำมันได้ด้วยเป็น EREV หรือ Extended rage EV คือขับได้ไกล
3. Xpeng ราคา 150,000-400,000 หยวน, เจาะกลุ่มลูกค้ากลางและบน ด้วยราคาที่ถูกกว่า Li Auto / NIO
ทั้งสามบริษัทยังขาดทุนอยู่ และมีรายได้ระดับ 36,000 ล้านหยวนสำหรับ NIO ขณะที่ Li Auto และ Xpeng อยู่ที่ระดับ 27,000 ล้านหยวน และ 20,000 ล้านหยวน ตามลำดับ
มีหลายธุรกิจขายรถแบบ ICE ด้วย
1.Great Wall เริ่มจากรถยนต์แบบ ICE ต่อยอดมาเป็น EV มีหลายแบรนด์เช่น ORA, Great Wall, TANK, HAVAL
2. BYD ก่อตั้งมานาน เริ่มต้นจากการผลิต Battery ก่อนที่จะขยายมาทำธุรกิจรถยนต์ เน่นเจาะกลุ่มตลาด MASS
ทั้งสองราคารถยนต์ระดับ 200,000-300,000 หยวน
สองบริษัทนี้อยู่มานานกว่าพวก Start-up 3 อันด้านบน และมีกำไรแล้ว Great wall กำไร 6.73 พันล้านหยวน และ BYD ที่ 3.05 พันล้านหยวน
BYD มีข้อได้เปรียบที่ทำเรื่อง Battery อีกทั้งยังขายให้เจ้าอื่นด้วย
ทั้งหมดมีโรงงานเป็นของตัวเองหมด ยกเว้น NIO ที่ใช้วิธีให้ Management Agreement กับเจ้าอื่นในการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงการลงทุนสูงแบบ High capital intensive ซึ่งก็เป็นเรื่องดี และก็ไม่ดี เพราะการมีโรงงานเป็นของตัวเองอาจจะทำให้ได้มาร์จิ้นที่ดีกว่า โดยมาร์จิ้นของ NIO เองก็ถือว่าต่ำกว่าคู่แข่งเล็กน้อยด้วย แต่ข้อดีคือเอาเงินไปลง R&D ได้ และขยายการลงทุนได้เร็ว
ทำความรู้จัก NIO
NIO ก่อตั้งเมื่อปี 2014 เป็นบริษัทที่เติบโตมาจากการทำ SUV ด้วยรุ่น EC6, ES8, ES6 ปัจจุบันได้ขยายตลาดไปยัง Sedan ด้วย อีกทั้งยังมีอีกแบรนด์ที่กำลังทำ เพื่อเจาะกลุ่มตลาด Mass มากขึ้น จากที่ต้อนนี้เขา Positioning ตัวเองเป็นแบบ Premium EV ราคาทัดเทียม TESLA ได้เลย ซึ่งก็จะไปชนกับ Xpeng บางรุ่น Li Auto และ TESLA เป็นหลัก มากกว่าแบรนด์ของ Great Wall / BYD
ปัจจุบัน NIO ยังไปรุกตลาดต่างประเทศด้วย เช่น เยอรมัน ฮังการี และ USA ในอนาคต
NIO เติบโตตามอุตสาหกรรมมาก รถยนต์ผลิตระดับต่ำกว่า 2,000 คันในช่วงปี 2019 จนมาแตะระดับ 4,000 คันในปี 2020 ใช้เวลาเพียง 1 ปีในการเติบโตอย่างเท่าตัว โดยปี 2021 สูงแตะระดับ 6,000-8,000 คัน และปีนี้ 2022 ที่แตะระดับ 10,000 คันต่อเดือน เรียกได้ว่าโตกว่า 5 เท่า ถ้าวัดจากปี 2019.
อย่างไรก็ดีในปี 2022 ก็มีช่วงลง เช่นเดือนเมษายน เพราะเกิดจาก Lockdown ในประเทศจีน และเดือนกรกฎาคม เกิดจากขาดแคลนชิ้นส่วนทำให้ผลิตไม่ได้ตามเป้า (ปัจจัยเฉพาะตัวของ NIO) กอรปกับช่วงครี่งปีหลังจะมีการออกรถรุ่นใหม่หลายรุ่นด้วย
ปัจจุบันตัวเลขเดือนสิงหาคมออกมาแล้ว ยอดขายยังระดับ 10,000 คันอยู่ ทรงตัวจากเดือนกรกฎาคม แต่ยังโตถ้าเทียบกับปีที่แล้ว
ภาพการเติบโตของ NIO จริงๆ ไม่ใช่แค่ NIO เจ้าเดียวแต่เป็นทุกเจ้าในตลาด เห็นการเติบโตรูปแบบเดียวกัน
NIO มีรูปลักษณ์รถยนต์ที่ทำได้ค่อนข้างสวยเลย ซึ่งรถยนต์เป็นสินค้าที่บางครั้งคนที่นอกจากดูฟังก์ชั่นแล้วดูที่รูปลักษณ์ ซึ่ง NIO ถือว่าทำออกมาได้ดี ไม่ใช่แค่ขายได้เฉพาะจีนแต่ทั่วโลก
NIO ยังต้องเจอกับความท้าทาย ของการ Turnaround พลิกมาเป็นบวกให้ได้สำหรับ EBITDA หรือเอาแบบเข้าใจง่ายสุดคือกำไรที่เป็นกระแสเงินสด
จริงๆ นักวิเคราะห์ในตลาดคาดปีนี้จะบวกในตอนแรก แต่ตอนนี้เราเจอเหตุการณ์ที่เงินเฟ้อสูง ชิปคาดแคลน ทำให้เป็นปัจจัยกดดันของกลุ่ม EV เหมือนกัน อย่างไรก็ดียอดขายยังเติบโตจากปีที่แล้วสูงอยู่นะ
ความท้าทายของ EV ในจีนต่อจากนี้
การขาดแคลนชิปจะหมดเมื่อไหร่
การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในจีน ส่งผลให้โรงงานหลายแห่งจำกัดการผลิต ทำให้ยอดผลิตรถมีปัญหาเหมือนกัน
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ
NIO เป็นหุ้นที่ปรับตัวลงมาเยอะ เนื่องจากขึ้นมาสูงมากในสองปีที่แล้ว และตอนนี้เองก็ยังไม่กำไร รวมไปถึงสภาวะตลาดด้วย เช่น ขาดแคลนชิป ต้นทุนขึ้น ต่างๆอีก
NIO เองมีทั้งที่ List ในตลาด USA และในสิงคโปร์ โดยเขาพึ่ง List ที่ SGX ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งช่องทางของนักลงทุนที่อยากลงทุนใน NIO และไม่ต้องกังวลการ Delist หรือปัจจัยกดดัน จีน-เมกา
สรุป
หากใครสนใจลงทุนใน EV ที่จีน แนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ราคาลงมาแรง หรือซื้อแบบ ETF จีนไปเลย โดยต้องเน้นลงทุนระยะยาวเท่านั้น ปัจจัยระยะสั้นยังมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และเรื่องขาดแคลนวัตถุดิบบางชนิด อย่างไรก็ดียอดขายรถยนต์ยังทำได้เติบโตต่อเนื่อง และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมารับข่าวต่างๆ อาจจะเป็นถึงจุดในการเข้าสะสมได้
LINETODAY 👉https://today.line.me/th/v2/publisher/10240
โฆษณา